ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1027

ราชันเร้นลับ 1,027 : หลอกลวง
หลังจากโจนาส·โคลเกอร์ทราบเส้นทางผู้วิเศษของศัตรู ร่างของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ภายในสวนดอกไม้ ไร่องุ่น และอาคารหลักของคฤหาสน์ต่างยกมือซ้ายขึ้นพร้อมกัน เก็บนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อย มีเพียงนิ้วชี้และนิ้วโป้งที่เหยียดออกมาในรูปทรงปืนพกอย่างง่าย

นิ้วชี้ที่เป็นตัวแทนลำกล้องและปากกระบอกปืนต่างหันมาเล็งใส่โจนาส·โคลเกอร์ที่อยู่กลางอากาศ จากนั้น ปลายแขนของทุกร่างกระตุกเล็กน้อยคล้ายกับแรงถีบในการยิง

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

ท่ามกลางเสียงอึกทึก รอบๆ ตัวของเคาต์แห่งการเสื่อมถอยผู้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ นกพิราบมายาสีขาวจำนวนมากกำลังพุ่งเข้าใส่จากทุกทิศ เป็นภาพที่งดงามจนน่าหลงใหล

นี่คือผลข้างเคียงจากนาฬิกาพก ‘หุ้มเหล็ก’ เป็นผลจากการแปรผันที่มิอาจคาดเดาของ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ มันทำการเปลี่ยนกระสุนปืนใหญ่อัดอากาศที่สามารถพังบ้านทั้งหลัง ให้กลายเป็น ‘นกพิราบขาวแห่งสันติภาพ’ โดยอัตโนมัติ โจนาส·โคลเกอร์ไม่ต้องออกแรงด้วยตัวเอง!

โจนาส·โคลเกอร์ที่เตรียมใช้พลัง ‘ยุ่งเหยิง’ เพื่อสกัดการระดมยิงของศัตรู เมื่อได้เห็นภาพนกพิราบสีขาวกระพือปีกและบินหายลับไปในขอบฟ้า มันมิได้เผยสีหน้าประหลาดใจแต่อย่างใด

สำหรับเรื่องในทำนองนี้ โจนาส·โคลเกอร์เตรียมใจล่วงหน้าทุกวินาที

มันชาชินกับผลข้างเคียงของสมบัติปิดผนึกที่ตนพกพาและใช้นานมานานหลายปี!

ฉวยโอกาสดังกล่าว มันนำนาฬิกาพกหุ้มเหล็กและปืนลูกโม่พิสดารมากระทบเข้าด้วยกัน

โจนาส·โคลเกอร์เตรียมใช้พลัง ‘บิดเบือน’ โดยมีเป้าหมายเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่อยู่ด้านล่าง

สำหรับมัน การต่อสู้กับจอมเวทพิสดาร สิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือ การที่ไม่สามารถระบุได้ว่าศัตรูเป็นร่างจริงหรือหุ่นเชิด เว้นเสียแต่หุ่นเชิดตัวดังกล่าวจะถูกสร้างขึ้นหยาบๆ

ดังนั้น มันไม่กล้าใช้พลังพิเศษส่วนใหญ่ของตน เพราะนั่นไม่มีผลกับหุ่นเชิด

พลัง ‘ข้อห้าม’ ที่แสดงผลเป็นวงกว้างยังสามารถใช้ได้ แต่พลัง ‘ช่วงชิง’ ที่มีผลต่อหนึ่งเป้าหมายนั้นไร้ความหมายโดยสมบูรณ์ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะใช้พลังช่วงชิงกับหุ่นเชิด จอมเวทพิสดารสามารถแก้ปัญหาได้โดยการเปลี่ยนหุ่นเชิดเสียใหม่

จากหลักการดังกล่าว การใช้พลังเพื่อ ‘ขยาย’ ผลข้างเคียงด้านลบของสมบัติวิเศษศัตรูจึงถูกตัดออกไปในตำรากลศึกของโจนาส·โคลเกอร์ชั่วคราว

ในทำนองเดียวกัน พลัง ‘มอบ’ ของเคาต์แห่งการเสื่อมถอยแทบไม่ส่งผล แตกต่างจาก ‘ช่วงชิง’ ซึ่งยังสามารถทำให้หุ่นเชิดสูญเสียพลังพิเศษบางชนิดและไม่สามารถต่อสู้ พลัง ‘มอบ’ ซึ่งจะทำให้ศัตรูสูญเสียกะจิตกะใจที่จะต่อสู้ ใจร้อน หรือหน้าเงิน ย่อมไม่ส่งอิทธิพลต่อหุ่นเชิดไร้ชีวิต ไร้ความคิด และไม่คิดถึงเรื่องเงิน

ดังนั้น ก่อนจะใช้พลังที่ว่ามาข้างต้น โจนาส·โคลเกอร์ตัดสินใจค้นหาร่างจริงของหุ่นเชิดของจอมเวทพิสดารให้พบเสียก่อน

สำหรับปัญหานี้ คนอื่นอาจรับมือได้ยาก แต่สำหรับผู้วิเศษระดับสูงและมากประสบการณ์ในเส้นทางนักกฎหมาย เรื่องนี้ไม่ยากเกินกำลัง

ทุกสิ่งมีกฎเกณฑ์ และพลังทุกชนิดก็มีกฎในตัว ครึ่งเทพเส้นทางกฎหมายที่เก่งกาจในการหาช่องโหว่จึงมิวิธีเอาตัวรอดจากพลังพิเศษทุกรูปแบบ

นอกจากนั้น มันยังเคยมีประสบการณ์ต่อสู้กับจอมเวทพิสดารคนอื่นมาก่อน และเคยคิดหาวิธีรับมือคนเหล่านั้นหลังจากจบศึก โจนาส·โคลเกอร์จึงค่อนข้างมั่นใจว่า พลังบิดเบือนของตนสามารถใช้แก้ทางศัตรูได้

มันทราบว่าจอมเวทพิสดารสามารถสับเปลี่ยนร่างต้นกับหุ่นกระบอกได้อย่างไร้รอยต่อ จึงตั้งใจจะบิดเบือนเหตุการณ์ดังกล่าว เปลี่ยนให้จอมเวทพิสดารสามารถสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดได้เพียงสองถึงสามตัว

หากประสบความสำเร็จ มันก็จะจำแนกร่างต้นของจอมเวทพิสดารได้ง่ายขึ้น

แน่นอน หากไม่ใช่เพราะว่าพลังบิดเบือนมีขอบเขตจำกัด และพลัง ‘ข้อห้าม’ ก็ถึงขีดจำกัดสองชนิดแล้ว โจนาส·โคลเกอร์คงเลือกใช้วิธีที่ง่ายกว่าเดิม เช่นการเจาะจงบิดเบือนให้เป้าหมายสามารถสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดได้แค่หนึ่งตัว หรือสร้าง ‘ข้อห้าม’ เพิ่มเพื่อมิให้เป้าหมายสามารถสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดได้เลย

กึก!

โจนาส·โคลเกอร์นำ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ และ ‘เสียงแผดอันแสนสิ้นหวังของรีเวียร์’ มากระทบเข้าด้วยกันในท่าทางที่คล้ายกับพยายามบีบอัดบางสิ่ง

เคาต์แห่งการเสื่อมถอย ‘บิดเบือน’ !

ทันใดนั้น ดอกไม้สีแดงที่ถูกฉาบด้วยเงาดำโผล่ขึ้นจากมือโจนาส·โคลเกอร์ คล้ายกับมันต้องการมอบสิ่งนี้ให้กับศัตรู โดยที่ในขณะเดียวกัน เกอร์มัน·สแปร์โรว์ภายในไร่องุ่น ในสวนดอกไม้ ในอาคารหลักของคฤหาสน์ ไม่ว่าจะตัวหนาหรือตัวบาง ทั้งหมดล้วนไม่เผชิญความผิดปรกติใดๆ

โจนาส·โคลเกอร์เองก็ได้ลิ้มรส ‘การแปรผันแบบสุ่ม’ ของ ‘แสงเงาประชันดนตรี’ !

พลังบิดเบือนของมันถูกเปลี่ยนให้เป็นดอกไม้ที่เด็ดจากสวนด้านล่าง

โดยขณะเดียวกัน นกพิราบมายาสีขาวยังคงลอยอยู่บนอากาศ ยังไม่ลับสายตาไปไหน!

ในวินาทีปัจจุบัน ศึกดวลระหว่างครึ่งเทพสองตนกลายเป็นภาพที่น่าตลกขบขัน

แน่นอน ทั้งเกอร์มัน·สแปร์โรว์และโจนาส·โคลเกอร์มิได้คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะรายหลัง เป็นอีกครั้งที่มันเผชิญความรู้สึกสิ้นหวังและอับจนหนทาง

มันยังไม่หยุดพฤติกรรม ทำการกระแทกฝ่ามือสองข้างเข้าด้วยกันอีกครั้งและประสบความสำเร็จในการใช้พลังบิดเบือน เป็นการอาศัยจำนวนเข้าสู้กับการแปรผันแบบสุ่ม

ทว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ใช่คนตาย ไม่มีทางยืนรอให้ศัตรูโจมตีเสร็จ นักผจญภัยเสียสติจำนวนมากด้านล่างต่างพากันใช้มือที่เลียนแบบปืน หรือไม่ก็ลูกโม่ลางมรณะที่ยากจะระบุจริงเท็จ เล็งไปยังเคาต์แห่งการเสื่อมถอยที่ลอยกลางอากาศ

ขณะเดียวกัน หัวใจโจนาส·โคลเกอร์พลันเต้นแรง มันรีบเงยหน้ามองด้านบนและพบว่า ที่ดวงจันทร์สีแดงขนาดมหึมายังคงลอยสูงเหนือยอดแหลม ร่างหนึ่งโผล่ออกมาด้วยความโดดเด่น

ร่างดังกล่าวสวมหมวกผ้าไหม สวมเสื้อกันลมสีดำ สวมถุงมือหนังมนุษย์ ถือปืนลูกโม่เหล็กดำ ใบหน้าเย็นชาและเคร่งขรึม ผอมเพรียวชัดลึก ไม่ใช่ใครนอกจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกหนึ่งคน!

มันร่อนลงมาจนเกิดเป็นภาพราวกับกำลังแบกพระจันทร์สีแดงไว้บนหลังอีกครั้ง ร่างกายขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับทวีความคมชัด ปืนลูกโม่เหล็กดำในมือถูกยกขึ้นเล็งโจนาส·โคลเกอร์

ปัง! ปัง!

กระสุนที่ครึ่งหนึ่งโปร่งใสและครึ่งหนึ่งโปร่งแสงพุ่งออกจากปากกระบอก ตรงไปยังโจนาส·โคลเกอร์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ