หนูสีเทา… เปลือกตาไคลน์กระตุกเล็กน้อย รีบหันหลังกลับและเดินไปยังห้องกึ่งเปิดโล่ง เดินยาวจนกระทั่งถึงห้องนอนใหญ่ เข้าไปในห้องน้ำ
ทุกท่วงท่าที่เกิดขึ้น มันมิได้เร่งร้อน คล้ายกับทำในกิจวัตรที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
ลงกลอนประตูห้องน้ำ ไคลน์ถอยหลังสี่ก้าว ผ่านสายหมอกสีเทาที่เต็มไปด้วยเสียงเพรียก นั่งลงบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล
และก่อนจะทำสิ่งเหล่านี้ มันให้บุรุษรับใช้เอ็นยูน ซึ่งยืนอยู่บนทางเดิน สวดวิงวอนถึง ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่าด้วยเสียงต่ำ
อาศัยจุดแสงไฟดังกล่าว ไคลน์ที่กวักมือเรียกคทาเทพสมุทร ขยายภาพการมองเห็นออก จากนั้นก็เพ่งเล็งรถม้าที่กำลังแล่นเข้าไปในบ้านส.ส. มัคท์ อาคารหมายเลข 39 ถนนเบิร์คลุน
และในครั้งนี้ สิ่งที่เอนกายลงบนกระจกหน้าต่างและเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของถนนด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไม่ใช่หนูสีเทาอีกต่อไป หากแต่เป็นชายหนุ่มในหมวกผ้าไหม สวมเสื้อกันฝนสีดำ
เส้นผมสีดำ ดวงตาสีดำ ใบหน้าเพรียว หน้าผากกว้าง สวมแว่นตาผลึกขาเดียว สวมรอยยิ้มจางๆ จนแทบจะมองไม่เห็น ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘ผู้เย้ยเทพ’ ‘เทวทูตกาลเวลา’ ‘บุตรแห่งพระผู้สร้าง’ อามุนด์!
แม้ว่าไคลน์จะเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรง เย็นยะเยือกไปทั้งตัว
อามุนด์ยังคงปรากฏตัวในรูปลักษณ์ปรกติ แต่เนื่องจากขโมยชะตากรรมของครึ่งเทพหนูสีเทามาแล้ว ในสายตาทุกคน มันจึงเป็นเพียงหนูสีเทาที่ไม่มีพิษมีภัย
มันและพี่ชายของมัน ‘เทวทูตจินตภาพ’ อาดัม มีความคล้ายคลึงกันในบางสิ่ง นั่นคือการทำให้ผู้คนหวาดผวาเมื่อยิ่งครุ่นคิดถึงพวกมัน แต่เป็นคนละแง่มุมโดยสิ้นเชิง!
หากไม่ใช่เพราะหมอก หากไม่ใช่เพราะเราหลอมรวมกับที่นี่ในระดับหนึ่ง คงหาอามุนด์ไม่เจอเหมือนกัน… ไคลน์โล่งใจแกมหวาดกลัว รีบขยาย ‘ทัศนวิสัย’ ออกไปด้านนอก ตามหาร่างโคลนอามุนด์
เมื่อเทียบกับการ ‘ปลูกถ่ายโชคชะตา’ ร่องรอยของ ‘ปรสิต’ หาได้ง่ายกว่ามาก
ทว่า ไคลน์กลับไม่พบสิ่งใดเลย
ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารคนอื่น คนขับรถม้า หรือต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ไม่มีสิ่งใดกลายเป็นโฮสต์!
ไม่เหมือนกับที่เลียวนาร์ดเล่าให้ฟัง… เมื่ออามุนด์ปรากฏตัว มันควรจะมาพร้อมกับอามุนด์อีกจำนวนมากไม่ใช่หรือ? หรือว่าจะตระหนักถึงเรื่องที่ตนถูกค้นพบโดยจอมเวทพิสดารของโบสถ์รัตติกาล เคลือบแคลงว่าถนนเบิร์คลุนอาจถูกจับตามอง จึงส่งร่างโคลนไปเพียงหนึ่ง ตรวจสอบสถานการณ์เบื้องต้น? ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กๆ ระหว่างคาดเดา ไม่กล้าลงมือในสถานการณ์ปัจจุบัน
แน่นอน มันยังไม่ลืมคำพูดของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ ตราบใดที่จัดการกับร่างโคลนอามุนด์ได้หนึ่งตัว การกวาดล้างร่างโคลนทั้งหมดในเบ็คลันด์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก และปัจจุบัน มีร่างโคลนของอามุนด์เพียงหนึ่งตัวในถนนเบิร์คลุน นับเป็นโอกาสทองที่เหมาะแก่การลงมือ!
ก่อนหน้านั้น เราอยากฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ… ไคลน์ที่นั่งในตำแหน่งประธาน เสกร่างของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ สั่งให้สวดวิงวอนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเคารพ
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ กรุณาแจ้งกับเลียวนาร์ด·มิเชลว่า อามุนด์ปรากฏตัวที่อาคารหมายเลข 39 ถนนเบิร์คลุน แต่มาแค่ร่างเดียว”
ขณะที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์สวดวิงวอน ไคลน์ไม่ละสายตาออกจากรถม้า จนกระทั่งเห็นเฮเซลซึ่งสวมเดรสยาวสีอ่อน เดินลงมาจากรถและเข้าไปในห้องโถงบ้าน
อามุนด์ที่ใส่แว่นขาเดียวและสวมเสื้อกันฝนสีดำ เดินตามหญิงสาวไปอย่างเงียบๆ ไม่มีการปลอมตัวแม้แต่น้อย แต่คนรับใช้และสาวใช้กลับไม่สังเกตเห็น ประหนึ่งด้านหลังเฮเซลมีเพียงอากาศอันว่างเปล่า
บางครั้ง สาวใช้ก้มมองพื้น ตามด้วยส่งเสียงตกใจและเตรียมกรี๊ด แต่หลังจากอ้าปากได้สักพัก พวกเธอกลับแน่นิ่ง ราวกับความคิดสูญหายไปกะทันหัน
อามุนด์เดินผ่านห้องโถง ขึ้นบันได พลางจับแว่นตาผลึกขาเดียว มืออีกข้างสอดเข้าไปในกระเป๋า
หนอนแมลงโปร่งใสตัวปล้องแผ่ออกจากร่างกายมัน พุ่งกระจัดกระจายไปทุกทิศ ก่อนจะเลือนหายไป
ไคลน์ซึ่งกำลังถือคทาเทพสมุทร เกิดความรู้สึกชาไปทั่วหนังหัว มันยังคงจดจำคำอธิบายของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ได้แม่นยำ เกี่ยวกับพังของ ‘ปรสิต’ ที่อามุนด์จะใช้:
การแพร่เชื้อแบบระบาด!
…
เฮเซลอารมณ์ดีขึ้นมากในช่วงหลัง เพราะอาจารย์ของเธอไม่ได้เสียสติไปจริงๆ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้าเป็นเพียงบททดสอบ และเธอก็สอบผ่านแล้ว
ผลลัพธ์ก็คือ เธอได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับ เข้าใจแก่นแท้ของโอสถ เข้าใจวิธีการย่อยโอสถ และมีโอกาสเลื่อนลำดับเป็น ‘นักถอดรหัส’
ปัจจุบัน เธอกลายเป็นผู้วิเศษลำดับ 7 เรียบร้อยแล้ว!
โลกใบนี้มหัศจรรย์กว่าที่เราคิดไว้… ในสักวัน เราจะกลายเป็นครึ่งเทพและหลุดพ้นจากการเป็นสามัญชน… เฮเซลชำเลืองนาฬิกาแขวนบนผนัง นำมือลูบท้องเล็กน้อย เตรียมบอกให้แม่เริ่มช่วงเวลาชายามบ่าย เพราะที่บ้านไม่มีแขกเหลืออยู่แล้ว
ในตอนเที่ยง เธอกุเรื่องออกไปข้างนอกโดยให้เห็นผลว่า จะออกไปหาอะไรกิน แต่ความจริงแล้วเป็นการแอบพาอาจารย์กลับมา แต่จริงๆ แล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย
ท่ามกลางความคิด เธอมองไปทางอาจารย์ที่นอนบนเบาะขนสัตว์ของโซฟา เห็นหนูสีเทากำลังยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นมากดเบ้าตาขวา
“กินอะไรไหม?” เฮเซลถามด้วยความสุภาพ
หนูวางอุ้งเท้าหน้าลง ตอบอย่างไม่รีบร้อน
“ไม่จำเป็น”
“ค่ะอาจารย์” เฮเซลหันหลังกลับ เดินไปข้างหน้าและปิดประตูห้องนอน
บนทางเดิน สาวใช้ของเธอยืนอยู่ที่นั่น จ้องไปทางระเบียงสุดปลายทางเดิน ประหนึ่งกำลังชื่นชมทัศนียภาพท้องฟ้ายามบ่าย
เฮเซลขมวดคิ้วเล็กๆ และกล่าว:
“ช่วยเฝ้าตรงนี้ให้หน่อย อย่าให้ปล่อยคนเข้ามาทำความสะอาด”
สาวใช้ส่วนตัวมองหญิงสาว ยิ้มและกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ