เส้นสายฟ้าสว่างวาบอีกครั้งท่ามกลางทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยหมอกสีเทาอมเหลือง แสงฉาบลงในจุดที่การต่อสู้ระหว่างเทวทูตเพิ่งจบลงไป และฉาบลงบนรอยยิ้มที่สงบนิ่งของไคลน์
อามุนด์จ้องหน้านานหลายวินาที จากนั้นก็ขยับแว่นและพูดพลางยิ้ม
“พูดอย่างอื่นไม่เป็นแล้วหรือ? อา…ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้พบกับความหวังใหม่”
รอยยิ้มไคลน์ไม่แปรเปลี่ยน มันกำหมัดข้างหนึ่งมาวางไว้ที่ปลายจมูก ส่วนอีกข้างยัดใส่กระเป๋าเสื้อด้านใน
“ผมเพิ่งตระหนักถึงเรื่องที่สำคัญ…การเล่นเกมกับร่างต้นของคุณไม่ได้มอบความสิ้นหวังให้ผม ตรงกันข้าม มันแสดงให้เห็นว่าคุณไม่สามารถขโมยชะตากรรมของผมได้โดยตรง”
“โฮ่?” อามุนด์โพล่งด้วยรอยยิ้ม ท่าทีคล้ายกับคาดหวังในสิ่งที่ไคลน์จะพูดต่อ
ไคลน์หัวเราะและตอบโดยไม่ลังเล
“ไม่อย่างนั้น ทันทีที่เข้าสู่ดินแดนเทพทอดทิ้ง คุณคงขโมยชะตากรรมของผมและกลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของปราสาทต้นกำเนิดไปแล้ว ต่อให้ต้องการจะเล่นเกมหนีและไล่จับเพื่อความบันเทิง ก็คงทำหลังจากบรรลุเป้าหมายหลัก ด้วยวิธีนี้คุณไม่จำเป็นต้องแบกรับความเสี่ยง และตัวผมที่เสียสิทธิ์ในการคืนชีพ สูญเสียชะตากรรมเดิม ย่อมต้องดิ้นรนมากขึ้นเพื่อเอาชีวิตให้รอด…จริงอยู่ เทพแห่งการกลั่นแกล้งอาจแสวงหาความตื่นเต้นโดยยอมแบกรับความเสี่ยง แต่ขณะเดียวกัน คุณก็เป็นเทพแห่งการหลอกลวง”
กล่าวถึงตรงนี้ไคลน์ชำเลืองสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยนของอามุนด์ก่อนจะพูดต่อ
“ผมทราบดีว่าคุณมีพลังในการขโมยชะตากรรมของผู้คน แต่การที่สามารถทำได้ ไม่ได้แปลว่าต้องทำโดยไม่ยั้งคิด สิ่งนี้มีความเสี่ยง คุณต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียและวิเคราะห์กำไรขาดทุน…ผมคิดว่าคุณยังไม่อยากขโมยชะตากรรมไปโดยตรง เพราะนั่นจะทำให้คุณต้องแบกรับอันตรายที่มาพร้อมกับปราสาทต้นกำเนิด…คุณไม่อยากเผชิญความเสี่ยงที่เจ้าของเดิมของปราสาทอาจคืนชีพภายในร่าง เรื่องนี้อันตรายมากจนแม้แต่ราชาเทวทูตก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่าม หากไม่ระวังตัวให้มากพอ แม้แต่คุณก็มีโอกาสร่วงหล่น…ดังนั้น คุณจึงพยายามมองหาช่องโหว่ มองหาวิธีครอบครองปราสาทต้นกำเนิดโดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง และนั่นคือการให้ผมเป็นผู้ ‘มอบสิทธิ์’ ”
กล่าวถึงตรงนี้ไคลน์กำลังนึกถึงประสบการณ์การเผชิญหน้ากับไวรัสคอมพิวเตอร์จากโลกเก่า ไวรัสเหล่านั้นมักจะแสร้งทำตัวเป็นไฟล์ปรกติ และพยายามหลอกให้เจ้าของเครื่อง ‘มอบสิทธิ์’
เงื่อนไขเช่นนี้คล้ายคลึงกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ได้ยินคำพูดไคลน์ อามุนด์จ้องมองโดยไม่กล่าวคำใด เพียงขยับกรอบแว่นตาอย่างใจเย็น
ไคลน์ยิ้มและกล่าวต่อ
“ในตอนแรกที่ยึดร่าง คุณพยายามล่อลวงผมครั้งใหญ่ ในแง่หนึ่งคุณมอบโอกาสในการเป็นข้ารับใช้โดยบอกว่าร่างหลักของตัวเองสามารถขโมยชะตากรรมได้ง่ายดายเพราะแข็งแกร่งมากพอที่แบกรับความเสี่ยง และนั่นคือสิ่งที่คอยบั่นทอนจิตใจของผมมาตลอด…ระหว่างการเดินทางหลังจากนั้น คุณปล่อยให้ผมมีความหวังและทำลายมันเป็นครั้งคราว ขณะเดียวกันก็มอบโอกาสให้ได้พักหายใจ แต่จู่ ๆ ก็ย่นระยะเวลาการเดินทางให้สั้นลงกะทันหันเพื่อทำลายแผนการที่ผมวางไว้ และในท้ายที่สุด คุณเผยไต๋ว่าตัวเองคือร่างต้นเพื่อให้ผมจมอยู่กับความสิ้นหวัง พยายามทำลายพลังใจและบั่นทอนเกราะป้องกันทางจิตวิทยา พยายามทำให้จิตใจผมแตกสลายโดยสมบูรณ์ จะได้ตอบตกลงเป็นข้ารับใช้และฉวยโอกาสดังกล่าวแอบทำให้ผมยอม ‘มอบสิทธิ์’ ”
หลังจากยืนฟังอย่างเงียบงันสักพัก อามุนด์หัวเราะพร้อมกับปรบมือแผ่วเบา
“อนุมานได้สมบูรณ์แบบ…แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะมองข้ามปัญหาไปหนึ่งเรื่อง…ข้าเคยพูดว่าจะพาไปพบร่างหลักในสถานที่ปลอดภัย เมื่อถึงตอนนั้น การขโมยชะตากรรมของเจ้าจะเกิดความเสี่ยงน้อยลง…ตอนนี้เรายังไม่ถึงจุดหมาย แน่นอนว่าข้าจะไม่เสี่ยง”
สีหน้าไคลน์หม่นมองเล็กน้อยก่อนจะกลับมาผ่อนคลาย
“หวังว่าที่นั่นจะต่างออกไปนะ”
มันตอบสนองคำพูดอามุนด์ด้วยท่าทีของอามุนด์
ราชาเทวทูตตัวจริงขยับกรอบแว่น ยิ้มและชี้ไปทางด้านข้าง
“พวกเราจะไปถึงที่นั่นในอีกไม่เกินครึ่งวัน”
“ช่วยระบุให้แน่ชัดกว่านี้ได้ไหม” ไคลน์ซึ่งไม่เชื่อใจอามุนด์ไปโดยปริยาย ถามเน้นย้ำรายละเอียด
อามุนด์เกาคางพลางยิ้ม
“ครึ่งชั่วโมง”
ไคลน์หันหน้าไปยังทิศทางที่อามุนด์เพิ่งชี้ และพบว่าที่นั่นมีเพียงความมืดมิด
สายฟ้าแลบช่วยมอบแสงสว่างแก่ทุ่งกว้างอันรกร้าง แต่ยิ่งลึกเข้าไป สิ่งที่เห็นกลับมีเพียงหมอกสีเทาอมเหลืองที่เข้มข้นกว่าเดิม
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี ภายในคฤหาสน์สุดหรูของเอิร์ลฮอลล์
หลังจากสองวันแห่งความยุ่งเหยิงผ่านไป ในที่สุดออเดรย์ก็ได้รับชีวิตประจำวันกลับคืนมา และนั่นยิ่งทำให้เธอทวีความฉงนเกี่ยวกับความจริงเบื้องหลังเหตุลอบสังหารกษัตริย์
พิจารณาว่ามิสเตอร์ฟูลน่าจะยกเลิกการชุมนุมในวันนี้ ออเดรย์ตัดสินใจสวดวิงวอนถึงตัวตนลึกลับผู้ยิ่งใหญ่ล่วงหน้า หวังติดต่อกับเดอะเวิร์ล เกอร์มันสแปร์โรว์เพื่อสอบถามสถานการณ์ปัจจุบัน
เมื่อหญิงสาวชำเลืองไปทางซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่เดินออกจากห้องทันที ปิดประตูด้วยขาและนั่งเฝ้าด้านนอก
ออเดรย์นั่งลง สวดวิงวอนเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณด้วยความเคยชิน
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตตะวันออก ภายในบ้านเช่าสองห้องนอน
“คิดว่าวันนี้จะมีการชุมนุมไหม? ตอนนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการออกมา…” ฟอร์สหยิบนาฬิกาพกสุภาพสตรีออกมาเปิดฝา
ซิลส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้”
ฟอร์สนั่งไม่ติด เธอลุกขึ้นและเดินวนเวียนไปมาด้วยความกระสับกระส่าย
“มิสเตอร์เวิร์ลไม่ตอบสนอง…มิสเตอร์ฟูลก็ไม่…”
ขณะกล่าวฟอร์สพลันหันไปมองเพื่อนสนิทที่กำลังกินแฮม จากนั้นก็โพล่ง
“ซิล เธอลองสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อถามเกี่ยวกับชุมนุมในวันนี้ได้ไหม?”
ซิลขมวดคิ้วเล็กน้อย วางส้อมลงและพยักหน้ารับ
“ตกลง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ