ทะเลคลั่ง บนเกาะแห่งหนึ่งซึ่งปราศจากผู้คน
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากทวีปใต้ แต่ก็ไม่มีใครทราบตำแหน่งในเชิงภูมิศาสตร์ เหตุผลที่ไคลน์เลือกเกาะแห่งนี้เป็นสถานที่เลื่อนลำดับ แง่หนึ่งเพราะต้องการหลีกเลี่ยงอามุนด์กับซาราธ และเพื่ออยู่ให้ห่างขอบเขตอำนาจของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย แต่ในอีกแง่หนึ่ง เนื่องจากทะเลคลั่งถูกปกคลุมด้วยพลังตกค้างจากเทพมรณา ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้อำนาจของเทพธิดารัตติกาล หากต้องการประกอบพิธีกรรมใหญ่ พลังของพระองค์จะช่วยปกปิดได้ไม่มากก็น้อย
เหนือสิ่งอื่นใด สถานที่แห่งนี้รกร้างว่างเปล่า ปราศจากสิ่งมีชีวิต ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุและคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์…ไคลน์มองไปรอบตัว ตัดสินใจเริ่มประกอบพิธีกรรม นำวัสดุที่เตรียมไว้ออกจากมิติเหนือสายหมอก
ทันทีหลังจากนั้น มันพลิกอ่านเอกสารทางประวัติศาสตร์ปึกหนา ดึงบางแผ่นที่ยังไม่มั่นใจและไม่สามารถทำนายยืนยันออกมา
พรึบ!
เพียงสะบัดข้อมือ เปลวไฟสีแดงลุกท่วมปึกกระดาษ
วัตถุเสริมที่จำเป็นสำหรับโอสถปราชญ์โบราณก็คือ บันทึกทางประวัติศาสตร์โบราณที่ถูกต้อง ไคลน์จึงไม่ต้องการเสี่ยงใช้ข้อมูลที่ตนมิอาจยืนยันข้อเท็จจริง ต่อให้เนื้อหาจะลดลงก็ตาม
หลังจากเลือกเสร็จ อันดับแรก มันเทเลือดของสุนัขแห่งฟัลกริมลงในหม้อ จากนั้นก็ใส่ผลึกขนน้ำแข็งที่ชั่งน้ำหนักแล้วลงไป
ทันทีที่วัตถุดิบเสริมทั้งสองชนิดสัมผัสกัน หมอกเจือจางลอยสูงขึ้นทันที ห่อหุ้มภาชนะด้วยความสูงเท่าคนและกว้างหนึ่งศอก
ไคลน์ชำเลืองเข้าไปในหม้อ อาศัยสัมผัสวิญญาณช่วยนำทาง มันตัดสินใจยังไม่ใส่วัตถุดิบเสริมชิ้นสุดท้ายลงไป แต่ให้หุ่นเชิดเอ็นยูนโยนหัวใจที่ผุกร่อนของหมาป่าอสูรแห่งสายหมอก – วัตถุที่ดูคล้ายกับเกิดจากการควบแน่นของหมอก – ลงไปในหม้อต้ม
ขณะแขนของเอ็นยูนถูกน้ำค้างแข็งเกาะ สายหมอกที่อัดแน่นอยู่ภายในเส้นเลือดหัวใจเริ่มเกิดการยุบพอง หัวใจเริ่มเต้นแผ่วเบาประหนึ่งได้รับชีวิตชีวากลับคืนมา
โดยปราศจากความลังเล ไคลน์บังคับหุ่นเชิดเอ็นยูน หยิบดวงตาหนึ่งคู่ของสุนัขแห่งฟัลกริมออกมาถือ จากนั้นก็ยัดเปลวไฟสีแดงสองดวงเข้าไปในกลุ่มหมอกหนาทึบ
สีของกลุ่มหมอกเข้มขึ้นในพริบตา ไคลน์มองไม่เห็นหม้อต้มขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางอีกต่อไป
มันไม่ตื่นตระหนก เพียงบังคับให้หุ่นเชิดอีกตัวหนึ่ง โยนเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเข้าไปในกลุ่มหมอกทีละแผ่น
กลุ่มหมอกหนาทึบบรรจงหดตัวกลับเข้าไปในหม้อ และหลังจาก ‘ย่อย’ เอกสารทางประวัติศาสตร์เสร็จ กลุ่มหมอกดังกล่าวควบแน่นเป็นก้อน ลอยลงไปอยู่ที่ก้นหม้อในลักษณะคล้ายไอน้ำ กลายเป็นสสารที่มีสถานะกึ่งกลางระหว่างของเหลวกับก๊าซ สีแดงเข้ม ขนาดเกือบเท่าศีรษะทารก
ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์ถอนลูกตุ้มวิญญาณที่ข้อมือซ้ายออก ทำนายยืนยันว่าโอสถปรุงสำเร็จหรือไม่
ผลการทำนายก็คือ วัตถุดังกล่าวอันตรายมาก แต่ก็พอจะทนไหว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โอสถถูกปรุงสำเร็จ
ต่อให้ปรุงตามสูตรอย่างเคร่งครัด แต่โอสถลำดับสาม นั้นไม่ต่างอะไรกับยาพิษ หากเรารอดไปได้ก็จะเลื่อนลำดับ แต่ถ้าไม่ หากไม่กลายเป็นบ้าก็คงคลุ้มคลั่ง หรือในกรณีเลวร้ายก็ตายคาที่…ไคลน์จ้องจี้บุษราคัมที่หมุนทวนเข็มนาฬิกาสักพัก ดึงโซ่เงินขึ้นและพันรอบข้อมือซ้ายกลับเข้าไป
มันจ้องโอสถที่ลอยอยู่ในหม้อ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว
นอกจากแก่นสำคัญอย่าง ‘สยองขวัญ’ ‘หวาดเสียว’ ‘กำกับการแสดง’ และ ‘ยากจะอธิบาย’ แล้ว จอมเวทพิสดารยังต้องมีคุณสมบัติเกี่ยวกับความลึกลับ นิรนาม ปกปิด ซับซ้อน และมีชะตากรรมที่ยากจะหยั่งถึง ต้องมีเพียบพร้อมทั้งสองด้านเท่านั้น จึงจะรวมกันเป็นจอมเวทพิสดารที่สมบูรณ์แบบ…ฝั่งหนึ่งคือรูปแบบของพฤติกรรม อีกฝั่งคือคุณสมบัติ…
และสำหรับเรา ต้นกำเนิดของเราลึกลับมากเสียจนแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่ทราบความจริง แถมยังมีประสบการณ์ชีวิตที่ซับซ้อน เคยขัดขวางการจุติของเทพมาร เคยทำให้ราชาเทวทูตหวาดกลัว นอกจากนั้น ชะตากรรมของเรายังยากที่จะหยั่งถึง กระทั่งอสรพิษปรอทก็ยังมองไม่เห็นอนาคตล่วงหน้า ทุกปัจจัยประกอบกันจนโอสถของเราถูกย่อยอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันได้สรุปกฎเกณฑ์…
ทั้งหมดคือภาพสะท้อนของคำว่า ‘พิสดาร’
อา…พิธีกรรมของปราชญ์โบราณคือ ต้องตัดขาดจากโลกแห่งความจริงโดยสมบูรณ์เป็นเวลาอย่างน้อยสามร้อยปี เมื่อตัวเรากลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์และไม่ได้อยู่ในยุคปัจจุบัน ถึงตอนนั้นคือช่วงเวลาที่ต้องดื่มโอสถ…อันที่จริง การถูกแขวนอยู่เหนือบานประตูแห่งแสงก็นับว่าเพียงพอต่อการบรรลุเงื่อนไข…แต่ปัญหาคือหลังจากนั้น เราคืนชีพกลับมายังโลกความจริงในฐานะไคลน์·โมเร็ตติ ผ่านเหตุการณ์มากมายตลอดสองปี จารึกชื่อไว้บนโลกความจริงไม่น้อย นั่นจะส่งผลต่อเงื่อนไขของพิธีกรรมหรือไม่?
ก็คงจะส่งผลกระทบบ้าง…แต่โชคดีที่ระยะเวลารวมยังไม่ถึงสองปี ตัวตนของเรายังถูกสลักลงบนยุคสมัยไม่มากนัก… และเหนือสิ่งอื่นใด จะให้เราแขวนตัวเองใหม่อีกสามร้อยปีแล้วค่อยดื่มโอสถคงทำไม่ได้ เพราะโลกกำลังจะถึงจุดจบในอีกสิบแปดปีข้างหน้า!
นอกจากนั้น ข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์โบราณของเราก็ยังมีมากกว่าจอมเวทพิสดารคนอื่น อาจใช้สิ่งนี้เป็นข้อหักล้างได้ในบางแง่มุม ส่งผลให้อันตรายที่ต้องเผชิญไม่ร้ายแรงนัก…
ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์สูดลมหายใจยาวพลางทำสมองให้โล่ง
ในสภาพแต่งกายด้วยหมวกผ้าไหมและเสื้อขนสัตว์กระดุมสองแถว ผิวหนังของชายหนุ่มพลันแปรเปลี่ยนเป็นโปร่งใส หนอนแมลงที่มีสัญลักษณ์สามมิติซ้อนทับทยอยผุดขึ้นทีละตัว
หนอนแมลงโปร่งใสเริ่มดีดดิ้น ราวกับพวกมันต้องการปืนลงไปในหมอกหนาบริเวณก้นหม้อ เหลือทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าและหมวกที่ไม่มีใครสวม
ไคลน์ควบคุมร่างกายตัวเองไว้ได้อย่างยากลำบาก เหยียดมือขวาออกไปอย่างใจเย็น หยิบโอสถที่ถูกห่อหุ้มในกลุ่มหมอก
คล้ายกับโอสถไม่มีน้ำหนัก มันลอยขึ้นมายังใบหน้าชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา
ไคลน์อ้าปากและสูดลมสุดปอด
ทันใดนั้น โอสถเกิดการแปรสภาพและยื่นเข้าไปในปากไคลน์ ดูคล้ายกับกำลังกลืนแสงสีเข้มลงคอ
หนอนแมลงสีใสคลานกลับเข้ามาอยู่ในร่างกาย กรูกันเข้าไปฉีกกระชากโอสถและกลืนกิน
เนื่องจากร่างสัตว์ในตำนานของมันค่อนข้างพิเศษ สามารถรวมกันเป็นหนึ่งหรือแบ่งตัวเป็นจำนวนมหาศาลก็ได้ ไคลน์จึงสามารถดื่มโอสถได้ด้วยวิธีสุดพิสดารเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ