ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1091

กรุงเบ็คลันด์ เขตตะวันออก ภายในบ้านเช่าคับแคบ

ไคลน์ซึ่งสวมเสื้อนอกค่อนข้างหนา ยืนอยู่ริมโต๊ะพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ดื่มด่ำไปกับความก้าวหน้าในการย่อยโอสถจอมอาคมพิสดารที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เร็วมาก… ก้าวหน้ามากกว่าช่วงสามเดือนที่ผ่านมารวมกันด้วยซ้ำ… แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากไม่มีไม้เท้าแห่งชีวิต พลังในการรักษาของเรายังไม่สูงพอ คนไข้อาจหวาดกลัวจนทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่งผลให้มิอาจตระเวนไปตามโรงพยาบาลเพื่อสร้างเรื่องสยองขวัญ…

ในทำนองเดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดสงคราม เราคงไม่มีโอกาสได้เผชิญหน้ากับครึ่งเทพคนอื่น… ครึ่งเทพที่เรารู้จักทั้งหมดล้วนอาศัยอยู่ใน ‘ถิ่น’ ของตัวเอง หากต้องการบุกรุกเข้าไปเพื่อสร้างตำนานสยองขวัญ คงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเปลี่ยนให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นหุ่นเชิด ต่อให้ไม่เหลือทางเลือกอื่น เราก็จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด… ไคลน์ถอนหายใจพลางครุ่นคิด

จากนั้น มันย้ำคำหนึ่งภายในใจ

สงคราม…

ปัจจุบัน เขตตะวันออกค่อนข้างมืด มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟถนนซึ่งอยู่ห่างออกไปไกล นานๆ ครั้งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินถือตะเกียงตรวจตราบนถนน

หากเป็นเมื่อก่อน ตำรวจเหล่านี้จะขาดความกระตือรือร้น แต่สำหรับปัจจุบัน เนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม จึงต้องมีการตรวจตราอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ประชาชนฝ่าฝืน ‘เคอร์ฟิว’

“สงคราม…” ไคลน์ทวนคำอีกครั้งด้วยเสียงแผ่ว ท่ามกลางความสับสนเล็กๆ ไคลน์เริ่มมองเห็นบทสรุปบางส่วนของสงคราม

ท้ายที่สุด จอร์จที่สามแห่งโลเอ็นจะเป็นอิสระจากพันธนาการ หมดห่วงว่าเจ็ดเทพจารีตจะพยายามยับยั้งตน สามารถดำเนินการประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืดได้อย่างชอบธรรม… หากมันอดทนต่อฤทธิ์โอสถได้ รวมไปถึงการรักษาสติสัมปชัญญะ จอร์จที่สามก็จะกลายเป็นลำดับ 0 จักรพรรดิมืดโดยสมบูรณ์…

ตระกูลไอน์ฮอร์นแห่งฟุซัคจะใช้ประโยชน์ความวุ่นวายของสงครามที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งสมาชิกคนสำคัญออกไปทำศึกเพื่อย่อยโอสถและประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ขุมพลังโดยรวมของตระกูลแข็งแกร่งขึ้นมาก…

สำหรับพี่ชายของอามุนด์ นี่คือโอกาสอันดีในการปรุงโอสถและก้าวขึ้นไปเป็น ‘นักสร้างฝัน’ ท่ามกลางกระแสเวลาแห่งยุคสมัย ทำให้โลกนี้มีเทพแท้จริงเพิ่มอีกหนึ่งตน…

ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ผุดคำถามขึ้นกะทันหัน

เรายอมรับบทสรุปแบบนี้ได้หรือ…

ยอมรับได้ไหม… ไคลน์อ้าปากและปิดกลับไปอย่างเชื่องช้า ภายในใจกำลัง ‘เห็น’ ภาพที่ไกลเกินกว่าขีดจำกัดของเวลาและมิติ

เป็นฉากของกรุงเบ็คลันด์ซึ่งท่วมท้นไปด้วยหมอกควันสีเหลืองอ่อนแซมด้วยสีดำเหล็ก หมอกดังกล่าวทั้งเข้มข้นและฉุนจมูกชวนให้สำลัก ทั้งเย็นเยียบและเปียกชื้น

ชายเร่ร่อนคนหนึ่ง ชีวิตของมันขยับเข้าใกล้ความตายเนื่องจากอาการป่วย ความหิว ความเจ็บปวด และหนาวเย็น ชายคนดังกล่าวพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยการใช้อาหารและรางวัลบางอย่างเป็นแรงผลักดันในการทำงาน ไม่เคยเกียจคร้านแม้แต่วินาทีเดียว จนกระทั่งได้พบกับแสงสว่างแห่งชีวิต มีเงินเพียงพอที่จะซื้อแฮมซึ่งใฝ่ฝันอยากกินมานาน

ม่ายสาวคนหนึ่ง เธอเป็นคนขยันขันแข็ง แต่เพื่อความอยู่รอดและเพื่อลูกสาวทั้งสอง เธอยอมละทิ้งศักดิ์ศรีและทำตัวปากร้าย สั่งสอนลูกสาวทั้งสองคนด้วยภาษาหยาบคาย น่าเสียดายที่อาการไขข้อทรุดลงทุกวันเนื่องจากต้องทำงานสภาพแวดล้อมที่ชื้นเกินไป จนกระทั่งหมอกควันอันเข้มข้นมาเยือนเมืองหลวง หลังคาที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันลมฝนได้ถล่มลงมา หล่นทับเธอและลูกสาวคนหนึ่งซึ่งเธอพยายามปกป้องไว้ในอ้อมแขน ส่งผลให้เสียชีวิตไปทั้งคู่

เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอรักการอ่าน เฝ้าฝันถึงอนาคตอันสดใส รักแม่และน้องสาวมาก อุทิศชีวิตให้กับการทำงานภายในห้องที่เต็มไปด้วยละอองน้ำเปียกชื้น โดยหวังว่าสักวันจะได้มีอนาคตที่สุขสบาย แต่หลังจากเหตุการณ์หมอกควัน อนาคตของเธอก็จบลง

เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีโอกาสได้เล่าเรียนเพราะการเสียสละของแม่และพี่สาว เธอจึงตั้งใจเรียนหนักเพื่อทุกคน หลังจากเผชิญความทุกข์ยากมากมาย สิ่งดีๆ ก็เริ่มเข้ามาในชีวิต เธอหวังจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น ปรารถนาให้แม่และพี่สาวได้ทำงานสบาย ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย หวังว่าครอบครัวเล็กๆ ที่มีสมาชิกสามคนจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ในท้ายที่สุด ทุกสิ่งพังทลายลง ท่ามกลางหมอกควัน เธอถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง โดยหลังจากนี้ ไม่ว่าจะได้พานพบความสุขหรือความเจ็บปวด เธอไม่สามารถแบ่งปันกับใครได้อีก ชีวิตครอบครัวในฝันสูญหายไปตลอดกาล

สิ่งมีชีวิตมากมายทยอยล้มตายราวกับฟางข้าว จากครอบครัวหนึ่งไปถึงอีกครอบครัวหนึ่ง จากคนหนึ่งไปถึงอีกคนหนึ่ง เป็นความเจ็บปวดที่ถูกสลักลงในกระดูกซึ่งมิอาจลบเลือน

นักศึกษาคนหนึ่ง อนาคตสดใส แต่ร่างกายกลับเหลือเพียงครึ่งซีก ลำไส้กระจัดกระจาย

เด็กคนหนึ่ง เพิ่งกลับจากโรงเรียน แต่ต้องพบว่าตนสูญเสียพ่อแม่และกลายเป็นเด็กกำพร้า

คนธรรมดาจำนวนมากที่ล้มลงด้วยความเจ็บปวด ดิ้นรนกระเสือกกระสน ขวนขวายหาอนาคต แต่มิอาจต่อลมหายใจของตัวเองออกไป

เหล่าผู้สูญเสียกลุ่มใหญ่ที่ตระเวนไปทั่วสุสานอันเงียบเชียบ แต่ละคนร้องไห้หนักจนหมดสติไปสองสามหน

ผืนแผ่นดินที่ปกคลุมไปด้วยเลือด

อากาศที่ปกคลุมไปด้วยควันดินปืน

กระสุนปืนใหญ่ที่โหดร้ายและไร้หัวใจ

ชายผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ฆาตกรตัวจริงที่ผลักดันให้เกิดสิ่งเหล่านี้ กำลังจะปีนป่ายบันไดแห่งซากศพขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ท่ามกลางแรงสนับสนุนจากคนรอบข้าง เตรียมสลัดคราบมนุษย์ออกไปโดยสมบูรณ์

เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามได้หรือ?

ยอมรับแผนการอันชั่วช้าของมันได้หรือ?

เรา… ยอมรับบทสรุปแบบนี้ได้จริงหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ