ตอน ราชันเร้นลับ 1003 : คั่นกลาง จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ราชันเร้นลับ 1003 : คั่นกลาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เรากำลังทำอะไร? ที่ผ่านมาทำอะไรลงไป? ในที่สุดไวเคาต์ผีดูดเลือดก็จดจำสิ่งที่เคยหลงลืมได้ โดยเฉพาะดวงตาสีเขียวใสกระจ่างคู่นั้น
การชี้นำทางจิต… ไม่สิ… พลังสะกดจิต… เออร์เนส·โบยาร์มองไปรอบตัวด้วยความขุ่นเคือง เจือความกลัวเล็กๆ ที่พยายามสะกดไว้ ตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันโดยสัญชาตญาณ
จากนั้น มันจ้องไปยังร่างที่เหมือนกับขุนเขา บิชอปยูทรอฟสกี้เจ้าของคิ้วบางและจาง
ชั่วพริบตาดังกล่าว กระแสความคิดมากมายถาโถมเออร์เนส·โบยาร์ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นอย่างเข้มข้น
มันมิได้ต่อต้าน เพียงกล่าวไปตรงๆ
“ข้าจะมาทำงานอาสาสมัครที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน!”
ประสบการณ์ของเอ็มลินได้แพร่กระจายไปในแวดวงผีดูดเลือดประจำเบ็คลันด์มานานแล้ว และเออร์เนส·โบยาร์ย่อมรู้จักบิชอปยูทรอฟสกี้ รู้ว่าต่อให้พยายามขัดขืนก็คงมิอาจรอดพ้นจากชะตากรรมการเป็นอาสาสมัคร คงเป็นการฉลาดกว่าหากจะเป็นฝ่ายประกาศยอมแพ้ เลือกเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
อย่างน้อยก็ไม่ถูกฝังการชี้นำทางจิต ไม่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสาวกของพระแม่ธรณี… ขณะเออร์เนสเกิดความคิดเช่นนี้ มันพบว่าในมือหลวงพ่อยูทรอฟสกี้กำลังถือโคมไฟ ด้านในมีเทียนไขประหลาดที่ห่อหุ้มด้วยผิวหนังมนุษย์
ท่ามกลางแสงเทียนสลัว รูม่านตาเออร์เนสขยายกว่าอีกครั้ง ภายในใจเหลือเพียงความคิดเดียว ดังก้องกังวานไม่สิ้นสุด:
อีกหนึ่งการชี้นำทางจิต…
ทันใดนั้น มันพบว่าความมืดกำลังเกาะกินหัวใจตน
“ตกลง” หลวงพ่อยูทรอฟสกี้พยักหน้า เห็นด้วยกับข้อเสนอของเออร์เนส·โบยาร์
เอ็มลินกำลังยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจและมีความสุข เฝ้ามองสิ่งของต่างๆ ที่เพิ่งรวบรวมได้ คล้ายกับชาวนาที่เก็บเกี่ยวผลิตผลได้เป็นกอบเป็นกำ
…
ณ จัตุรัสนักบุญฮิลลัน บนชั้นสามของภัตตาคารสไตล์ซิลวารัส ภายในห้องห้องหนึ่ง แสงหรี่ลงพร้อมกับการปรากฏกายของเงาขนาดใหญ่
ค้างคาวตัวน้อยจำนวนมากบินออกจากบ่อความมืด รวมกันเป็นร่างกาย
ควันพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศ เอิร์ลมิสทราลเจ้าของเส้นผมสีเงินซีดและดวงตาสีแดงสด เผยร่างในจุดที่มีค้างคาวรวมตัวกันหนาแน่น จากนั้น บรรยากาศภายในห้องกลับคืนสู่ปรกติ
คนรับใช้ของมัน ชายวัยกลางคนในสูทสีเข้ม ก้าวออกมาข้างหน้าและถามพลางคำนับ
“ท่านเอิร์ล จะรับประทานอาหารเลยไหมขอรับ?”
พิจารณาจากสีหน้า มันมิอาจบอกได้ว่าเรื่องราวผ่านไปด้วยดีหรือไม่ ผลลัพธ์ออกมาสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่กล้าถามออกไปแม้แต่คำเดียว
มิสทราลพยักหน้ารับ:
“ตกลง”
มันเดินไปที่โต๊ะอาหารด้วยท่าทีสำรวม ถอดแหวนสีน้ำเงินออกอย่างสุขุม นั่งลงบนเก้าอี้ มิได้เสียอาการแม้แต่น้อย คล้ายกับเมื่อครู่เพียงแค่ออกไปให้อาการนกพิราบ
…
เจ้านี่มีกลิ่นแรง แถมยังเป็นกลิ่นประหลาด แต่ก็ไม่เลว… ในห้องส่วนตัวข้างๆ ห้องเอิร์ลมิสทราล ไคลน์ที่กำลังสวมใบหน้าแสนธรรมดา เพลิดเพลินไปกับการพิจารณารสชาติอาหารอันโอชะของซิลวารัส เครื่องในลูกแกะ
แม้ว่าปฏิบัติการสั่งสอนจะเกิดขึ้นโดยเหล่าสมาชิกของชุมนุมทาโรต์ ไม่จำเป็นต้องมีเดอะเวิร์ลหรือเดอะฟูลเข้าร่วม แต่ไคลน์ยังมองว่ามิสจัสติสและ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินต่างก็ขาดประสบการณ์ในทำนองนี้ จึงตัดสินใจแอบมาดูอย่างเงียบๆ คอยยืนยันว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
มันสั่งให้หุ่นเชิดสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลบนโต๊ะอาหาร ส่วนร่างต้นเข้าห้องน้ำภายในห้องส่วนตัว ส่งตัวเองเข้าสู่หมอกสีเทา อาศัยจุดแสงการวิงวอน ขยายขอบเขตการมองเห็นให้ครอบคลุมจัตุรัสและพื้นที่โดยรอบ
ขณะเดียวกัน มันคือคทาเทพสมุทรตลอดเวลา หากพบเหตุไม่คาดฝัน สายฟ้าจะผ่าลงไปทันที ตักเตือนให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำ
แต่ในท้ายที่สุด มันไม่ต้องทำอะไร เรื่องราวดำเนินไปอย่างราบรื่นกว่าที่คิด
สำหรับ ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ด ไม่ต้องอธิบายก็คงจะทราบว่ามีประสบการณ์ช่ำชองมากเพียงใด แต่ในกรณีของมิสจัสติส เธอเพิ่งเคยทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่กลับทำได้ยอดเยี่ยมผิดคาด ไม่มีอาการสั่นไหวหรือตื่นตระหนก!
อย่างที่คิด… ลำดับ 6 ของเส้นทางผู้ชม สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าผู้วิเศษส่วนใหญ่ในลำดับต่ำถึงกลางของเส้นทางอื่น หรือต่อให้มีเรื่องกังวลเล็กน้อย แต่ก่อนจะเงินงาน ก็สามารถใช้พลังพิเศษของตัวเองช่วยระดับความตื่นเต้น… ไคลน์พยักหน้าเล็กๆ ชิมของอร่อยจานอื่นต่อ
ด้านนอกหน้าต่าง ภายในจัตุรัสนักบุญฮิลลัน เสียงขลุ่ย ไวโอลิน หีบเพลง และพิณ ต่างดังซ้อนทับกับอย่างไพเราะ
…
ณ จัตุรัสนักบุญฮิลลัน รถม้าเช่าคันหนึ่งแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ ริมชายขอบ
เลียวนาร์ด·มิเชลที่กำลังจะไปยังเขตเหนือของสะพานเบ็คลันด์ ชำเลืองนกพิราบใจกลางจัตุรัส ก่อนจะลดเสียงลงและกล่าว
“ตาแก่ คุณคิดว่าปฏิบัติการคราวนี้จะลุล่วงไหม?”
หลังจากดึงเออร์เนส·โบยาร์เข้าสู่ความฝัน มันพลิก ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ และกระตุ้นเวทมนตร์ ‘อ้อมกอดเทวทูต’ จากนั้นก็แล่นรถม้าออกจากจุดเกิดเหตุ ไม่มีทางทราบว่าผลลัพธ์จะออกมาราบรื่นหรือไม่
ภายในใจ พาลีส·โซโรอาสเตอร์ตอบด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์
“ในยุคสมัยที่สี่ มีภาษิตกล่าวไว้ว่า ‘จงเชื่อในพลังของเหล่าทวยเทพ’ ”
กำลังจะบอกว่า หากแผ่นการได้รับการอนุมัติจากมิสเตอร์ฟูล มันจะออกมาทำเสร็จอย่างแน่นอน? แต่ตาแก่ยังไม่รู้จักชุมนุมทาโรต์ดีพอ ส่วนใหญ่มิสเตอร์ฟูลเป็นเพียงสักขีพยาน ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการอนุมัติ… เลียวนาร์ดพึมพำในใจ ซักถามเปลี่ยนประเด็น
“ทำไมภาษิตที่ว่าถึงฟังดูไม่สมบูรณ์?”
มันไม่เคยเล่าสถานการณ์ปัจจุบันของชุมนุมทาโรต์ให้พาลีส·โซโรอาสเตอร์ทราบ เพียงเอ่ยถึงเรื่องทั่วไปและเรื่องที่มิสเตอร์ฟูลอนุญาต
พาลีสพ่นลมหายใจ
“ใช่แล้ว… มันยังมีครึ่งหลังอยู่… ‘อย่าหลงเชื่อในความใจดีของพวกท่าน’ ”
จงเชื่อในพลังของทวยเทพ แต่อย่าหลงเชื่อในความใจดี? เลียวนาร์ดพึมพำกับตัวเองสักพัก ก่อนจะก้มศีรษะลง ชำเลืองสมุดบันทึกปกแข็งในมือ
จากนั้น มันกระซิบถามด้วยความครุ่นคิด
“สิ่งนี้เทียบเท่าสมบัติปิดผนึกระดับ 1 อย่างที่คิด… แถมยังมีผลข้างเคียงต่ำมาก”
ก่อนจะเริ่มลงมือ เมื่อพิจารณาจากขอบเขต ‘จันทรา’ มีความเกี่ยวข้องกับขอบเขตความมืดอยู่ไม่น้อย ส่งผลให้เป้าหมายสามารถต้านทานผลของฝันร้ายได้ดีในระดับหนึ่ง เดิมทีเลียวนาร์ดจึงต้องการยืมยุบพองหิวโหยจาก ‘เดอะเวิร์ล’ ไคลน์·โมเร็ตติ แต่หลังจากปรึกษาหารือ มิสเมจิกเชี่ยนได้เล่าถึงความพิเศษของ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ จึงพบทางออกที่ดีกว่า
“ออเดรย์ กลับมาแล้วหรือ?”
“รู้ได้ยังไง?” ออเดรย์ลุกจากโซฟา เผยตัวให้ซูซี่เห็น
เพื่อจะออกไปทำภารกิจ ออเดรย์ตกลงกับซูซี่ล่วงหน้า บอกให้อีกฝ่ายคอยทำหน้าที่แทนตัวเองในตึกสำนักงานของ ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ จากนั้นก็พาสุนัขโกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่เดินสะกดจิตทีมงานทุกคนเป็นเวลาหนึ่งวัน ให้พวกเขาทำเหมือนกับซูซี่เป็นออเดรย์
สำหรับผู้มาเยือนไม่คาดฝัน เธอบอกกับทีมงานว่า ขอเลื่อนนัดพบทั้งหมดไปตอนบ่าย
และสัญญาณที่จะสลายการสะกดจิตก็คือ เสียงระฆังของวิหารของบ่ายสองโมงตรง
หลังจากเห็นออเดรย์ ซูซี่กระโดดลงจากที่นั่ง กล่าวอย่างร้อนรน
“ใกล้จะบ่ายสองแล้ว”
นั่นสินะ… ออเดรย์เล่นหูเล่นตากับตัวเอง ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องเล็กที่ไว้สำหรับงีบ สวมเสื้อผ้าชุดประจำของตน และใช้พลัง ‘ควบคุมไฟ’ จาก ‘คำลวง’ เพื่อแผดเผาร่องรอยการปลอมตัวทั้งหมด
กลับมายังห้องสำนักงาน นั่งประจำตำแหน่ง หญิงสาวผ่อนคลายตัวเอง ประสานมือเข้าหากัน เม้มปากริมฝีปากเล็กน้อย
ว่ากันตามตรง ออเดรย์ประหม่าอย่างมาก แต่ทั้งก่อนและหลังปฏิบัติการ เธอใช้พลัง ‘ปลอบโยน’ กับตัวเองเพื่อไม่ให้ทำตัวผิดปรกติ
เมื่อลองนึกย้อนกลับไป เรื่องที่น่าสนใจก็คือ เรายังพูดคุยเกี่ยวกับวิธีเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ… ออเดรย์ เธอทำได้เยี่ยม! ใบหน้าของสตรีผมทองพลันสดใส รอยยิ้มค่อยๆ ผลิบาน
หลังจากเหตุการณ์นี้ เธอพบว่าโอสถนักสะกดจิตของตนถูกย่อยไปหลายระดับ และอีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับการยืนยันก็คือ พลังจากสมบัติวิเศษ ‘หัตถ์แห่งความกลัว’ อย่าง ‘ติดสินบน ลุ่มหลง’ เข้ากันได้อย่างดีกับพลังสะกดจิตของเธอ!
อา… นอกจากนั้นเรายังได้ทราบว่า มิสเตอร์มูนชื่อเอ็มลิน·ไวท์… ใจจริง เขาคงไม่อยากเปิดเผย แต่ถ้าไม่บอกกับเรา แผนการนี้ก็คงไม่สำเร็จ… ถึงการบอกชื่อของวิหารหลังนั้นจะเลี่ยงได้ แต่นั่นก็คงไม่พ้นการถูกล่วงรู้ตัวจริงอยู่ดี… เรายังแข็งเกินไป โดยเฉพาะระหว่างการสะกดจิต เลือกใช้คำที่ทื่อๆ ระหว่างการสะกดจิตเบื้องต้น… ออเดรย์ร่าย ‘ปลอบโยน’ ใส่ตัวเองเพื่อสงบความตื่นเต้นเล็กๆ พลางตรวจสอบพฤติกรรมทุกขั้นตอนของตัวเองอย่างรอบคอบ หวังจะได้เรียนรู้ประสบการณ์และบทเรียนจากมัน
ก๊อง! ก๊อง!
ระฆังรายชั่วโมงของวิหารนักบุญแซมมวลดังขึ้น เป็นสัญลักษณ์ของบ่ายสองโมงตรง
ภายในอาคารเลขที่ 22 ถนนเฟลป์ ที่ตั้งกองทุนการกุศลเพื่อการศึกษาแห่งโลเอ็น ทีมงานหลายคนที่ได้ยินเสียงระฆังบอกเวลา ร่างกายสั่นระริกเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
…
ก๊อง! ก๊อง!
ท่ามกลางเสียงระฆังวิหาร ไคลน์ซึ่งเปลี่ยนกลับไปเป็นดอน·ดันเตสอีกครั้ง เดินไปยังระเบียงใหญ่ของบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน เฝ้ามองสถานการณ์ของบ้านมัคท์
ทันใดนั้น รถม้าคันหนึ่งแล่นผ่านด้านหน้าประตูรั้วคฤหาสน์ของตน ตรงไปยังสุดถนน
เพียงพริบตา นิมิตลางสังหรณ์ของไคลน์ถูกกระตุ้น ภาพหนึ่งผุดขึ้นในใจ:
หนูสีเทาตัวหนึ่งกำลังนอนบนหน้าต่างรถม้า เฝ้ามองวิวทิวทัศน์บนถนนด้วยความระมัดระวัง
………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ