ขณะอามุนด์เปิดปากพูด วังวนกระแสน้ำขนาดใหญ่โผล่ขึ้นด้านหลัง หนวดรยางค์ล่องหนที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายลึกลับพยายามโอบกอดด้ายวิญญาณแต่ละเส้นของอามุนด์
เพียงพริบตา กลุ่มก้อนด้ายมายาสีดำลอยขึ้นโดยไม่มีการขัดขืน
ส่งผลให้สัตว์ประหลาดพิสดารจำนวนหนึ่งลอยขึ้นไปแขวนในอากาศเหมือนแฮมตากแห้ง
ด้ายวิญญาณที่อยู่รอบอามุนด์เกือบทั้งหมด คือสิ่งที่มันขโมยมาได้สักพักแล้ว!
ขณะซาราธลงมือโจมตี หนวดรยางค์ที่ลื่นเหนียวได้เหยียดเข้าไปในอากาศว่างเปล่า พยายามดึงบางสิ่งออกมา
ผ่านไปสองสามหน ร่างหนึ่งถูกวาดอย่างรวดเร็ว
ผมยาวสีเกาลัดหยักศกตอนปลาย ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง หนวดชายชาตรีที่ถูกตัดแต่งอย่างงดงามสองข้าง แต่งกายด้วยเสื้อนอกสีแดงเข้มปักด้ายสีทอง ไม่ใช่ใครนอกจากอดีตจักรพรรดิแห่งอินทิส โรซายล์กุสตาฟ
ทันทีที่จักรพรรดิแห่งความรู้ย่างกรายเข้าสู่โลกความจริง มันจ้องลงไปทางอามุนด์ร่างยักษ์ ทันใดนั้น ดวงตาโรซายล์พลันควบแน่นไปด้วยอักขระมายาที่ดูซับซ้อน
มันมิได้กังวลว่าจะถูกอามุนด์ขโมยการโจมตี เพราะสิ่งที่โรซายล์เตรียมไว้คือเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนมหาศาลที่ทั้งมีและไม่มีประโยชน์ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการฉีดเข้าไปโดยตรงหรือถูกอามุนด์ขโมยไป พวกมันก็จะยังทำหน้าที่ระเบิดสมองอีกฝ่ายตามเดิม
ขณะภาพฉายของโรซายล์คมชัด อีกร่างหนึ่งโผล่ขึ้นข้างซาราธในร่างหนอนโปร่งใส
ใบหน้าอ่อนเยาว์ ผมยาวสลวยที่กว่าครึ่งเป็นสีขาว กำลังสะบัดพลิ้วท่ามกลางความมืดมิดในอากาศ ครึ่งหนึ่งถูกบดบัง แต่อีกครึ่งหนึ่งยังเห็นได้ชัดเจน
นี่คือเทวทูตนิรนามที่ไคลน์ไม่รู้จัก ดูคล้ายเพศชาย ดวงตามืดมนและเต็มไปด้วยประสบการณ์ ใบหน้าค่อนข้างดูดี แต่มีขนสั้นดกหนาสีดำอยู่สองข้างแก้ม มอบความรู้สึกขัดแย้งอย่างรุนแรง ดูเยาว์วัยแต่แก่ชรา บ้าคลั่งแต่มีเหตุมีผล
มันแปลงร่างเป็นกลุ่มหนอนดีดดิ้นทันที พลางเหยียดหนวดโปร่งใสและมันลื่นคล้ายกับซาราธออกมา
เห็นได้ชัดว่าเป็นอีกหนึ่งเทวทูตจากเส้นทางนักทำนาย
ปัจจุบันไคลน์ไม่กล้าแม้แต่จะแหงนมองสถานการณ์ด้านบนท้องฟ้า แต่เนื่องจากสัมผัสวิญญาณถูกกระตุ้น มันเริ่มเกิดความคุ้นเคยบางอย่าง
เทวทูตตนที่สองซึ่งซาราธอัญเชิญออกมา ไม่ใช่ใครนอกจากต้นตระกูลอันทีโกนัส บุตรแห่งเทพบรรพกาล!
ภาพฉายทางประวัติศาสตร์นี้คือสมัยที่มันยังไม่กลายเป็น ‘ฮาล์ฟฟูล’
เห็นได้ชัดว่าซาราธเตรียมการมาเป็นอย่างดี
ทันทีที่อันทีโกนัสเผยร่างสัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์ บรรยากาศโดยรอบแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง ความมืดทวีความเข้มข้น ราวกับมันมีชีวิตชีวาและพรั่งพรูไปทางอามุนด์ร่างยักษ์ที่แต่งกายในชุดคลุมสีดำทรงโบราณ หมวกปลายแหลม และสวมแว่นตาขาเดียว
ท่ามกลางความมืดมิด สัตว์ประหลาดทั้งหมดกลายเป็นหุ่นเชิดทันที
คล้ายกับอันทีโกนัสย้ายส่วนหนึ่งของอาณาจักรทวยเทพในความทรงจำมายังโลกแห่งความจริง ส่งผลให้ไคลน์กับอามุนด์แยกออกจากกัน
นี่ก็เป็นปาฏิหาริย์เช่นกัน
หลังจากปาฏิหาริย์ถือกำเนิด หนวดโปร่งใสของซาราธทำการดึงบางสิ่งออกมาจากช่องว่างประวัติศาสตร์เป็นครั้งที่สาม
คราวนี้เป็นอัศวินในชุดเกราะสีดำเต็มอัตราศึก ครึ่งเทพแห่งอาณาจักรโซโลมอนจากยุคสมัยที่สี่ มันมิได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์มากนัก
อย่างไรก็ตาม มันยังมีอีกหนึ่งตัวตน นั่นคือสมาชิกของกองทัพ ‘สีชาดแห่งสงคราม’ และผู้นำของกองทัพนี้คือราชาเทวทูตเมดีซี
ภายในกองทัพ สมาชิกทุกคนจะเชื่อมต่อกับจิตใจเมดีซีโดยตรง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมดีซีสามารถรวบรวมพลังและส่งต่อให้กับมัน และสมาชิกก็สามารถส่งพลังไปรวมไว้ยังจุดใดจุดหนึ่ง
พลังของปราชญ์โบราณไม่สามารถอัญเชิญสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเอกลักษณ์ออกมาได้ ต่อให้มีลำดับเพิ่มขึ้นจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพก็ตาม นี่คือกฎเหล็กที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยน อย่างไรก็ตามบรรดานักทำนายมักสรรหาวิธีแหกกฎและเอาชนะข้อจำกัดได้เสมอ จนกระทั่งค้นพบวิธีได้รับความช่วยเหลือบางส่วนจากเอกลักษณ์ของเส้นทาง
ไคลน์เคยแหกกฎโดยการอัญเชิญภาชนะของเทพธิดา ส่วนซาราธก็ทำโดยการอัญเชิญยอดขุนพลของกองทัพสีชาดแห่งสงคราม
ในวินาทีนี้ภาพฉายดังกล่าวมีค่าเท่ากับส่วนหนึ่งของเมดีซี!
อัศวินในชุดเกราะสีดำย่างกรายเข้าสู่สนามรบ ชำเลืองไปรอบตัวอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
“ว่าไง…อีกาน้อย เส้นผมที่ไหม้เกรียมงอกขึ้นมาใหม่แล้วหรือ”
เนื่องจากภาพฉายทางประวัติศาสตร์ของไคลน์ทำการอัญเชิญตัวตนระดับเทวทูตออกมาเพิ่มอีกสามภาพ พลังวิญญาณที่ใช้ในการคงสภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างมิอาจเลี่ยง ไคลน์เชื่อว่าตนไม่น่าจะคงภาพไว้ได้นานเกินสิบวินาที
หากไม่ใช่เพราะมีข้อจำกัดด้านพลังวิญญาณ ไคลน์เชื่อว่าตนสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยการอัญเชิญเทวทูตสองตนออกมาพร้อมกับภาพฉายของตัวเองในอดีต จากนั้นก็ใช้ตัวเองในอดีตอัญเชิญตัวเองในอดีตออกมาเพิ่มพร้อมกับเทวทูตอีกสอง เมื่อทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ก็จะได้กองทัพภาพฉายที่ใกล้เคียงกับอนันต์
ทันใดนั้นอาเรียนน่า ผู้นำนักบวชแห่งโบสถ์รัตติกาล เลือนหายไปกับความมืดและเข้าสู่ภาวะถูกปกปิด จากนั้นก็โผล่ขึ้นอีกครั้งด้านหลังอามุนด์ยักษ์และฟันดาบกระดูกที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายพิสดาร
ไคลน์อาศัยจังหวะที่อามุนด์ถูกล้อมโจมตีด้วยฝีมือภาพฉายเทวทูตทั้งห้า แอบเปลี่ยนสัตว์ประหลาดให้กลายเป็นหุ่นเชิดของตนและบังคับให้เล็งโจมตีมายังร่างหลัก ตามด้วยการเปิดปากและส่งเสียง ‘ปัง’
ห่าฝนกระสุนปืนใหญ่ส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้ามาหาไคลน์อย่างเกรี้ยวกราด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ