“แสงเงาประชันดนตรีเป็นนาฬิกาพก สามารถ ‘ห้าม’ พฤติกรรมบางชนิดภายในขอบเขตที่กำหนดได้ และยังสามารถ ‘ช่วงชิง’ พลังพิเศษมาจากเป้าหมายได้เช่นกัน ทว่า ไม่สามารถตั้งข้อห้ามกับศัตรูได้เกินสองชนิด… นอกจากนั้น แสงเงาประชันดนตรียังสามารถ ‘มอบ’ อาการผิดปรกติด้านลบแก่เป้าหมายได้ทันที ส่งผลให้เป้าหมายเฉื่อยชา โลภ กระหาย หรือสูญเสียกะจิตกะใจจะต่อสู้ สนใจเพียงแค่เงิน…”
“นอกจากพลังเหล่านี้ ผู้ถือสมบัติปิดผนึกยังสามารถ ‘บิดเบือน’ วาจา การกระทำ เจตนา และผลการโจมตีของเป้าหมายได้ด้วย เปลี่ยนให้ความตายกลายเป็นเพียงแผลฉกรรจ์ เปลี่ยนให้ระเบิดกลายเป็นแรงดูด เปลี่ยนให้ข้างหน้ากลายเป็นข้างหลัง และเปลี่ยนให้การหลบหนีเป็นพุ่งเข้าใส่…”
“ผลข้างเคียงด้านลบของแสงเงาประชันดนตรีค่อนข้างร้ายแรง ประเด็นหลักๆ ก็คือ เมื่อย่างเข้าสู่การต่อสู้ ในบางเวลา พลังพิเศษทั้งหมดที่ถูกใช้งานจะเกิดการแปรผันแบบสุ่ม ไม่คำนึงถึงมิตรและศัตรู ยากที่ควบคุมผลลัพธ์ ยากที่จะคาดการณ์ ตัวอย่างก็คือ ‘อสนีบาต’ สามารถเป็นได้ทั้งสามฟ้า หรือกลายเป็นน้ำเย็นที่ราดใส่ใบหน้าเป้าหมาย หรือกลายเป็นการอัญเชิญสัตว์วิญญาณนิรนาม…”
“ด้วยสาเหตุดังกล่าว โจนาส·โคลเกอร์จึงพกพาสมบัติวิเศษที่ช่วยให้ตนโชคดีในยามวิกฤติ ภาวนาให้เกิดผลด้านบวกในการแปรผันแบบสุ่ม นั่นอาจช่วยให้มันได้เปรียบเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากมายอะไร…”
“โจนาส·โคลเกอร์ยังเป็นเจ้าของปืนลูกโม่ประหลาดที่เกิดขึ้นระหว่างพิธีกรรมสังเวยให้เทพมาร ชื่อของมันคือ ‘เสียงแผดอันสิ้นหวังของรีเวียร์’ สามารถยิงได้โดยไม่ต้องใช้กระสุน ทุกนัดเต็มไปด้วยพลังทำลายมหาศาล… สามารถยิงรัวได้เหมือนปืนกลขนาดย่อม… หากโดยเป้าหมาย เหยื่อจะได้ยินเสียงร้องอันสิ้นหวังก่อนตายของรีเวียร์ ร่างกายเต็มไปด้วยความเจ็บปวด วิงเวียนศีรษะ สับสน และอาการอื่นๆ”
“ผลข้างเคียงก็คือ ผู้ถือจะได้ยินเสียงร้องที่สิ้นหวังของรีเวียร์เช่นกัน แต่ไม่บ่อยนัก…”
“ในฐานะเคาต์แห่งการเสื่อมถอย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโจนาส·โคลเกอร์มีพลังการ ‘บิดเบือน’ ในขอบเขตของครึ่งเทพ รวมถึงการ ‘มอบ’ สิ่งต่างๆ ให้เป้าหมายได้อย่างไร้เหตุผล… นอกจากนั้น เขายังสามารถ ‘อาศัยช่องโหว่’ ของกฎ หรือ ‘ขยาย’ มันขึ้นจากปรกติ รวมไปถึงพลัง ‘ยุ่งเหยิง’ ที่สร้างความวุ่นวาย…”
“การฉกฉวยช่องโหว่ของกฎยังสามารถใช้ในการเร่งให้สถานะบางอย่างให้นานขึ้น และสิ้นสุดสถานะบางชนิดให้เร็วขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น ในตอนที่กระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาสามารถเพิ่มสถานะ ‘ยกตัวขึ้นจากพื้น’ ให้นานขึ้นจนได้รับผลของการ ‘ลอยตัว’ ”
“พลังในการ ‘ขยาย’ หมายถึงการเพิ่มอิทธิพลของพฤติกรรมบางชนิด เช่นการเปลี่ยนการโจมตีธรรมดาให้กลายเป็นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิต สามารถทำให้การกอดลมระยะไกลสร้างผล ‘พันธนาการ’ แก่เป้าหมาย”
“พลัง ‘ยุ่งเหยิง’ จะส่งผลต่อโครงสร้างวัตถุ การคาดคะเน และความแม่นยำของเป้าหมาย สามารถทำให้ตึกขนาดใหญ่พังถล่ม ทำให้ระยะทางสั้นลงเหลือเพียงไม่กี่ก้าว ทำให้ศัตรูโจมตีพลาดเป้า”
“เมื่อผนวก ‘ขยาย’ ‘ฉวยโอกาส’ และ ‘บิดเบือน’ เข้าด้วยกัน ผู้วิเศษเส้นทางนักกฎหมายสามารถเลียนแบบผลลัพธ์เฉพาะตัวของเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ ได้ในระดับหนึ่ง”
“และแน่นอน พลังในลำดับกลางและต่ำอย่าง ‘ติดสินบน’ ก็ยังถูกยกระดับเชิงคุณภาพขึ้นอย่างมากในขอบเขตของครึ่งเทพอย่างเคาต์แห่งการเสื่อมถอย…”
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าตอบเสร็จแล้ว ข้าทำได้ดีไหม?”
คำตอบของนายทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังอ่านคู่มือ… เจ้านี่คงรับข้อมูลจากโลกวิญญาณไปพลางตอบคำถามเรา… นอกจากนั้นยังจะร้องขอคำชมกับเรื่องแบบนี้… ไคลน์รำพันสองสามคำ พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“ทำได้ดีมาก”
หลังจากตอบคำถามของ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส ไคลน์รีบเข้าไปในเขต พลางวิเคราะห์พลังและลักษณะของสมบัติปิดผนึกที่ครึ่งเทพอย่างโจนาส·โคลเกอร์พกพา
เคาต์แห่งการเสื่อมถอยน่ากลัวสมกับเป็นครึ่งเทพลำดับ 4… มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพทุกด้าน ไม่ว่าจะ ‘มอบ’ ‘บิดเบือน’ ‘ฉกฉวย’ หรือ ‘ขยาย’ ทั้งหมดถูกยกระดับขึ้นมากจนยากจะรับมือ เราได้ตกที่นั่งลำบากแน่หากไม่ระวังให้ดี…
แต่ในทางกลับกัน ‘ยุ่งเหยิง’ ไม่น่ากลัวเท่าไร คล้ายกับเป็นการพัฒนาพลังของลำดับ 5 ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ ขึ้นมาเล็กน้อย…
‘แสงเงาประชันดนตรี’ มีความเฉพาะตัวของเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ อยู่จริงๆ และสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือผลข้างเคียงด้านลบ… สำหรับเส้นทางนักทำนายอย่างเรา รูปแบบการต่อสู้จะเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า และควบคุมการแสดงด้วยความพิถีพิถัน หลังจากการแสดงเริ่มขึ้น แต่ละโชว์จะถูกเล่นตามลำดับอย่างมีแบบแผน แต่ถ้าระหว่างนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น… เกรงว่าผลลัพธ์สุดท้ายอาจมีการเปลี่ยนแปลง… นั่นอันตรายกับเรามาก…
ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์พบว่าอุปสรรคสำคัญคือสมบัติปิดผนึกที่ชื่อ ‘แสงเงาประชันดนตรี’
ในฐานะผู้วิเศษที่ชอบวางกับดักศัตรู ไคลน์ไม่อยากเผชิญสถานการณ์ที่ว่า หลังจากต่อสู้อย่างยากลำบากและเผชิญสถานการณ์วิกฤติ ในวินาทีที่ใช้ยันต์โจรปล้นดวงเพื่อพลิกกระแสศึก กลับพบว่ากลที่ควรจะเสกกระต่ายออกมาจากหมวก กลายเป็นการสร้างพลุดอกไม้ไฟที่เฉลิมฉลองการตายของผู้ใช้ยันต์
โจนาส·โคลเกอร์จะอาศัยดวงเพื่อช่วยให้ตนได้เปรียบ แต่เรากลับไม่มีของแบบนั้น เพราะพลังเกี่ยวกับดวงชะตาในระดับต่ำกว่าเทวทูต ไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย ล้วนไม่มีผลกับเรา… แต่เรามีหุ่นเชิดเอ็นยูน… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก หันไปถามอาโรเดส
“มีวิธีหลีกเลี่ยงการแปรผันแบบสุ่มของสมบัติปิดผนึกชิ้นนั้นไหม?”
บนกระจกบานใหญ่ ตัวอักษรสีเงินกระเพื่อมและก่อตัวเป็นประโยคใหม่
“ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง! แค่ทำให้โจนาส·โคลเกอร์โชคร้ายก็พอ สำหรับเรื่องนี้ ครึ่งเทพเส้นทางรัตติกาลเชี่ยวชาญมาก”
สมเหตุสมผล… ตามหลักทฤษฎีสัมพัทธภาพ ตราบใดที่โจนาส·โคลเกอร์โชคร้ายกว่าเรา เราจะถือว่าเป็นคนโชคดี… มาดามอาเรียนน่าบอกเองว่าจะให้ความช่วยเหลือตามสมควร… สำหรับท่าน ก่อนที่จะสร้างโลกแห่งความลับ มีเวลาเหลือเฟือในการสาปให้โจนาส·โคลเกอร์เผชิญเคราะห์กรรม… ไคลน์พยักหน้าด้วยความโล่งใจก่อนจะกล่าวต่อ
“ทำดีมาก วันนี้พอแค่นี้ก่อน หากมีสิ่งใดต้องการรบกวน ข้าจะเรียกมาใหม่”
“ขอรับนายท่าน! ไม่มีปัญหา! ลาก่อน นายท่าน~” บนผิวกระจกสีเงินบานใหญ่ สัญลักษณ์ถูกวาดขึ้นด้วยเส้นแสงสีเงิน
เมื่อเห็นกระจกกลับเป็นปรกติ ไคลน์ถอนสายตากลับ จำลองการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นในใจ
ด้านข้างของปล่องไฟ ยอดแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ของอาคารหลักประจำคฤหาสน์เพลงกุหลาบก็มืดลงเช่นกัน แต่เหนือท้องฟ้ายังคงเป็นพระจันทร์สีแดงสดลอยสูง
ทว่า ทั้งเมฆและดวงดาวยามราตรีล้วนอันตรธานหาย นอกจากพระจันทร์สีแดงก็มีเพียงท้องฟ้าอันมืดมิดสีดำสนิท
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ พืชพรรณและดอกไม้ในสวนยังคงตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่มีสีทึบและพร่ามัวอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับอยู่ห่างไกลออกไป
ไม่ว่าจะสีดำและแดง อาคารที่ถูกฉาบด้วยเงาดำ ค่ำคืนอันเงียบสงัดและพืชที่พร่ามัว ภาพทั้งหมดกำลังสะท้อนอยู่ภายในดวงตาของโจนาส·โคลเกอร์
นี่มัน… ดวงตาของครึ่งเทพรายนี้ขยายออกเล็กน้อย รีบตอบสนองโดยไม่ลังเล
มันสอดมือซ้ายเข้าไปในกระเป๋าลับของเสื้อ และสอดมือขวาเข้าไปในรักแร้อีกฝั่ง หยิบวัตถุสองชิ้นออกมาถือ
ในบรรดาพวกมัน สิ่งที่ถือในมือขวาคือปืนพกประหลาด สีเทาเกือบทุกส่วน ใหญ่กว่าปืนพกตัวไปพอสมควร ขนาดราวครึ่งหนึ่งของค้อนศึกที่ใช้ในสงครามอดีตกาล
ส่วนอื่นที่ผิดปรกติของลูกโม่กระบอกนี้ก็คือ มันมีหกลำกล้อง ปากลำกล้องลึก บนโม่ฝังหมุดเหล็กไว้หลายสิบ มอบความงดงามที่แข็งกระด้าง
ในมือซ้ายโจนาส·โคลเกอร์ถือนาฬิกาพก ‘หุ้มเหล็ก’ ครึ่งหนึ่งของหน้าปัดมีสัญลักษณ์บอกเวลาเรียงรายเป็นระเบียบ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งยุ่งเหยิงพัวพัน บ้างล้ำเส้นมาอีกฝั่ง โดยทั้งสองฝั่งคล้ายกับทำหน้าที่เป็นกลไกที่มองไม่เห็นของนาฬิกาพกเรือนนี้ ผสมผสานกันเป็นหนึ่ง ก่อให้เกิดโครงสร้างที่ซับซ้อนและเวียนหัว
แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างหนึ่งพุ่งออกจากดวงจันทร์สีแดงขนาดมหึมาด้านนอกหน้าต่าง ร่อนลงมายังเบื้องล่างด้วยความเร็วสูง
ร่างกายอีกฝ่ายขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเผยให้เห็นเส้นผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล โครงหน้าผอมเพรียวชัดลึก บรรยากาศเต็มไปด้วยความเย็นชา
ชายหนุ่มคนดังกล่าวสวมหมวกผ้าไหมทรงสูง สวมเสื้อนอกสีดำ มือขวาถือปืนลูกโม่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มือซ้ายปกคลุมด้วยถุงมือหนังมนุษย์สีใส ท่ามกลางแสงสว่างสีแดง ราวกับมันกำลังแดงจันทร์ไว้บนแผ่นหลัง
เกอร์มัน·สแปร์โรว์
……………………………………………….

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ