ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1164

แม้ว่าไคลน์จะเป็นผู้วิเศษยังไม่ถึงสองปี แต่ประสบการณ์กลับโชกโชนและชีวิตเต็มไปด้วยสีสัน ชนิดที่แม้แต่นักบุญลำดับสามและสี่ คนอื่นก็ยากจะหาใครทัดเทียม แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งของที่เคยผ่านมือหรือใช้งานซึ่งสามารถดึงออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ กลับมีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ฆ่าตัวตายในพริบตา

ในครั้งนี้ชายหนุ่มเลือกยันต์เพลิงสุริยันที่เคยใช้งานในเมืองทิงเก็น เพราะมันง่ายต่อการท่องคาถาและถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป!

อันที่จริงสำหรับครึ่งเทพเส้นทางนักทำนายที่พิสดารและไม่แน่นอน ยันต์ชนิดนี้ไม่ใช่อาวุธที่ยากจะรับมือ คุณสมบัติหลักของมันมีเพียงพลังทำลายที่หนักหน่วง แต่ในครั้งนี้ ไคลน์ไม่คิดหลบแม้แต่น้อย ไม่มีการป้องกันตัว ปล่อยร่างกายและจิตใจไปตามธรรมชาติ อ้าแขนรับแสง ‘แห่งความหวัง’ ที่จะมาเติมเต็มความปรารถนา

ถึงจะเป็นลำดับสาม อย่างปราชญ์โบราณ แต่พลังป้องกันของเส้นทางนักทำนายนั้นต่ำเป็นทุนเดิม และพลังพิเศษก็มิได้มีอำนาจทำลายล้างหนักหน่วงเหมือนกับลำดับเดียวกันบนเส้นทางอื่น สิ่งนี้นำไปสู่ข้อเท็จจริงอันน่าเศร้า

ในตอนที่ไคลน์ต้องการฆ่าตัวตาย มันไม่มีวิธีลงมือในพริบตา และไม่สามารถควบคุมด้ายวิญญาณของตัวเองเพื่อเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดได้ นั่นเป็นสิ่งที่ขัดกับหลักตรรกะ กล่าวคือยิ่งเป็นนักเชิดหุ่นที่เก่งกาจมากเพียงใด ก็ยิ่งหมดโอกาสทำให้ตัวเองเป็นหุ่นเชิดมากเท่านั้น

และเมื่อไคลน์พยายามมองหาวิธีฆ่าตัวตายจากอิทธิพลภายนอก มันได้ตระหนักว่า ตราบใดที่ตนไม่ได้ใช้พลัง ‘สลับตำแหน่งหุ่นเชิด’ ‘กระดาษคนตัวแทน’ และ ‘ซ่อนตัวในช่องว่างประวัติศาสตร์’ มีวิธีมากมายเหลือเกินที่จะปลิดชีพปราชญ์โบราณอย่างง่ายดาย

จริงอยู่ที่เส้นทางนักทำนายทั้งทรงพลังและเก่งกาจ แต่ก็ค่อนข้างสุดโต่ง

เมื่อเห็นว่าไคลน์กำลังจะนำยันต์เพลิงสุริยันออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ด้วยเจตนาฆ่าตัวตาย อามุนด์แสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ขโมยความคิดทั้งหมดของไคลน์มาไว้ในแว่นตาโดยไม่ต้องขยับตัว

ไคลน์ลืมไปทันทีว่าตนคิดจะทำอะไร

แต่ความเคลื่อนไหวของมันกลับยังไม่หยุดลง!

ในตอนที่ได้ยินว่าเหลือเวลาอีกครึ่งวัน ท่าทีตกตะลึงของไคลน์เป็นเพียงการเสแสร้ง เพราะมันคอยหวาดระแวงเทพแห่งการหลอกลวงในทุกลมหายใจ ไคลน์มิได้เชื่อทุกสิ่งที่อามุนด์เล่า

คำว่า ‘อีกไม่ถึงสามวัน’ สามารถตีความได้กว้างมาก ไคลน์จึงตีความในกรณีเลวร้ายที่สุด หลังจากได้ยินคำพูดอามุนด์ สมองของชายหนุ่มเร่งประมวลผลและออกคำสั่งอย่างเป็นขั้นตอนทันที หลังจากคิดจะอัญเชิญยันต์เทพสุริยันเพื่อฆ่าตัวตาย ให้อัญเชิญตัวตนลึกลับตนหนึ่ง และอัญเชิญตัวตนลึกลับอีกตนหนึ่ง และอัญเชิญตัวตนลึกลับอีกตนหนึ่งเป็นต้น เพื่อสร้างลูกโซ่ทางความคิดจนแม้จะถูกอามุนด์ขโมยไปบางส่วน แต่ร่างกายก็ยังคงดำเนินตามแผนเดิมและขยับไปตามสัญชาตญาณ

สำหรับประเด็นนี้ ไคลน์เคยทำมาก่อนแล้ว นั่นคือเมื่อครั้งที่ต้องคิดแผนรับมือกับ ศูนย์-ศูนย์แปด บนมิติหมอก ชายหนุ่มทำตัวราวกับร่างต้นเป็นเพียงหุ่นเชิด เคลื่อนไหวไปตามชุดคำสั่งที่ป้อนข้อมูลไว้ล่วงหน้า และนั่นช่วยให้สิ่งที่กำลังทำในปัจจุบันเป็นเรื่องง่าย

ในวินาทีนี้แม้ไคลน์จะไม่ทราบเจตนาของตัวเอง และไม่เอะใจด้วยซ้ำว่าตนถูกขโมยความคิด เพียงแค่ขยับร่างกายไปตามชุดคำสั่งที่วางไว้

อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันและอนาคตคือกุญแจ!

ไคลน์เหยียดแขนอีกครั้ง พยายามจับคว้าอากาศด้านหน้า ทันใดนั้นท่อนแขนของมันทรุดลง

แต่เมื่อดึงมือขวากลับ ไม่มีสิ่งใดติดมือกลับมา

ขณะเดียวกันอามุนด์ยกมือขึ้นและจับอากาศด้านหน้าตัวเอง

มันขโมยภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่ไคลน์เพิ่งอัญเชิญ!

ร่างหนึ่งถูกวาดขึ้นด้านข้างอามุนด์ เป็นชายชราที่แต่งกายในชุดคลุมสีดำ ดวงตามืดสนิท หนวดเคราสีขาวรอบริมฝีปากทั้งยาวและดกหนา

ซาราธ!

ผู้นำลัทธิเร้นลับ เทวทูตลำดับหนึ่ง ซาราธ!

ตัวตนที่ไคลน์พยายามอัญเชิญคือซาราธ และประสบความสำเร็จในครั้งเดียว!

สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะไคลน์เตรียมการไว้ล่วงหน้า

ย้อนกลับไปในเมืองที่ก่อตั้งโดยสาวกฟีนิกซ์ ขณะไคลน์แบ่งหุ่นเชิดออกเป็นสามกลุ่มและพยายามอัญเชิญภาพฉาย หนึ่งในนั้นคือการพยายามอัญเชิญซาราธ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความพยายามครั้งนั้นล้มเหลว แต่ในฐานะปราชญ์โบราณด้วยกัน หากมีใครบางคนพยายามอัญเชิญภาพฉายตัวเองออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ ไม่มีทางที่บุคคลดังกล่าวจะไม่ตระหนักถึง แม้จะเป็นความล้มเหลวก็ตาม และซาราธคือปราชญ์โบราณที่ยอดเยี่ยม มากไปด้วยประสบการณ์

หลังจากการอัญเชิญรอบแรกล้มเหลว ไคลน์สร้างการเชื่อมต่อกับซาราธขึ้น

นี่คือสายสัมพันธ์โดยนัยระหว่างปราชญ์โบราณด้วยกัน!

และในฐานะผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ บริวารเร้นลับ มันสามารถ ‘ตอบสนอง’ ต่อการอัญเชิญภาพฉายในอดีตของตัวเองได้ เฉกเช่นที่ปราชญ์โบราณสามารถอัญเชิญตัวเองในอดีตด้วยอัตราความสำเร็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

นอกจากนั้นสำหรับภาพฉายที่อัญเชิญออกมา นอกจากการปรากฏตัวในร่างไร้สติปัญญา ยังสามารถปรากฏตัวแบบมีสติหากอีกฝ่ายยินยอมและมีอำนาจที่จะทำแบบนั้นและบนโลกใบนี้ ตัวตนลึกลับที่ไม่ต้องการให้อามุนด์ครอบครองปราสาทต้นกำเนิดมากที่สุดประกอบด้วยมิสเตอร์ประตู พาลีส และซาราธ!

กล่าวอีกนัยหนึ่งไคลน์และซาราธยอมจับมือกันเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อยับยั้งอามุนด์

อาศัยปัจจัยข้างต้นไคลน์เชื่อว่าตนสามารถอัญเชิญซาราธสำเร็จได้ในครั้งเดียว และสิ่งที่เกิดขึ้นก็พิสูจน์แล้วว่าจริง

ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงไม่กังวลว่าอามุนด์จะขโมยภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่ตนอัญเชิญ และถึงขั้นหวังให้เทวทูตกาลเวลาลงมือทำ

สำหรับเหตุผลที่ต้องคิดฆ่าตัวตายก่อนจะอัญเชิญซาราธ ไคลน์มีเจตนาล่อให้อามุนด์ขโมยความคิดของตนก่อน และอามุนด์ย่อมไม่พลาดที่จะลงมือ เพราะมันคือราชาเทวทูตที่ไล่ล่าความตื่นเต้น เมื่ออามุนด์เผชิญกับชุดคำสั่งทางความคิดของไคลน์ มันมีแนวโน้มที่จะไม่ลงมือซ้ำกับของเดิม แต่เปลี่ยนไปขโมย ‘ภาพฉาย’ แทน ‘ความคิด’ ของไคลน์

นี่คือหนึ่งในไพ่ตายไม่กี่ใบที่ไคลน์ยังเหลือ

วินาทีถัดมาดวงตาซาราธเปลี่ยนจากหมองคล้ำและเหม่อลอยเป็นคมชัด มอบความรู้สึกราวกับเป็นตัวจริง

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า บริวารเร้นลับซึ่งเคยเป็นปราชญ์โบราณรายนี้ เข้าไปในช่องว่างประวัติศาสตร์ของช่วงเวลาดังกล่าว และเปลี่ยนให้ภาพฉายของตัวเองมีจิตสำนึกเหมือนตัวจริง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ