มาริคไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงหายตัวไปทั้งอย่างนั้น
มันเองก็ทราบว่าแผนการใหญ่เช่นนี้ไม่สามารถพูดคุยให้จบในคราวเดียว เอ็มลินจึงตัดสินใจกลับไปขอคำแนะนำจากเบื้องบนก่อน
นี่อาจเป็นโอกาสที่เราจะได้เป็นเอิร์ลและครอบครองเศษเสี้ยวความเป็นเทพ… เอ็มลินยิ้ม เฝ้ามอง ‘วิญญาณอาฆาต’ มาริคจากไปอย่างเงียบงัน
แน่นอน มันยังย่อยสูตรโอสถของปราชญ์สีชาดไม่เสร็จ แต่โอกาสที่ว่านั้นหมายถึง คำมั่นสัญญาที่จะช่วยประกอบพิธีกรรมหรือสูตรโอสถที่เกี่ยวข้อง
รถม้าแล่นไปจนกระทั่งหยุดลงที่วิหารฤดูเก็บเกี่ยว เอ็มลินชำเลืองหมอกสีเทาบนท้องฟ้าด้วยสายตาพึงพอใจ ลงจากรถอย่างไม่รีบร้อน เข้าไปทางประตูหน้าของวิหาร
เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักบวชสีน้ำตาลเสร็จ มันหยิบผ้าขี้ริ้วและถังน้ำสะอาด เช็ดผิวเชิงเทียนอย่างระมัดระวังทั้งสองฝั่ง
เมื่อเห็นหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นจากเดิม เสร็จการเทศนาธรรมช่วงเช้า เอ็มลินหยุดมือพร้อมกับหันไปถาม
“ทำไมเออร์เนสถึงได้รับอนุญาตให้กลับ?”
“เขาขอเป็นอาสาสมัครแค่หนึ่งเดือน” หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ตอบคำถามเอ็มลินห้วนๆ ไม่แสดงท่าทีเบื่อหน่ายคำถามซ้ำๆ ของอีกฝ่าย
เมื่อนึกทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เอ็มลินรู้สึกไม่ยุติธรรม อดไม่ได้ที่จะบ่น
“เจ้านั่นถูกบังคับให้เป็นอาสาสมัคร มิได้มาด้วยความสมัครใจ ไม่ควรกำหนดเวลาเองได้ อย่างน้อยก็ต้องทำงานสักครึ่งปี!”
หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ตอบด้วยรอยยิ้ม
“เขาทำงานได้ดี เป็นการทำงานอย่างหนักตลอดทั้งเดือน คัดลอกพระคัมภีร์และคอยชี้ทางสว่างแก่สาวก ผมสัมผัสได้ว่า เขาตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและการเก็บเกี่ยวเป็นอย่างดีแล้ว”
กล้ามเนื้อใบหน้าเอ็มลินกระตุกเล็กน้อย
“เจ้านั่นเอง… เอ่อ… กำลังจะกลายเป็นสาวกของพระแม่ธรณีเหมือนกันใช่ไหม?”
“ไม่ ผมไม่ได้บังคับให้เขาเปลี่ยนความเชื่อ” หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ตอบเสียงอ่อนโยน “ผมแค่สอนให้เขารู้จักหลักคำสอนของพระแม่ สัมผัสถึงคุณค่าแห่งชีวิต และหากในอนาคตเกิดหลงทาง ผมหวังว่าเขาจะหวนนึกถึงบ้านเกิดของดวงวิญญาณ – อ้อมกอดของพระแม่”
ริมฝีปากเอ็มลินกระตุกสองสามหน แต่สุดท้ายก็มิได้กล่าวคำใด เพียงก้มหน้าลงและเช็ดต่อไป
…
เขตเชอร์วู้ด ภายในบ้านหลังหนึ่ง
ฟอร์สนั่งบนเก้าอี้พนักสูง มองขวดแก้วเปล่าบนโต๊ะตรงหน้า
ในที่สุดเธอก็ประสบความสำเร็จในการย่อยโอสถโหราจารย์ และสำหรับวันนี้ ภายใต้การคุมครองของซิล ฟอร์สนำสมองของอัสมานและวัตถุต้องสาปของวิญญาณอาฆาตโบราณ ปรุงเป็นโอสถ ‘นักบันทึก’ และรวบรวมความกล้าหาญดื่มลงไป
ทันใดนั้น หญิงสาวพบว่าสมองของตนขยายออกอย่างรวดเร็ว รอยหยักสีเทาและของเหลวสีขาวข้นเพิ่มจำนวนขึ้นมหาศาล ร่างกายซีดจางลงและแบ่งออกมาเป็นเซลล์ย่อยเล็กๆ
เซลล์เหล่านั้นเรียงตัวกันเป็นประตูแสงทรงกลดรอบๆ สมอง
ฟอร์สได้ยินเสียงเพียงอันคลุมเครือที่คุ้นเคยอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เด่นชัดมากนัก มิอาจจำแนกความหมายของประโยค สำหรับเธอที่มีประสบการณ์นับไม่ถ้วน ของแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรได้
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ในที่สุดฟอร์สก็สามารถควบคุมสมองและเซลล์ ตระหนักถึงการมีอยู่ของร่างกายตัวเอง
แทบจะในเวลาเดียวกัน องค์ความรู้มากมายพรั่งพรูเข้ามาในสมอง ช่วยให้เธอเข้าใจวิธีการใช้พลังชนิดต่างๆ ของนักบันทึก
‘สมอง’ พิเศษชนิดนี้สามารถเลียนแบบพลังที่เป้าหมายเพิ่งใช้งานออกมา จากนั้นก็บังคับเซลล์ให้เรียงตัวเป็นสัญลักษณ์ อักขระ ลวดลายที่เกี่ยวข้อง และจัดเก็บไว้เอาไว้ในร่างกาย
นี่คือ ‘ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก’ ที่ใช้ดวงวิญญาณเป็นปากกา และร่างวิญญาณเป็นกระดาษ!
ในปัจจุบัน เราสามารถบันทึกพลังที่มีเศษเสี้ยวความเป็นเทพได้หนึ่งชนิด ยิ่งเป้าหมายมีลำดับสูง โอกาสล้มเหลวก็ยิ่งสูงตาม แม้ว่าจะเป็นแค่ลำดับ 4 แต่สิบครั้งก็อาจไม่สำเร็จเลยสักครั้ง… พลังของลำดับ 6 และ 5 สามารถบันทึกได้แปดครั้ง ประสิทธิภาพเทียบเท่าครึ่งหนึ่งของต้นฉบับ ส่วนลำดับ 7 ถึง 9 สามารถบันทึกได้ยี่สิบครั้ง ประสิทธิภาพใกล้เคียงของจริงมาก… ไว้โอสถถูกย่อยมากกว่านี้ ทุกด้านจะถูกยกระดับ… ฟอร์สซึมซับความรู้เข้ามาในร่างกาย พึมพำบางสิ่งอย่างเงียบงัน
แม้จะค่อนข้างซ้ำซ้อนกับ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ แต่ฟอร์สรู้สึกว่าการมีพลังพิเศษมากเกินไปนั้นไม่ใช่ปัญหา และทั้งสองแบบก็ยังส่งเสริมกันและกัน นอกจากนั้น เธอสามารถให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์เช่า ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ได้ แต่พลังพิเศษของตัวเองนั้นไม่สามารถให้ใครยืม
เมื่อก้าวถึงลำดับ 6 เส้นทางผู้ฝึกหัดเริ่มมีพลังในการต่อสู้บ้างแล้ว! ฟอร์สรวบรวมสติ หันไปหาซิลด้านข้างและถอนหายใจ
เธอหยิบปากกาและกระดาษที่วางอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ เริ่มเขียนจดหมาย
“ถึงอาจารย์”
“ฉันมีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า ตอนนี้ฉันกลายเป็นนักบันทึกเรียบร้อยแล้ว ห่างจากลำดับในฝันอย่างนักท่องเที่ยวเพียงแค่ก้าวเดียว”
หลังจากเขียนไปได้ไม่กี่ประโยค ฟอร์สมองเห็นจากหางตาว่าซิลกำลังเดินตรงไปที่ประตู เธอจึงตะโกนเรียกไล่หลัง
“นี่… วันนี้จะไม่ไปหาร้านอร่อยๆ ฉลองกันหรือ?”
ซิลตอบเสียงขรึม
“พลังวิญญาณของเธอยังไม่เสถียร ต้องใช้เวลาหลายวันในการปรับสภาพและเข้าฌาน… ห้ามสูบบุหรี่และดื่มเหล้าเด็ดขาด อย่าตามใจตัวเองมากเกินไป”
เมื่อเตือนเสร็จ เธอเสริมหนึ่งประโยค
“ฉันยังมีงานที่ต้องทำ ตอนนี้ใกล้จะแลกสูตรโอสถผู้พิพากษาได้แล้ว”
“…ก็ได้” ฟอร์สโบกมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ