เมื่อได้ยินข้อเสนอของมิสจัสติส ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะตอบ
“ชักนำความฝันของพวกเขาไปยังทิศทางของยุคสมัยที่สอง ประวัติศาสตร์ของ ‘ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ’ โคฮีเน็ม อุปนิสัยและการดำรงชีวิตของเอลฟ์ ภาษาที่เก่าแก่ที่สุดของเอลฟ์ รวมถึงตำนานของทวีปตะวันตก”
“…ตกลง” ออเดรย์กลอกตาเล็กน้อยพร้อมกับเผยสีหน้าครุ่นคิดพลางย่อยคำสั่งของมิสเตอร์เวิร์ล
จากนั้นเธอเดินไปยืนข้างๆ ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์
ภายใต้การชักนำของหญิงสาว ร่างของโมเบธหายไปจากความฝันเซียธาส
เกลียวคลื่นในดวงตาสีเขียวของออเดรย์เริ่มหมุนวนขณะริมฝีปากขยับแผ่วเบาประหนึ่งกำลังท่องคาถาบางชนิด
โลกแห่งความฝันเริ่มสั่นสะเทือน สวนที่ดูคล้ายกับผิวทะเลสาบพลันแตกละเอียดราวกับถูกหินยักษ์ล่องหนกระแทกจากด้านบน
เศษผิวทะเลสาบกระจัดกระจายก่อนจะกลับมารวมตัวใหม่ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่สวนตามเดิม หากแต่เป็นพระราชวังที่สร้างจากปะการัง
ทุกองค์ประกอบของพระราชวงศ์นั้นโอ่อ่าและวิจิตรตระการตา โครงสร้างภาพรวมสูงโปร่งและสง่างาม แต่เนื่องจากถูกปกคลุมด้วยกระแสน้ำหลายชั้น ท้องฟ้าด้านบนจึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน สีออกไปในทางมืดหม่นและอึมครึม
ภายในวังมีเสาปะการังคอยเรียงรายค้ำจุนโดมสูง และเหนือกำแพงทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงความน่าสะพรึงของพายุ
เหนือจิตรกรรมฝาผนังและเสาปะการังมีแหล่งกำเนิดสายฟ้าสีเงินที่ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องราวกับมีชีวิต ปลายทางที่สายฟ้าผ่าลงไปคือขั้นบันไดสูงเก้าขั้นซึ่งประดับประดาไปด้วยไข่มุก เพชร มรกต และไพลิน
เซียธาสกำลังยืนอยู่ปลายขั้นบันไดล่างสุดโดยมีเอลฟ์จำนวนมากยืนฝั่งตรงข้าม
บนขั้นบันไดเก้าขั้นมีเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ดูคล้ายกับถูกสร้างจากสายฟ้าบริสุทธิ์วางอยู่สองตัว ตัวหนึ่งวางอยู่กึ่งกลางลานราวกับเป็นที่นั่งของผู้ปกครองพระราชวังแห่งนี้ ส่วนอีกตัวหนึ่งวางอยู่ฝั่งซ้ายมือของเก้าอี้ตัวกลาง ส่งผลให้ดึงดูดสายตาน้อยกว่า
ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กึ่งกลางสวมชุดคลุมสบายๆ ปลายหูแหลม เส้นผมดกหนา และใบหน้าค่อนข้างอ่อนโยน สีผมเป็นการผสมผสานระหว่างดำและฟ้า ไม่เพียงใบหน้าจะสง่างามและเลอโฉม แต่ยิ่งทวีความหล่อเหลาเมื่อนำทุกองค์ประกอบมารวมกัน อย่างไรก็ตาม บรรยากาศรอบตัวกลับเกรี้ยวกราดและไม่เป็นมิตร ราวกับพร้อมจะหยิบหอกสายฟ้าข้างบัลลังก์ออกมาขว้างได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องบอกกล่าว
สตรีที่นั่งอยู่ข้างๆ มีใบหน้างดงามและเส้นผมสีดำขลับถูกเกล้ามวยสูง ปลายหูแหลมเล็กๆ และใบหน้าหมดจดไร้จุดตำหนิ ดวงตาสีน้ำตาลของเธอลุ่มลึกราวกับก้นมหาสมุทร ในมือของเธอกำลังหยอกเย้าแก้วไวน์ทองคำ
โดยไม่ต้องให้เซียธาสอธิบาย ไคลน์และที่เหลือเข้าใจได้ทันทีว่าฝ่ายชายคือหนึ่งในเทพบรรพกาล ราชาเอลฟ์ซอนญาธริมและฝ่ายหญิงคือ ‘ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ’ ราชินีเอลฟ์โคฮีเน็ม
“ไอ้คนทรยศเออเมียร์!” ทันใดนั้นเสียงคำรามที่คล้ายกับฟ้าร้องดังกังวานจนวังปะการังสั่นไหวรุนแรง ส่งผลให้เซียธาสและข้าราชบริพารต่างพากันก้มศีรษะด้วยความกลัว
นี่คือเสียงคำรามของเทพบรรพกาล
เออเมียร์… ชื่อของราชาคนยักษ์สินะ… เมื่อไม่นานมานี้เราเพิ่งมีโอกาสได้ดื่มไวน์ที่ตั้งตามชื่อเจ้านั่น ต้องยอมรับตามตรงว่ารสชาติของมันพิเศษกว่าไวน์ใดในโลก ราคาก็แพงกว่าปรกติแค่เล็กน้อย… หลังจากได้ฟัง ไคลน์ปล่อยให้ความคิดล่องลอย
มันยังไม่ลืมเรื่องที่เดอะซันน้อยเคยเล่าให้ฟังว่า ราชาคนยักษ์เออเมียร์ ราชาเอลฟ์ซอนญาธริม และต้นตระกูลผีดูดเลือดลิลิธ เทพบรรพกาลกึ่งมนุษย์ทั้งสามจับมือเป็นพันธมิตรกัน ฝ่ายศัตรูคือขั้วอำนาจที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างมังกรจินตภาพแอนเคอร์เวล ต้นตระกูลฟีนิกซ์เกรจารี และราชามนุษย์กลายพันธุ์เควาสทูน ในส่วนของราชาปีศาจฟาโบธีและราชาหมาป่าอสูรเฟรเกีย พวกมันเป็นเอกเทศและคิดเพียงจะกัดกร่อนทำลายล้างโลก
หมายความว่าพันธมิตรฝ่ายเทพกึ่งมนุษย์พังทลายลงในตอนหลัง? ไคลน์สร้างข้อสันนิษฐานพร้อมกับรอให้ความฝันเกิดการเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากเคยฟังประสบการณ์ของ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริค ออเดรย์ไม่ใช้คนแปลกหน้าสำหรับประวัติศาสตร์ยุคสมัยที่สอง จึงรีบชักนำความฝันของเซียธาสโดยปราศจากความลังเล
แม้จะนั่งใกล้กับเสียงคำราม แต่ราชินีแห่งภัยธรรมชาติโคฮีเน็มก็มิได้หวั่นไหว ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาและเรียบเฉย
“ก็พอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ? ความน่าเชื่อถือของเจ้านั่นตรงข้ามกับร่างกายโดยสิ้นเชิง”
พร้อมกันนั้น เทพบรรพกาลซอนญาธริมที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเส้นสายฟ้าเริ่มเปล่งเสียงคำราม
“ข้าคิดว่าหลังจากผ่านไปร่วมร้อยปี เจ้านั่นจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ภาพรวมมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะประเมินสติปัญญาของมันสูงไป! หากไม่ใช่เพราะมันหักหลังลิลิธ หล่อนจะร่วงหล่นได้อย่างไร?”
เห… ต้นตระกูลผีดูดเลือดลิลิธร่วงหล่นไปก่อนใคร? เปลือกตาไคลน์ขยับเล็กน้อยขณะตั้งใจฟัง
หลังจากราชาเอลฟ์คำรามเสร็จ ราชินีแห่งภัยธรรมชาติกล่าวโดยยังคงรักษาภาพลักษณ์เดิม
“แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เควาสทูนและเฟรเกียตกตายไปพร้อมลิลิธได้… เหล่าทวยเทพมิได้เชื่อใจกันอย่างแน่นแฟ้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ต่อให้พวกเรามิได้จับพันธมิตรกับใคร แต่ก็สามารถปกครองมหาสมุทร ทะเลสาบ และแม่น้ำได้สบาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ