ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 3109

สรุปบท ตอนที่ 3109 ก่อกรรมเอง ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ตอน ตอนที่ 3109 ก่อกรรมเอง ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ จาก ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 3109 ก่อกรรมเอง ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 3109 ก่อกรรมเอง ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้

“ท่านพี่…” สุดท้าย กระบี่เหินเทียนเจียวร้องออกมาด้วยความเศร้าโศกเสียใจคำหนึ่ง แต่ว่า ภายในรถม้าเงียบสงัด จักรพรรดิซีหวงไม่ได้ตอบกลับอีก ไม่หวั่นไหวอีกต่อไปแล้ว

ทุกคนต่างเข้าใจแล้วว่า จักรพรรดิซีหวงจะไม่ลงมือให้การช่วยเหลืออีกต่อไป เมื่อมองเห็นภายในรถม้ามีแต่ความเงียบสงัด ท้ายสุด กระบี่เหินเทียนเจียวได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว

“ท่านพี่…” กระบี่เหินเทียนเจียวส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโศกเศร้าอีกหลายคำ แต่ทว่า ภายในรถม้าไม่ได้มีเสียงใดๆ อีกต่อไป กระบี่เหินเทียนเจียวไม่รับรู้ใดๆ เกี่ยวกับนางอีกแล้ว

สุดท้าย กระบี่เหินเทียนเจียวก็เข้าใจได้แล้วในที่สุด มาคราวนี้จักรพรรดิซีหวงจะไม่ลงมือช่วยนางอีกแล้วจริงๆ ต่อให้นางร้องจนคอแตกก็ไร้ประโยชน์

รถม้ามีแต่ความเงียบสงัด กระบี่เหินเทียนเจียวเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มให้แห้ง ลุกขึ้นยืนเงียบๆ

ในขณะนี้ กระบี่เหินเทียนเจียวไม่ร้องไห้อีก และไม่ร้องขอความช่วยเหลืออีกต่อไป เนื่องจากไม่ว่านางจะร้องไห้อย่างไร ร้องขอความช่วยเหลือเช่นใดก็ไร้ประโยชน์ เวลานี้หนึ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ก็คือ ไปเผชิญหน้ากับความตายด้วยตนเองแล้ว

ทุกคนต่างนิ่งเงียบ เมื่อเห็นกระบี่เหินเทียนเจียวปาดน้ำตาให้แห้งเงียบๆ คนเดียว และมีบางคนอดที่จะสงสารนางไม่ได้ จะอย่างไรเสีย กระบี่เหินเทียนเจียวเคยเป็นสุดยอดสาวงามในหล้าคนหนึ่ง นางเคยผาดโผนทั่วหล้า มีความหยิ่งยโสสูงส่งอย่างยิ่ง มาวันนี้กลับจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนั้น

แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่เพียงแค่มองดูเท่านั้นเอง ในทัศนะของพวกเขามองว่า การที่กระบี่เหินเทียนเจียวต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เป็นการทำตัวเองแท้ๆ มิฉะนั้นล่ะก็ หากนางรู้ตัวเองไม่ไปหาเรื่องตาย ก็จะไม่ไม่มีจุดจบเช่นนี้

“ต่อให้พี่เขยคือระดับปฐมบรรพบุรุษก็ไร้ประโยชน์นะเนี่ย” ผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่กล่าวปลงอนิจังขึ้นเบาๆ เมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว

กระบี่เหินเทียนเจียวคือน้องภรรยาของพระอาจารย์จินกวง แต่ น่าเสียดายด้วยฐานะเช่นนี้กลับไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในที่สุด

กล่าวสำหรับคำพูดของกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้น ผู้อาวุโสได้จ้องตาเขม็งพวกเขาและกล่าวตำหนิว่า “มีความสามารถแค่ไหนก็ให้ทำเรื่องที่ใหญ่แค่นั้น เรื่องที่ตนเองก่อขึ้นมาก็ต้องรับเอง อย่าคิดหวังพึ่งพาผู้อาวุโส คิดจะทำร้ายสำนักของตนเองหรืออย่างไร?” เมื่อถูกผู้อาวุโสกล่าวตำหนิ ทำเอาบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก

แน่นอนที่สุด หากเปลี่ยนเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ หรือผู้อาวุโสใดๆ ก็ตาม ก็จะต้องทำเช่นนี้ การไปหาเรื่องกับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะคนโหดอันดับหนึ่งเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิใดๆ ก็ตาม ก็จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติของการล่มสลาย จะมีระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสักกี่แห่งที่ยินดีนำเอาระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตนพ่วงเข้าไปด้วย เพียงเพราะเรื่องบุญคุณความแค้นส่วนตัวของศิษย์คนหนึ่ง การกระทำเช่นนี้รังแต่ทำให้ตนเองกลายเป็นคนบาปของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน ละอายต่อบรรพชนของตน

ในเวลานี้ กระบี่เหินเทียนเจียวได้ปาดน้ำตาจนแห้ง จัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของตนให้เรียบร้อย ทำให้ภาพรวมกลับคืนมาดูดีไม่น้อยทีเดียวอีกครั้ง

เมื่อครู่นั้น กระบี่เหินเทียนเจียววิ่งหนีเหมือนสุนัขที่ไร้เจ้าของ ภาพรวมของนางเรียกว่ากระเซอะกระเซิงสุดๆ ไม่หลงเหลือคราบของผู้มีความสามารถและห้าวหาญแห่งยุค ไม่เหมือนเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลของสี่ซี ท่วงทีที่มีความงดงาม เกียรติยศทั้งหมดล้วนมลายหายไป

แต่ว่า นาทีนี้ เมื่อจักรพรรดิซีหวงไม่ลงมือเข้าให้การช่วยเหลือ กระบี่เหินเทียนเจียวรู้ว่าตนเองนั้นไม่สามารถหนีรอดได้อีกต่อไป นางรู้ว่าตนเองจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเพราะคำพูดคำหนึ่งของจักรพรรดิซีหวง หรือเป็นเพราะเพื่อนางเองแล้ว นางก็ต้องให้ตนเองตายอย่างมีเกียรติมากกว่านี้

นางคืออัจฉริยะบุคคลของสี่ซี เหมือนดั่งที่พี่สาวของนางจักรพรรดิซีหวงพูดเอาไว้อย่างนั้น นางไม่ควรทำให้สำนักของตนต้องเสื่อมเสีย

นางคือกระบี่เหินเทียนเจียว เป็นหญิงงามแห่งยุคที่หยิ่งยโสสูงส่งคนนั้น นางไม่ควรให้ตนเองต้องตายด้วยท่าทางที่กระเซอะกระเซิง ตายเหมือนสุนัขข้างถนนตัวหนึ่งอย่างนั้น

แม้จะต้องตาย ก่อนตายนางก็ต้องมีท่วงทีที่งดงามอยู่บ้าง นางคือกระบี่เหินเทียนเจียว! หาใช่ผู้เยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม นางต้องการตายดูดีมีเกียรติสักหน่อย

เวลานี้ กระบี่เหินเทียนเจียวเองก็ไม่ไปร้องขอให้ละเว้นตน นางรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ นางต้องการให้ตนเองได้รักษาเกียรตินักนิดก่อนตาย อย่าให้นาทีสุดท้ายที่ตนเองต้องตายนั้นไร้ซึ่งเกียรติแม้แต่น้อย!

นางคือกระบี่เหินเทียนเจียว ต่อให้ต้องตายก็ขอตายอย่างสูงส่งสักนิด แม้จะเป็นเพียงเท่านี้กล่าวสำหรับนางแล้ว ก็เป็นสิ่งล้ำค่าแล้ว

เวลานี้ กระบี่เหินเทียนเจียวเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจภายหลัง คนเรากำลังจะตายอยู่แล้วยังจะต้องไปเสียใจภายหลังเพื่ออะไรกัน มันเป็นเรื่องที่ไร้ความหมายอยู่แล้ว

ในเมื่อจะต้องตายอยู่แล้วก็ไม่ต้องไปเสียใจภายหลัง ไม่ต้องไปเสียใจ ทุกสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปนั้นไม่มีอะไรจะต้องไปเสียใจภายหลัง ไม่มีอะไรคู่ควรหรือไม่คู่ควรอยู่แล้ว

นางก็คือนาง นางคือกระบี่เหินเทียนเจียว หญิงสาวที่หยิ่งยโสและถือดีคนนั้น

หลี่ชิเย่ยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงนั้นเงียบๆ รอการจัดแจงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของกระบี่เหินเทียนเจียว และปาดน้ำตาทิ้งเสีย โดยไม่รีบร้อนที่จะลงมือ

ทุกคนต่างมองดูกระบี่เหินเทียนเจียวเงียบๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า กระบี่เหินเทียนเจียวจะต้องตายอย่างไม่น่าสงสัย เพียงแต่ตายให้มันดูดีสักหน่อย ตายมีมีเกียรติมากกว่าสักหน่อยเท่านั้นเอง

ผู้คนจำนวนมากต่างสามารถเข้าใจได้ว่า เพราะอะไรกระบี่เหินเทียนเจียวที่เมื่อครู่ร้องอย่างน่าเวทนา กลับกลายเป็นเข้มแข็งขึ้นมาทันที เมื่อมาถึงขั้นอับจนหนทางแล้ว

หลี่ชิเย่รอจนกระทั่งกระบี่เหินเทียนเจียวจัดแจงเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยเรียบเฉยขึ้นมาว่า “ต้องการตายด้วยวิธีไหนล่ะ?”

“ต่อให้ข้าต้องกลายเป็นผี ก็จะไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน!” เวลานี้กระบี่เหินเทียนเจียวจ้องมองซึ่งหน้ากับหลี่ชิเย่ ไม่เหมือนท่าทางที่หวาดกลัวขณะวิ่งหลบหนีเมื่อครู่อย่างนั้น ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่วิตกกังวลไม่สิ้นสุด เมื่อเผชิญหน้ากับความตายแล้ว นางดูมีจิตใจที่เยือกเย็นขึ้นไม่น้อย

“เสียดาย คิวรอไม่ถึงเจ้า” หลี่ชิเย่หัวเราะและยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ถ้าหากคนตายแล้วยังกลายเป็นผีได้ เช่นนั้นแล้วคนที่จะมาล้างแค้นข้าคงเบียดเสียดเต็มไปทั่วแดนลัทธิเซียนแล้ว ส่วนเจ้านั้นยังไม่มีคิว”

“ฆ่า…” พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ กระบี่เหินเทียนเจียวร้องตวาดเสียงดังขึ้น ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง ร่างนั้นกลับกลายเป็นกระบี่ ประกายกระบี่เจิดจ้ายิ่ง

พริบตาเดียวนั่นเอง พลังกระบี่ยิ่งใหญ่ไพศาล พลันปรากฏเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นับพันนับหมื่นเล่ม เข้าโจมตีหลี่ชิเย่ภายใต้เสียงกระบี่คำรามที่ดังตึงนั่น

กล่าวสำหรับระดับปฐมบรรพบุรุษสักคน บางทีก็คงมีเพียงผู้หญิงแบบนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับเขา

หลังจากที่หลี่ชิเย่สังหารกระบี่เหินเทียนเจียวแล้วเพียงตบมือเบาๆ เท่านั้นเอง ด้วยท่าทีเอ้อระเหย เสมือนดั่งเหยียบมดตายไปตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

“สิ่งที่เกิดขึ้นมาต่างๆ นานา ข้าต้องขออภัยอย่างยิ่ง” หลังจากที่นิ่งเงียบมาครู่ใหญ่ เสียงของจักรพรรดิซีหวงได้ส่งออกมาจากรถม้าโดยไม่มีอาการโกรธแม้แต่น้อย น้ำเสียงดูจะจริงใจอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “ก่อเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ เป็นเพราะข้าอบรมสั่งสอนไม่ดี ละอายใจยิ่งนัก”

คำพูดเช่นนี้ของจักรพรรดิซีหวงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเคารพนับถือขึ้นมาหลังจากได้ยินแล้ว

จักรพรรดิซีหวงคือผู้กุมอำนาจของสี่ซี เวลานี้ไม่เพียงไม่ได้โกรธ และไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ ตรงกันข้ามกลับยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้นับเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมไม่ธรรมดาแห่งยุคโดยแท้

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ละสายตากลับมา จากนั้นมองไปยังบริเวณลึกเข้าไปด้านในของผืนแผ่นดินผืนนี้ และกล่าวว่า “ข้ายังไม่ถึงขั้นเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้แล้วพาลโกรธสี่ซีของพวกเจ้า”

เวลานี้คำพูดของหลี่ชิเย่พูดได้ตามอารมณ์ยิ่ง แต่ว่า กลับทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยหายใจด้วยความโล่งอกไปทีหนึ่ง

ทุกคนต่างเข้าใจได้ว่า บุญคุณความแค้นในครั้งนี้ก็ได้จบสิ้นกันไปแล้ว ศึกระหว่างปฐมบรรพบุรุษที่ทุกคนกังวลก็คงไม่ระเบิดขึ้น

“ขอบคุณคุณชายหลี่” จักรพรรดิซีหวงแสดงความขอบคุณต่อหลี่ชิเย่ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความจริงใจ

“ไม่ต้องรีบขอบคุณข้า” หลี่ชิเย่เผยรอยยิ้มบางๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หลังจากเจ้าสามารถรักษาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว ค่อยมาขอบคุณข้ายังไม่สาย”

“คุณชายพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?” แม้แต่จักรพรรดิซีหวงก็ตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อจู่ๆ หลี่ชิเย่พูดคำพูดนี้ขึ้นมากะทันหัน

ไหนเลยเพียงแค่จักรพรรดิซีหวงเท่านั้น ทุกคนต่างก็ตะลึงนิดหนึ่ง เนื่องจากการสนทนาโต้ตอบเมื่อครู่ ทุกคนต่างก็รู้ว่าบุญคุณความแค้นระหว่างกระบี่เหินเทียนเจียวได้จบไปแล้ว มลายหายไปตามสายลม

เวลานี้คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พลันทำให้ผุ้คนงงเป็นไก่ตาแตก

“เนื่องจากข้าชอบผืนแผ่นดินผืนนี้” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และเอ่ยขึ้น พูดได้ตามอารมณ์ยิ่ง และพูดได้เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ดังนั้น พวกเจ้าไสหัวออกไป!”

พลันที่พูดคำๆ นี้ออกมาสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจอย่างยิ่ง ทำเอาทุกคนต่างตะลึงงัน

…………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล