ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1069

สรุปบท ราชันเร้นลับ 1069 : ‘ก้นทะเล’: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปตอน ราชันเร้นลับ 1069 : ‘ก้นทะเล’ – จากเรื่อง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

ตอน ราชันเร้นลับ 1069 : ‘ก้นทะเล’ ของนิยายInternetเรื่องดัง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ยักษ์ที่ปากชุ่มเลือดและมีดวงตาแนวตั้งนั้นเป็นเพียงภาพมายา แก่นแท้ของมันคืออารมณ์อันแรงกล้าที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต

แรกเริ่มเกิดจากอารมณ์เข้มข้นซึ่งแผ่ซ่านเข้าสู่จิตใต้สำนึก จากนั้นก็แผ่ขยายจากเกาะวิญญาณของตัวเองไปยัง ‘มหาสมุทร’ มายาที่อยู่โดยรอบและปักหลักกลายเป็นตราประทับ – ไม่ใช่ทุกอารมณ์หรือสติที่จะกลายเป็นตราประทับ ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปตามกาลเวลา หรือไม่ก็ถูกชะล้างด้วย ‘น้ำทะเล’ มีเพียงอารมณ์ที่รุนแรงหรือเกิดซ้ำๆ เท่านั้นจึงจะอยู่รอด

และเมื่อความคิดดังกล่าวกลายเป็นตราประทับ นั่นหมายถึงการเป็น ‘หยดน้ำ’ ในทะเลจิตใต้สำนึกรวม สิ่งนี้สามารถส่งผลอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันรอบๆ ตัวจนกระทั่งกลายเป็น ‘ความคิดร่วม’ เมื่อนานวันเข้าก็แปรสภาพกลายเป็น ‘ความทรงจำ’ โบราณที่จารึกไว้ในลมหายใจ

ดังนั้นร่างสัตว์ในตำนานที่คนยักษ์มายาตนนี้เผยออกมาไม่เพียงจะพร่ามัว แต่ยังมีหลายจุดที่ผิดเพี้ยนเพราะถูกแต่งเติมด้วยจิตสำนึกส่วนตัว และตามปรกติแล้ว เลียวนาร์ดกับออเดรย์จะมิอาจจ้องมองได้โดยตรง ไม่อย่างนั้นจะเกิดความสับสนทางจิตและเกิดอาการสติแตก ทว่าความบ้าคลั่งที่มาพร้อมกับมัน – ความกลัวจนถึงขีดสุดซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหน – เป็นอารมณ์ที่ใกล้เคียงความจริงอย่างมาก ส่งผลให้สามารถแพร่เชื้อเข้าสู่กายาปัญญา วิญญาณดารา หรือแม้กระทั่งร่างวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด!

นี่คืออันตรายโดยทั่วไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวม มิได้ถือกำเนิดจากพลัง ระดับ หรือตัวเอง แต่มาจากอารมณ์ความรู้สึกที่เข้มข้น

แน่นอนว่าถ้าได้เผชิญหน้ากับตราประทับของสิ่งมีชีวิตชั้นสูงหรือเทพ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะได้เห็นร่างสัตว์ในตำนานโดยตรง และผลลัพธ์ก็จะลงเอยด้วยอาการสติแตกหรือไม่ฟั่นเฟือน กลายเป็นโดยสมบูรณ์ หรือต่อให้รอดมาได้ก็จะถูกอารมณ์ของเทพหรือสิ่งมีชีวิตชั้นสูงกัดกร่อน ยากที่จะคาดเดาชะตากรรม

สรุปได้ว่าภายในทะเลจิตใต้สำนึกรวม วิธีการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะแตกต่างจากโลกภายนอก ในบางกรณี ยิ่งพยายามทำลายภาพลวงตามากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสติดเชื้อจากอารมณ์ที่สั่นคลอนมากเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อไคลน์เห็นยักษ์สีเทาอมฟ้าสูงเจ็ดแปดเมตรปรี่เข้าหา ชายหนุ่มรีบควบคุมอารมณ์เป็นอันดับแรกทันที

จากนั้นก็ใช้ ‘ภาพลวงตา’

เป้าหมายของภาพลวงตาคือเลียวนาร์ดและออเดรย์

ส่งผลให้ในสายตาของผู้วิเศษลำดับ 5ทั้งสองคน คนยักษ์ที่สูงเท่าตึกสองสามชั้นตรงหน้าปราศจากความบ้าคลั่งและเกรี้ยวกราดที่ควรจะมี สิ่งที่เห็นกลายเป็นเพียงคนยักษ์ธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น

ดังนั้นก่อนที่ความรู้สึกอันเข้มข้นจะแล่นเข้าสู่ร่างกาย เลียวนาร์ดและออเดรย์อยู่ในภาวะเยือกเย็นเป็นที่สุด ไม่มีการสั่นไหวของอารมณ์

ทันทีหลังจากนั้น เลียวนาร์ดนำล้วงกระเป๋าและเหยียดแขนขวาไปข้างหน้าพลางอ้าปากเล็กน้อย

เดิมทีในฐานะจอมอาคมวิญญาณ มันต้องการจะใช้วิญญาณดวงแรกอย่าง ‘แบนชี’ ซึ่งผนึกเข้าไปในฟันด้วยความช่วยเหลือจากอาร์ชบิชอป (เป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังซึ่งมีใบหน้างดงาม ร่างกายเน่าเปื่อย มีปีกอินทรีขนาดใหญ่สยายออกจากแผ่นหลังหนึ่งคู่ เก่งกาจด้านการแทรกแซงจิตใต้สำนึกของผู้อื่นและอัดฉีดความกลัวเข้าไป) แต่เพียงไม่นานมันก็นึกขึ้นได้ว่า ปัจจุบันไม่เพียงมันจะอยู่ในร่างวิญญาณดารา แต่ยังมีพรแห่งการชำระล้างของหมอกสีเทา เช่นนั้นแล้วยังจะมีวิญญาณอื่นหลงเหลือใน ‘ร่าง’ ได้อย่างไร

เมื่อไม่มีทางเลือก มันเปลี่ยนไปใช้พลังของ ‘ผู้ปลอบวิญญาณ’ พร้อมกับดวงตาที่ซีดลง

คนยักษ์มายาเริ่มชะลอพฤติกรรมทันที คล้ายกับอารมณ์ของมันบรรเทาลงบางส่วน

ทันใดนั้นออเดรย์ยังกางแขนออกอย่างเยือกเย็นและใช้ปลอบโยน

สายลมที่มองไม่เห็นพัดผ่าน คนยักษ์มายาพลันหยุดนิ่งพร้อมกับลดการแพร่เชื้อไปยังสิ่งรอบข้าง

ระหว่างนั้นไคลน์หยิบไม้กางเขนทองแดงซึ่งเต็มไปด้วยหนามออกมามือ ตามการด้วยเปิดขวดบรรจุเลือดของตัวเองและเทลงบนไม้กางเขนราวสองสามหยด เปล่งเสียงด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม:

“แสง!”

แสงที่ทั้งเจิดจ้า บริสุทธิ์ผุดผิด และไร้ที่ติพลันส่องสว่าง เสื้อกันลมสีดำของไคลน์สะบัดพลิ้วพร้อมกับการถูกแสงกลืนกินของคนยักษ์มายา

แทบไม่มีการต่อต้าน คนยักษ์สีเทาอมฟ้าละลายหายไปอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในพลังหลักของไม้กางเขนเจิดจรัสคือการลบหรือชำระล้างตราประทับทางวิญญาณที่หลงเหลือ!

นี่คือเหตุผลที่ไคลน์เลือกพกพาสมบัติปิดผนึกชิ้นนี้

และขณะที่ใช้พลังของไม้กางเขนซึ่งเป็นมรดกจากเทพสุริยันบรรพกาล ไคลน์ตัดสินใจสลายภาพมายาเพื่อให้เลียวนาร์ดและออเดรย์ ‘เห็น’ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของคนยักษ์มายา ทั้งสองจะได้มีประสบการณ์ในเรื่องทำนองนี้ติดตัวไว้บ้าง

แม้คนยักษ์มายาจะถูกแสงเจิดจ้าชำระล้างหายไปภายในไม่ถึงเสี้ยววินาที แต่ออเดรย์และเลียวนาร์ดก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะวิงเวียนศีรษะรุนแรง ความหวาดกลัวและกระวนกระวายผุดขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ สติแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับอาการบ้าคลั่ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ออเดรย์รีบใช้ปลอบโยนกับตัวเองตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็ช่วยแก้ไขอาการทางจิตของมิสเตอร์สตาร์และมิสเตอร์เวิร์ล

“น่ากลัวมาก… นี่คือคนยักษ์ระดับครึ่งเทพ?” จนกระทั่งแสงสว่างดับไป ‘จัสติส’ ออเดรย์มองไปรอบๆ และกล่าวด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ทันใดนั้น เธอเข้าใจประโยคหนึ่งอย่างลึกซึ้ง

ห้ามจ้องมองเทพ!

แม้แต่ครึ่งเทพระดับนักบุญที่มาเพียงภาพฉายก็ยังมิอาจจ้องมองได้โดยตรง นับประสาอะไรกับเทพแท้จริง?

เลียวนาร์ดที่ได้รับประสบการณ์คล้ายคลึงกันพลันหัวเราะแห้ง

“ผู้วิเศษลำดับ 4 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพในระดับตัวตนอย่างมาก แต่นั่นก็ยังไม่เท่าไร… ไม่น่ากลัวเท่ากับตอนที่ผมเผชิญหน้าสตรีมีครรภ์คนหนึ่ง”

ทำไมพวกนักกวีถึงชอบโอ้อวดนัก? ตอนสู้กับเมกูสนายสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างอิสระ แต่กับเมื่อครู่ ถ้าฉันไม่สร้างภาพลวงตา รับประกันได้เลยว่ามีคนคลุ้มคลั่งแน่นอน… ทว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปถ้าเมกูสคลอดทารกในท้องออกมา ลำพังการจ้องมองก็มากพอจะทำให้พวกเราคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาด… ไคลน์รำพันจิกกัดเลียวนาร์ดพลางหวนนึกถึงความทรงจำเก่า

เมื่อเทียบกับมิสจัสติสที่อ่อนประสบการณ์ เลียวนาร์ดซึ่งอาบน้ำร้อนมาก่อนย่อมรู้จังหวะว่าตอนไหนควรฝืนและตอนไหนไม่ควร

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามผมมา” ไคลน์ถอนสายตากลับและเปลี่ยนไปถือไม้กางเขนเจิดจรัสที่กลับมาเป็นสีทองแดงด้วยมือข้างที่ถือขวดโลหะ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่นำเหรียญทองออกมาถือ

กิ๊ง!

ขณะเหรียญทองกำลังร่วงหล่น ชายหนุ่มคว้ามันไว้โดยไม่ตรวจสอบผลลัพธ์ แต่กลับเลือกทิศทางที่จะเดินไปได้ทันที

นี่คือวิธีการทำนายของเขา… ออเดรย์ตกตะลึงเล็กๆ

จากด้านข้าง หญิงสาวมองหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ซึ่งกำลังเผยสีหน้าขึงขังและเยือกเย็น เมื่อผนวกเข้ากับเสื้อกันฝนสีดำ หมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง และไม้กางเขนเจิดจรัส เธอพบว่าอีกฝ่ายดูคล้ายกับ ‘ผู้เผยแผ่ศาสนา’ อย่างบอกไม่ถูก

ส่วนเลียวนาร์ดย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต

เป็นคดีแรกที่มันและไคลน์ร่วมมือกันสืบหาเด็กชายที่ถูกลักพาตัวไป ในตอนนั้นไคลน์เองก็นำทางด้วยพลังทำนายโดยมีเลียวนาร์ดคอยตามหลังอย่างเชื่อใจ

เมื่อเทียบกับความเก้ๆ กังๆ ในตอนนั้น ปัจจุบันเขาชำนาญมากจนดูเหมือนเข้าสู่โลกของผู้วิเศษมานานกว่าสิบปี… แต่ในความเป็นจริงเพิ่งผ่านไปแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น… เลียวนาร์ดนำมือล้วงกระเป๋าและเดินตามไคลน์ด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ออเดรย์เหลือบมองเลียวนาร์ดและรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์

มิสเตอร์สตาร์และมิสเตอร์เวิร์ลไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักในชีวิตจริง แต่พวกเขาน่าจะเคยเป็นเพื่อนที่สนิทกัน… อา… แต่น่าจะไม่ค่อยได้เจอกันในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา… ขณะครุ่นคิด ออเดรย์มิได้ลดความในการเดินเร็วลง พลางคอยสังเกตรายละเอียดรอบๆ ตัวและคาดคะเนจากสิ่งที่ร่ำเรียนมา ช่วยระบุว่าจุดใดอาจมี ‘กระแสน้ำวน’ หรือ ‘สัตว์ร้าย’ ซึ่งอาจดักซุ่มโจมตี

ด้วยความช่วยเหลือของหญิงสาว ไคลน์นำทางอย่างราบรื่นโดยไม่เผชิญหน้ากับศัตรูตรงๆ เหมือนกับในกรณีของ ‘คนยักษ์มายา’

บางครั้งก็เดินตรง บางครั้งก็หักเลี้ยว จนกระทั่งผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ดวงตาทั้งสามพลันเบิกกว้าง

นั่นเพราะสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ ‘หลุมลึกก้นทะเล’ โดยที่กึ่งกลางหลุมยักษ์มีเมืองขนาดเท่าเกาะ

ฐานของเมืองเป็นสีขาวนวล เรียงรายไปด้วยเสาหินที่งดงามซึ่งสูงหลายร้อยเมตร บ้างตั้งเด่นตระหง่านอย่างโดดเด่น บ้างก็รวมกันเพื่อค้ำจุนพระราชวังโบราณสูงตระหง่านที่โอ่อ่า ฉากตรงหน้าทั้งมหัศจรรย์และเลอค่า ดูแล้วไม่น่าจะใช่สถาปัตยกรรมที่สิ่งที่มีชีวิตทั่วไปสร้างขึ้นได้

แม้ออเดรย์จะไม่รู้จักเมืองนี้ แต่ความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในใจ:

เมืองแห่งปาฏิหาริย์… เลฟซิด…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ