ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1154

เส้นทางที่ควบแน่นด้วยแสงสนธยาดูราวกับไม่สามารถบรรทุกสิ่งใดได้ แต่หลังจากอามุนด์กับไคลน์ร่อนลง พวกมันมิได้ร่วงหล่นลงไป แต่สามารถเดินได้ราวกับอยู่บนพื้นดิน

ครั้งนี้อามุนด์มิได้ขโมยระยะทาง แต่เดินเข้าหาวังราชาคนยักษ์อันงดงามไปพร้อมกับไคลน์ เหลียวซ้ายแลขวาชื่นชมทัศนียภาพอันงดงาม

ย่างกรายไปทีละก้าวบนทะเลหมอก เหยียบย่ำลงบนสะพานแสงสนธยาโดยด้านหน้าเป็นฉากของพระราชวังในตำนาน ตามปรกติแล้วประสบการณ์เช่นนี้ควรเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นยินดี แต่ยิ่งขยับเข้าใกล้มากเท่าไร ไคลน์ก็ยิ่งดิ้นรนด้วยความสิ้นหวัง

หากไปถึงดินแดนเทพทอดทิ้งเมื่อไร หลายสิ่งที่มันพึ่งพาได้ก็จะกลายเป็นไร้ประโยชน์

เพียงไม่นานอามุนด์และไคลน์มาถึงภาพฉายวังราชาคนยักษ์และหยุดยืนอยู่หน้าอาคารหลังที่สุดที่สุด

อาคารหลังดังกล่าวมีด้านหนึ่งเป็นยอดหอคอยเหลี่ยม อีกด้านเป็นหอคอยทรงกลม ประตูทางเข้าสูงกว่าสิบเมตร สีโทนหลักคือเทาน้ำเงิน ปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์ ลวดลาย และเครื่องหมายสมมาตร เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากสถานที่พำนักของราชาคนยักษ์ สถานที่ซึ่งเทวทูตมืด ซาสเรียกำลังหลับใหล

ไคลน์ชำเลืองไปทางช่องว่างสีดำฝั่งซ้ายของประตู และมั่นใจว่าประตูบานนี้สามารถเปิดได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ เพราะไม่เช่นนั้นเหล่าสาวกของพระผู้สร้างแท้จริงคงผ่านไปยังดินแดนเทพทอดทิ้งไม่ได้ เนื่องจากในเวลาดังกล่าว กุญแจตัวจริงยังอยู่ในห้องเก็บสะสมของพลเรือโทธารน้ำแข็ง

“ถัดไปตราบใดที่เปิดประตูบานนี้ เราจะผ่านเข้าไปยังดินแดนเทพทอดทิ้งได้ทันที แต่นั่นก็จะทำให้ถูกจับตามองเช่นกัน” อามุนด์แสยะยิ้ม เดินสองสามก้าวในแนวเฉียงจนถึงหน้าประตู “เราจะไม่เปิดประตู แต่เดินตรงเข้าไปเลย”

ขณะกล่าวเทวทูตกาลเวลายกมือขึ้นพลางขยับกรอบแว่น

ณ มุมหนึ่งของบานประตูสีเทาน้ำเงิน ประตูมายาสีฟ้าอ่อนที่ดูไม่จริงปรากฏขึ้น

“ ‘เปิดประตู’ ของเส้นทางผู้ฝึกหัด…แม้จะเป็นพลังระดับต่ำ แต่ก็เหมาะแก่การใช้งานในบางสถานการณ์ ดังเช่นปัจจุบัน” อามุนด์วางมือลงพร้อมกับอธิบายด้วยสีหน้าพึงพอใจ

มันเดินไปข้างหน้าสองก้าว ผ่านประตูมายาเข้าไป

อา…ไม่มีพลังพิเศษใดไร้ประโยชน์ มีแต่ผู้วิเศษที่ไร้ฝีมือ…การเปิดประตูเข้าไปโดยตรงจะทำให้ถูกจับตามอง…โดยใคร? พระผู้สร้างแท้จริง? ถิ่นพำนักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ อาณาจักรทวยเทพของพระองค์ น่าจะอยู่ที่ใดสักแห่งในดินแดนเทพทอดทิ้ง…ถ้าเราสามารถดึงดูดความสนใจจากท่านให้มาปะทะกับอามุนด์ เราอาจสบโอกาสหลบหนี…ไคลน์ที่ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ เดินตามหลังอามุนด์อย่างใกล้ชิด ย่างกรายเข้าไปในประตูสีฟ้าอ่อนที่พร่ามัว

ทันทีที่ผ่านกรอบประตู ชายหนุ่มรู้สึกราวกับท้องฟ้าหมุนเคว้ง แม้กระทั่งพลังวิญญาณก็คล้ายกับถูกฉีกออกจากกัน

เมื่อความผิดปรกติเลือนหายและสถานการณ์กลับเป็นปรกติ ไคลน์พบว่าตัวเองกำลังอยู่บนชายหายที่ฉาบด้วยแสงสนธยา

กรวดและหินที่นี่ล้วนเป็นสีดำ คลื่นทะเลสีครามซัดสาดจากระยะไกลใส่ชายฝั่ง แต่ปราศจากเสียงน้ำกระเซ็นอย่างที่ควร

ทุกสิ่งเงียบงันประหนึ่งภาพลวงตาขนาดใหญ่

ทะเลที่นี่เป็นเพียงภาพลวงตา…เป็นจุดเริ่มต้นของทุกคนที่เข้ามา? แต่อาจไม่เหมือนกันในตอนที่ออกไป…อาศัยหลักการความเท่าเทียม หากต้องการจะออกจากดินแดนเทพทอดทิ้ง คนในต้องผ่านประตูวังพำนักของราชาคนยักษ์ สถานที่หลับใหลของเทวทูตมืด ซาสเรีย เท่านั้น? ไคลน์เหลียวซ้ายแลขวาหน้านิ่งก่อนจะมองไปยังทิศทางหนึ่ง ที่นั่นมีภูเขาซึ่งฉาบไปด้วยแสงสนธยาที่ถูกแช่แข็ง บนยอดเขาเต็มไปด้วยอาคารน้อยใหญ่มากมาย และกำแพงเด่นตระหง่านเรียงราย

วังราชาคนยักษ์ในตำนาน

ต่อให้ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ค้นพบเส้นทางมายังทะเล แต่นั่นก็คงไม่มีประโยชน์…ไคลน์สังเกตเห็นจากหางตาว่าอามุนด์เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์

มันแต่งกายในชุดคลุมสีดำทรงโบราณและหมวกจอมเวททรงแหลมสีเดียวกัน เปลี่ยนจากสุภาพบุรุษยุคปัจจุบันกลายเป็นจอมเวทโบราณจากยุคสมัยที่สี่หรือสาม

ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก จ้องไปทางวังราชาคนยักษ์ที่อยู่ไม่ไกลและกล่าวอย่างเป็นกันเอง

“เทวทูตมืด ซาสเรีย กำลังหลับใหลอยู่ในวังราชาคนยักษ์”

อามุนด์ที่ยืนด้านข้าง มองไปในทิศเดียวกัน กล่าวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“ข้าทราบ…ข้าเคยเข้าไปสำรวจวังราชาคนยักษ์และเยี่ยมสุสานของพ่อแม่เออเมียร์มาแล้ว”

อย่างที่คิด…ในที่สุดข้อสันนิษฐานของไคลน์ก็ถูกยืนยัน

มันไตร่ตรองสักพักก่อนจะถาม

“เพื่อหาคำตอบของเรื่องใด?”

“ลองเดาดูสิ” อามุนด์ยังคงมองไปทางวังราชาคนยักษ์พลางยิ้ม

ถ้าฉันมีเบาะแสในใจ คงไม่ต้องถามนายก็ได้กระมัง…ไคลน์ครุ่นคิดสองสามวินาทีก่อนจะตอบ

“ความลับของยุคสมัยที่หนึ่ง?”

“จะคิดแบบนั้นก็ได้” อามุนด์ตอบโดยไม่มองหน้า

“…” ไคลน์ลังเลสักพักก่อนจะถาม

“ไม่อยากทราบสถานะของเทวทูตมืด ซาสเรีย บ้างหรือ?”

“อยากสิ” อามุนด์แสยะยิ้มโดยไม่ถอนสายตา “แต่เทียบกับข้าแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่อยากรู้มากกว่า เช่นพี่ชายที่หวาดระแวง แฮงแมน มังกรแห่งการทรยศ รวมถึงรัตติกาล วายุ และสีขาว…ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครจะอดใจไม่ไหวเป็นคนแรก…หึหึ…หากข้าสามารถช่วงชิงทุกสิ่งได้ในช่วงเวลาสำคัญ สีหน้าของพวกเขาต้องน่าสนใจมากแน่”

ความคิดแบบนี้…การเล่นใหญ่ทั้งหมดทำไปเพื่อสร้างความวุ่นวายอันเป็นต้นตอของความตื่นเต้น? ไคลน์ขมวดคิ้วแผ่วเบา พบว่าการมองโลกและประเมินคุณค่าของอามุนด์แตกต่างจากมนุษย์ปรกติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ