ความอลังการไม่เป็นสองรองวังราชาคนยักษ์ แต่มีความดิบและหยาบมากกว่า เป็นเอกลักษณ์มากกว่า เสาหินทุกต้นสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตร ดูราวกับเป็นบัลลังก์ของเหล่ามังกร เพียงได้ยินคำบรรยายก็ทำให้เกิดความประทับใจอันลุ่มลึกไม่รู้ลืม
ดังนั้นแม้ออเดรย์จะไม่เคยเห็นเลฟซิดของจริงมาก่อน แต่ฉากตรงหน้าก็ทำให้หญิงสาวเชื่อมโยงเข้ากับเมืองแห่งปาฏิหาริย์ได้ทันที แน่นอนว่าเหตุผลหลักเป็นเพราะเธอทราบว่า ‘การเดินทางของกรอซาย’ เกิดจากฝีมือการประพันธ์ของ ‘มังกรจิตภาพ’ แอนเคอร์เวล
สำหรับไคลน์ที่เคยทำนายถึงต้นกำเนิดของ ‘การเดินทางของกรอซาย’ จนได้เห็นเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เมืองลอยฟ้าเลฟซิดของจริง ย่อมมั่นใจว่าเมืองขนาดเท่าเกาะที่อยู่ก้นทะเลแห่งนี้ไม่ใช่อื่นใดนอกจากเลฟซิด จุดเดียวที่แตกต่างคือการไม่มีมังกรตัวจริงบินเพ่นพ่านไปมา!
เป็นของจริงหรือของเลียนแบบ? หรือเกิดจากการสั่งสมจิตใต้สำนึกของสิ่งมีชีวิตพิเศษบางชนิดในโลกหนังสือ? ไคลน์ที่ประหลาดใจเล็กๆ เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์
พิจารณาจากผลการทำนายถึงต้นกำเนิดและจากเนื้อหาในความฝันของ ‘องครักษ์คนยักษ์’ กรอซายและ ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส ไคลน์มั่นใจว่าในตอนที่ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ถูกสร้างขึ้น เมืองลอยฟ้าเลฟซิดของจริงนั้นยังคงอยู่ และเมื่อหนังสือเดินทางไปถึงวังราชาคนยักษ์และกรอซายเริ่มออกผจญภัย เมืองลอยฟ้าเลฟซิดของจริงก็ยังคงอยู่ จนกระทั่งเซียธาสถูกดูดเข้ามา เมืองเลฟซิดของจริงก็ยังคงอยู่เช่นเดิม เพราะถ้าเมืองแห่งปาฏิหาริย์ของจริงหายไป ความทรงจำของเซียธาสกับกรอซายย่อมต้องมีเบาะแสของเรื่องนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความจริงข้างต้นคือหลักฐานยืนยันที่ยากจะโต้แย้งว่า เมืองขนาดเท่าเกาะที่อยู่ก้นทะเลในหนังสือไม่น่าจะใช้เลฟซิดของจริง
แต่ทันใดนั้นไคลน์ฉุกคิดบางสิ่ง
กระจกวิเศษ อาโรเดสเคยกล่าวไว้ว่า:
“…หนังสือเล่มนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในหมู่มังกร เป็นช่วงเวลาหลังจากเมืองแห่งปาฏิหาริย์เลฟซิดหายไป”
ชักน่าสนใจล่ะสิ… อาโรเดสใช้หลักฐานใดยืนยันว่า ‘การเดินทางของกรอซาย’ ปรากฏขึ้นครั้งแรกหลังจากเมืองเลฟซิดหายไป? เจ้านั่นไม่สามารถส่องได้แม้กระทั่งเรื่องที่เกี่ยวกับซาราธ เช่นนั้นก็ไม่น่าจะ ‘ส่อง’ จนเห็นต้นกำเนิดของมรดกจากเทพบรรพกาล… ตอนแรกเราเองก็สร้างสมมติฐานตามข้อสรุปของมันแต่หลังจากลองทำนายด้วยตัวเอง ทฤษฎีของเราก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและปัดตกข้อเท็จจริงนั้นทิ้งไป… ไคลน์จ้องมองเสาหินสูงตระหง่านจำนวนมากพลางผุดความคิดนับไม่ถ้วน
ทันใดนั้น มันฉุกคิดได้อีกหนึ่งสิ่ง
เจ้าของคนสุดท้ายของ ‘การเดินทางของกรอซาย’ คือ ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดซึ่งเป็นสมาชิกโบสถ์ปัญญาและศรัทธาในเทพปัญญาความรู้
และเทพปัญญาความรู้ก็สามารถยืนยันได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเป็นราชาเทวทูตที่เคยรับใช้เทพสุริยันบรรพกาล – เทวทูตปัญญา
จากบันทึกประวัติศาสตร์ของศาสนจักร ในยุคสมัยที่สามมีเหตุผลมากมายที่ทำให้เชื่อได้ว่า เทวทูตปัญญาน่าจะเป็นมังกรแห่งปัญญา เฮราเบอร์เก้น!
นี่คือชื่อเทพรับใช้ของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล หนึ่งในมังกรโบราณระดับสูง!
นี่มัน… หรือว่าเรื่องที่ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ปรากฏขึ้นหลังจากเมืองลอยฟ้าเลฟซิดหายไป ‘พลเรือโทธารน้ำแข็ง’ เอ็ดวิน่าจะทราบจากเทพปัญญาความรู้โดยตรงผ่านวิธีการบางอย่าง และอาโรเดสก็ส่องเห็นเรื่องนี้เข้า? หากท่านเป็นมังกรแห่งปัญญาจริง ก็มีโอกาสสูงมากที่จะเกี่ยวข้องกับสาเหตุการหายไปของเมืองลอยฟ้าโดยตรง เพราะท่านเองก็เป็นหนึ่งในมังกรโบราณระดับสูง น่าจะมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากกว่ากรอซายและเซียธาส… แต่เราจะอธิบายฉากที่เห็นภายในการทำนายบนมิติหมอกได้ยังไง? ลำพังการนึกภาพตามก็ทำให้ปวดหัวแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่เราเห็นคือเทพบรรพกาล ‘มังกรจินตภาพ’ แอนเคอร์เวลตัวจริง… ไคลน์เริ่มตื่นเต้นเมื่อจับการเชื่อมโยงได้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังเต็มไปด้วยปริศนา
มันโยนเหรียญทองขึ้นไปในอากาศพลางสร้างสมมติฐาน
ในเมื่อเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิด เป็นสิ่งที่ถูกจินตนาการขึ้น เช่นนั้นแล้ว มันก็อาจถูกจินตนาการขึ้นใหม่หลังจากของเก่าหายไป…
หรือว่าเมืองเลฟซิดดั้งเดิมจะถูกราชามังกรแอนเคอร์เวลยัดใส่หนังสือ จากนั้นพระองค์ก็จินตนาการเลฟซิดขึ้นมาใหม่บนโลกความจริง?
การกระทำเช่นนี้อาจตบตามหามังกรทั้งหมดได้ แต่ไม่ใช่กับมังกรแห่งปัญญาที่เฉลียวฉลาด?
ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง เมืองแห่งปาฏิหาริย์เลฟซิดก็จะมีอยู่สองแห่ง และในหนังสือคือเมืองดั้งเดิม…
แต่คำถามก็คือ ทำไมมังกรแห่งปัญญาถึงไม่เข้ามาสำรวจหนังสือด้วยตัวเอง? ต่อให้ท่านไม่ใช่ ‘ผู้ชม’ แต่สมญานามด้านความทรงปัญญานั้นเป็นของจริง คงมีวิธีการมากมายที่จะเข้ามาสำรวจ…
หรือว่าท่านแอบเข้ามาสำรวจแล้วโดยไม่ให้ตัวละครในหนังสือรู้ จากนั้นก็กลับออกไปโดยจงใจทิ้งเลฟซิดเอาไว้ที่นี่?
ขณะไคลน์กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เลียวนาร์ดจ้องมองชายหนุ่มก่อนจะหันไปทางมิสจัสติสที่เอาแต่ก้มมองอย่างเงียบงัน จากนั้นก็พูดทำลายความเงียบ
“จริงอยู่ที่เมืองแห่งนี้ทั้งงดงามและอลังการจนไม่น่าจะเป็นสถานที่พักอาศัยของมนุษย์หรือกึ่งมนุษย์ แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้พวกคุณต้องจ้องมองนานขนาดนี้ ทั้งสองคนไม่ใช่สถาปนิกสักหน่อย”
ไคลน์รวบรวมสมาธิและชำเลืองไปทางเลียวนาร์ด
“มีโอกาสสูงมากที่เมืองนี้จะเป็นเมืองลอยฟ้า เลฟซิด ของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคืออาณาจักรของเทพบรรพกาล”
แต่แน่นอน ถ้าเมืองเลฟซิดมีอยู่สองแห่งจริงๆ ความเป็นอาณาจักรแห่งเทพที่นี่คงมิได้สลักสำคัญอะไร
“อาณาจักรแห่งเทพ…” รูม่านตาเลียวนาร์ดเบิกกว้างพร้อมกับทวนคำ
ออเดรย์ที่ได้สติกลับมาส่งเสียงพึมพำ
“ที่นี่คือเลฟซิดจริงๆ ใช่ไหม…”
“มีโอกาสเป็นไปได้” ไคลน์ที่ใจเย็นลงแล้วอธิบายง่ายๆ “แต่เนื่องจากมันไม่ได้กำลังลอยเหมือนในตำนาน แต่จมอยู่ที่ก้นทะเลจิตใต้สำนึกรวม จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าเป็นของจริงหรือปลอม”
ขณะเดียวกัน เลียวนาร์ดเองก็เริ่มใจเย็น สายตากวาดมองไปรอบๆ เมืองขนาดมหึมาในหลุมยักษ์ก้นทะเลพร้อมเผยรอยยิ้มขื่นขม
“ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่ได้มาเหยียบอาณาจักรของเทพบรรพกาล…”
ว่ากันตามตรง หากมิสจัสติสไม่อยู่ที่นี่ มันคงชื่นชมในชีวิตอัน ‘หรูหราและมีสีสัน’ ของไคลน์
นับตั้งแต่ได้กลับมารวมตัวกับสหายเก่า ไม่เพียงมันจะต้องเผชิญหน้ากับบุตรแห่งเทพซึ่งเป็นราชาเทวทูตสองตน แต่ยังได้เข้ามาสำรวจในโลกหนังสือลึกลับและได้พบกับเมืองที่น่าจะเป็นอาณาจักรแห่งเทพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ