สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 1044 : เอาตัวไปขวางน้ำเชี่ยว – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet
บท ราชันเร้นลับ 1044 : เอาตัวไปขวางน้ำเชี่ยว ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
แสงสว่างปรากฏบนผิวกระจกที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ก่อนภาพภายในกระจกจะกลายเป็นสีเข้ม ประหนึ่งกำลังเชื่อมต่อกับโลกอีกใบหนึ่ง
ทันใดนั้น มือขาวๆ ยื่นออกมากระจก ลักษณะคล้ายกับการแหวกผ่านผิวน้ำ
ร่างหนึ่งเดินออกมาจากกระจก มันสวมเดรสสีดำ ไม่ใช่ใครนอกจากทริสซี่ แม่มดผู้มีใบหน้าอ่อนหวานและงดงาม
ใบหน้าของเธอขาวซีดผิดปรกติ คล้ายกับสูญเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก เหงื่อชุ่มกระจายเต็มหน้าผาก
เสียง ‘แปะ’ ดังขึ้น เกิดจากกระเป๋าในมือของทริสซี่หล่นลงพื้น ดวงตาอัดแน่นไปด้วยความกลัวที่ยากจะเก็บซ่อน
จากนั้น เธอก็พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเหม่อลอย:
“ผู้ส่งสารของเขา… เป็นเทวทูต”
ทันใดนั้น ทริสซี่รู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง คล้ายกับมีลมหนาวพัดผ่าน
เธอคิดไม่ถึงมาก่อนว่า การอัญเชิญผู้ส่งสารจะอันตรายถึงเพียงนี้ โชคดีที่สตรีสี่หัวทำเพียงจ้องมองอย่างเงียบงันโดยไม่ได้ทำอะไร แค่รับจดหมายและจากไป
…
เขตเหนือ บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในคฤหาสน์ของดอน·ดันเตส
“จากใคร?” ไคลน์รับจดหมายจากมิสผู้ส่งสาร ถามอย่างคาดหวัง
ศีรษะเจ้าของผมสีทองดวงตาสีแดงทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กล่าวเรียงกัน:
“ภาชนะ…” “แห่งความ…” “สกปรก…” “และมืดมิด…”
ฉายาแบบนี้… ไคลน์ผงะเล็กน้อย ยังไม่เข้าใจว่ามิสผู้ส่งสารกำลังหมายถึงใคร
ภายในสมอง รายชื่อของกลุ่มคนที่รู้วิธีอัญเชิญผู้ส่งสารผุดขึ้นทีละหนึ่ง และถูกตัดออกทีละหนึ่ง
ผ่านไปไม่กี่วินาที มันพอจะคาดเดาได้
ทริสซี่!
เท่าที่ไคลน์ทราบ แม่มดผู้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นทริสซี่·ชีค น่าจะเป็นสื่อกลางที่แม่มดบรรพกาลใช้เพื่อลืมตาตื่นหรือเสร็จเยือน
ด้วยนิยามดังกล่าว การจะเรียกว่า ‘ภาชนะ’ ก็ไม่ผิดอะไรนัก
และทุกคนที่เข้าถึงข้อมูลของโลกผู้วิเศษในระดับสูง ย่อมต้องรู้จักแม่มดบรรพกาล และรู้จักว่าท่านเป็นเทพมาร เป็นสุดยอดตัวตนผู้นำพาจุดจบมายังทุกสรรพสิ่ง ผู้สร้างวันสิ้นโลก ผู้ทำลายล้าง ย่อมต้องมีอำนาจในขอบเขตของความปรารถนาและความรู้สึก จึงสามารถนิยามได้ว่า ‘สกปรกและมืด’ ถึงจะไม่ตรงประเด็นนัก แต่ก็พอจะยอมรับได้
ในทำนองเดียวกัน ความสกปรกและความมืดก็สามารถใช้นิยามทริสซี่ ผู้ถูกกัดกร่อนจากเทพมารได้ในระดับหนึ่ง
สมแล้วที่เป็นเทวทูต ถึงได้กล้าเรียกแม่มดบรรพกาลเช่นนั้น… ไคลน์แอบชื่นชม รีบคลี่จดหมายอ่าน
ทันใดนั้น คล้ายกับมันฉุกคิดบางสิ่ง รีบหันไปทางมิสผู้ส่งสารและกล่าว:
“ท่าทีของผู้ส่งเป็นยังไงบ้าง”
“หล่อน…” “กลัว…” “มาก…” สามศีรษะของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พูดเรียงกัน ปากสุดท้ายที่ไม่มีบทพูดทำได้เพียงอ้าค้างไว้
สีหน้าไคลน์จริงจังขึ้นมาเล็กน้อย ตัดสินใจถาม
“ได้ล็อกตำแหน่งไว้ไหม?”
หัวสุดท้ายของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่ไม่มีบทพูดเมื่อครู่ เปล่งเสียงกังวาน
“ไม่…”
อีกสามศีรษะกล่าวเสริมทันที
“เพราะ…” “หล่อน…” “มี…”
“ออร่า…” “ของ…” “บรรพกาล…”
ไคลน์เงียบงันสักพัก ก่อนจะพยักหน้ารับ:
“เข้าใจแล้ว”
เฝ้ามองมิสผู้ส่งสารก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มคลี่กระดาษออก อ่านจดหมายของทริสซี่
กลับกลายเป็นว่า เธอเป็นฝ่ายชักชวนให้เราช่วยจัดการกับ ‘นักบุญขาว’ คาร์เทอริน่า… ไม่ใช่ว่าเราอยากทำแบบนี้อยู่พอดีหรอกหรือ… ดวงตาไคลน์กะพริบสองสามหน ก่อนจะรีบรื้อหาก้อนเหนียวๆ สีดำที่คล้ายแป้งเปียก
ทันทีหลังจากนั้น มันแปลงโฉมเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ป้ายก้อนสีดำลงบนผิวกระจกบานเล็กภายในห้องอย่างสม่ำเสมอ
รอคอยอย่างอดทนเกือบสิบนาที จนกระทั่งก้อนสีดำที่เหมือนแป้งเปียกใกล้ระเหย ไคลน์ก็ยังติดต่อกับแม่มดทริสซี่ไม่ได้
อย่างที่คิด… ทริสที่ถูกแม่มดบรรพกาลกัดกร่อนในระดับหนึ่ง จึงสามารถรับรู้ถึงระดับของมิสผู้ส่งสาร ยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทวทูตและเกิดความตื่นตระหนก… เธอคงไม่ติดต่อหาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไปอีกสักพักใหญ่… เฮ้อ… ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ คงกำชับล่วงหน้าไม่ให้มิสผู้ส่งสารปรากฏตัวต่อหน้าทริสซี่… หรือไม่ก็บอกกับท่านว่า สามารถนำกลับมาได้ทั้งคนและจดหมาย… ไคลน์ถอนหายใจเงียบงัน ได้แต่รำพันในความโชคร้ายของตน
ทันใดนั้น เสียงสวดวิงวอนมายาพลันดังแว่วในโสตประสาท
“บิดาของฉัน… ท่านเป็นคนแบบไหน?”
ชายสวมหน้ากากทองคำตอบด้วยน้ำเสียงขื่นขม:
“เขาเป็นวีรบุรุษตัวจริง เปี่ยมด้วยคุณธรรม มีหัวใจสูงส่ง แต่เขาไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ในบางครั้งก็หุนหันพลันแล่น ขี้หงุดหงิด มุทะลุ…”
ซิลตั้งใจฟังอย่างเงียบงัน ลึกๆ ในใจต้องการถามอีกหลายสิ่ง แต่สุดท้ายกลับพูดเพียงว่า:
“ขอบคุณมาก”
“วันนี้กลับไปก่อน… หลังจากที่ผมได้สูตร ‘ผู้พิพากษา’ จะฝากข้อความเพื่อนัดพบอีกครั้ง” ชายสวมหน้ากากทองคำโบกมือ
รอจนกระทั่งแผ่นหลังของซิลหายไปจากตรอก ชายสวมหน้ากากทองคำเตรียมหันหลังกลับ ทันใดนั้น เสียงที่ค่อนข้างล่องลอยพลังดังแว่วข้างหู:
“เธอโกหก… เธอไล่ตามไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดถึงจุดเกิดเหตุ นี่คือเรื่องที่สามารถยืนยันได้”
ชายสวมหน้ากากทองคำเงียบงันสักพัก หันไปทางเงาดำด้านข้างและกล่าว:
“เธอคงกังวลว่า การเล่าเรื่องนั้นจะทำให้ตัวเองถูกสงสัย… ด้วยลำดับของเธอ ไม่มีทางที่จะเอาชนะไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดได้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนที่เขาถือสมบัติปิดผนึกระดับ1… ผมเชื่อว่า เธอคงไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่จวบจนปัจจุบัน”
เสียงที่ล่องลอยพูดตอบ:
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แต่เธอยังมีจุดที่น่าสงสัย พวกเราจึงต้องสืบสวนต่อไป อย่าพยายามปกป้องอีกเลย”
ด้านนอกตรอก ซิลกำลังเดินไปตามโคมไฟริมถนนด้วยความสงบ
จริงอยู่ เธออาจไม่ได้เล่าว่าตนไล่ตามไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดไป
แต่นั่นไม่ใช่เพราะต้องการปิดบัง หรือเพื่อทำให้ตัวเองพ้นข้อสงสัย จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นตรงกันข้าม
ก่อนชุมนุมทาโรต์ครั้งล่าสุดจะเริ่มขึ้น เธอวางแผนจะสารภาพว่า ตนไล่ตามไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดไปจนถึงโกดังสินค้าในเขตท่าเรือ แต่เกิดตกใจกลัวกับพายุทอร์นาโดที่โผล่ขึ้นอย่างกะทันหัน แบบนั้นจะฟังดูน่าเชื่อถือมากกว่า มีโอกาสรอดพ้นจากการถูกสงสัย แต่หลังจากที่ทราบว่า มิสเตอร์เกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังสนใจเรื่องนี้เช่นกัน ซิลเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย ตัดสินใจที่จะ ‘รายงาน’ โดยทิ้งความน่าสงสัยเอาไว้
ซิลทราบดี ด้วยฝีมือของเธอตามลำพัง การจะสืบหาความลับของกษัตริย์ อีกสามปีหรือห้าปีก็คงไม่ได้เข้าใกล้ความจริงมากนัก หรืออาจไม่มีวันสมหวังไปตลอดชีวิต แต่ถ้ามีความช่วยเหลือจาก ‘เดอะเวิร์ล’ บางที จุดมุ่งหมายของเธออาจลุล่วงได้ง่ายขึ้น
เพื่อการนั้น เธอยินดีที่จะเสี่ยง เสี่ยงโยนตัวเองลงไปขวางกระแสน้ำเชี่ยว
และในวันนี้ ก่อนที่จะมาพบกับชายสวมหน้ากากทองคำจาก MI9 ซิลสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล ขอให้พระองค์ช่วยถ่ายทอดข้อความไปถึง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ