ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1167

“เชอร์โนบิล!”

ได้ยินคำพูดอามุนด์ ท่าทีตอบสนองแรกของไคลน์คือตกตะลึง

ในตอนที่เข้าใกล้คนยักษ์สีน้ำเงินเข้ม ชายหนุ่มคาดหวังไว้หลายสิ่ง แต่ไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้

เป็นความรู้สึกคล้ายกับได้เห็นปืนกลในภาพวาดสีน้ำมันโบราณ หรือบทนิยายบนเอกสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ความตกตะลึงและยากจะทำใจยอมรับกำลังถาโถมหนักหน่วง

วินาทีถัดมาไคลน์นึกถึงประเด็นอันน่าขบขัน เป็นเรื่องที่เทพสุริยันบรรพกาลใช้กระดูกซี่โครงของตนสร้างเทวทูตมืด ซาสเรีย และยังตั้งชื่อลูกชายคนโตว่าอาดัม ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกัน และนึกอยากหัวเราะออกมา

เมื่อตระหนักว่าอามุนด์ซึ่งแข็งแกร่งเหนือจินตนาการชนิดที่ควรถูกนิยามว่า ‘บั๊ก’ ของโลก อามุนด์ที่มักแสยะยิ้มแฝงเลศนัยบนใบหน้า กำลังเปล่งชื่อ ‘เชอร์โนบิล’ ออกมาด้วยท่าทีขึงขังและเคร่งขรึม ไคลน์ยิ่งนึกอยากหัวเราะเสียงดัง และไม่คิดจะเก็บซ่อนพฤติกรรมดังกล่าว

ถ้าหมอนั่นอับอายและโกรธจนพลั้งมือฆ่าเรา นั่นคงจะดีไม่น้อย…การที่อามุนด์มีนิสัยเช่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าการอบรมสั่งสอนของเทพสุริยันบรรพกาลเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง! ไคลน์ยิ้มอย่างไม่ปิดบัง เตรียมระเบิดเสียงหัวเราะโดยไม่ยำเกรง

ทันใดนั้นสายฟ้าสีเงินสว่างพาดยาวไปบนท้องฟ้า ช่วยมอบความสว่างไปทั่วหุบเหวลึก ไคลน์จึงมองเห็นอาคารสีเทาอ่อนด้านล่างอีกครั้ง

สถาปัตยกรรมของอาคารแตกต่างจากยุคสมัยที่สี่ สาม และสองโดยสิ้นเชิง

ตึกตัก!

หัวใจไคลน์หดตัวและพองออกอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มที่เตรียมเบ่งบานพลันแข็งทื่อ

ตึกตัก! ตึกตัก!

ขณะได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง ไคลน์พลันฉุกคิดถึงสามัญสำนึกของโลกปัจจุบัน

หนึ่งปีมีสิบสองเดือน…สามร้อยหกสิบห้าวัน…และมีปีอธิกสุรทิน…

วันละยี่สิบสี่ชั่วโมง หกสิบนาทีต่อชั่วโมง หกสิบวินาทีต่อนาที…

ได้รับการยืนยันว่าเป็นดาวเคราะห์…

มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนท้องฟ้า…

ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!

สัญชาตญาณของไคลน์คอยยับยั้งมิให้ตัวเองคิดลึกไปกว่านี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่ภายในใจจะมี ‘เสียง’

หรือว่าที่จริงแล้วเราไม่ได้เดินทาง ‘ข้ามโลก’ ? ยังคงอยู่บนโลกใบเดิมมาตลอด แต่ถูกแขวนไว้บนประตูแสงเหนือมิติหมอกเกินไป…นานจนไม่ใช่คนจากยุคสมัยปัจจุบัน…

เมื่อความคิดดังกล่าวเริ่มก่อตัว รายละเอียดจำนวนมากที่มันเคยมองข้าม พลันปะทุขึ้นในใจราวกับภูเขาไฟระเบิด

ทางฝั่งตะวันออกของทะเลโซเนีย ก่อนจะเข้าเขตซากสมรภูมิเทพ มีอาคารที่ทำจากเหล็กผุพังและบ่อน้ำใต้ทะเลลึก…คล้ายกับเหลือทิ้งไว้โดยฝีมือของมนุษย์…

ทวีปเหนือและใต้มีความคล้ายคลึงกับทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้…ยกเว้นช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างทั้งสองทวีป ซึ่งนั่นดูคล้ายกับถูกพลังบางอย่างแยกออกจากกันจนเกิดเป็นทะเลคลั่งที่มีเส้นทางเดินเรือคดเคี้ยว…นอกจากนั้น เกาะโซเนียยังเหมือนกับเกาะขนาดใหญ่ทางเหนือที่ไหลลงมาทางใต้เล็กน้อย…แคว้นเลียบทะเลเปรียบดังทะเลสาป ‘เกรตเลค’ ของทวีปอเมริกาเหนือที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ราวกับถูกพุ่งชนโดยอุกกาบาตลูกยักษ์…

สำหรับทวีปเหนือ ภูเขา แนวสันเขา และแม่น้ำมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ยังหลงเหลือเค้าโครงพื้นฐานหากนำมาเทียบกัน…

ถ้าอย่างนั้น…ทวีปตะวันตก บ้านเกิดของเอลฟ์ และทวีปตะวันออกซึ่งเป็นสถานที่ตั้งดินแดนเทพทอดทิ้งกับเชอร์โนบิล…

จากตำนานขุมทรัพย์แห่งท้องทะเล มีอารยธรรมที่สาบสูญชื่อว่า ‘เนวินส์’ ซึ่งน่าจะจมอยู่ที่ใดสักแห่งในทะเลหมอก…

พ่อแม่ของราชาคนยักษ์เป็นมนุษย์…ต้นกำเนิดของผีดูดเลือดและเอลฟ์ก็ถูกสงสัยว่าจะมาจากมนุษย์เช่นกัน…

ข้อสงสัยก่อนหน้านี้ของเรา…เหตุใดปราสาทต้นกำเนิดถึงต้องจับมนุษย์จากโลกของเรา และทำไมพวกเขาถึงอาศัยในยุคสมัยเดียวกับเรา…เรื่องนี้สามารถอธิบายได้อย่างกระจ่าง…

ภายในเวลาเพียงสองถึงสามวินาที จิตไคลน์คล้ายถูกฟ้าผ่าเป็นระยะ ริมฝีปากของมันสั่นระริก ราวกับกำลังข่มใจมิให้โพล่งบางสิ่งออกมา

แต่ดวงจันทร์ของโลกใบนี้มีสีแดง…อวกาศก็แตกต่างจากโลกเล็กน้อย…เราไม่ใช่หนอนดาราศาสตร์ จึงไม่มั่นใจนัก แต่จักรพรรดิดื่มโอสถเส้นทางนักปราชญ์เข้าไป หากอวกาศมีดวงดาวเหมือนกับโลกเก่า เขาก็ต้องค้นพบนานแล้ว…ความคิดเชิงโต้แย้งผุดขึ้นในใจไคลน์

แต่วินาทีถัดมา มันหวนนึกถึงสองประโยค

ประโยคแรกเป็นคำพยากรณ์อันน่าสะพรึงที่เคยอ่านจากโลกออนไลน์ในชีวิตก่อนหน้า:

“เมื่อดวงดาวเรียงตัวกันในตำแหน่งเฉพาะเจาะจง ความโกลาหลจะบังเกิดขึ้นจากเบื้องล่าง และมหาต้นกำเนิดจะลืมตาตื่น”

อีกหนึ่งประโยคก็คือ

“ระวังดวงจันทร์ให้ดี!”

นี่มัน…คำพยากรณ์ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นอย่างส่งเดชหรอกหรือ? เมื่อดวงดาวเรียงตัวในตำแหน่งเฉพาะเจาะจง…ส่งผลให้ตำแหน่งปัจจุบันของดวงดาวในอวกาศ ไม่สอดคล้องกับโลกเก่า? ไคลน์แทบจะไม่สนใจอามุนด์ตรงหน้า เพียงยืนสั่นเทาอยู่จุดเดิม

มันรวบรวมเรี่ยวแรงอย่างมากเพื่อที่จะถอนหายใจ

บางทีเราอาจไม่เคยออกจากบ้านเกิด…แค่กลับไปไม่ได้อีกแล้ว…

ขณะความคิดกำลังกระจ่าง สายหมอกสีเทาปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันเบื้องหน้า

คราวนี้มันกำลังยืนอยู่ในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับป่าเสื่อมโทรม เป็นช่วงเวลาสิ้นสุดยุคสมัยที่หนึ่งและจุดเริ่มต้นของยุคสมัยที่สอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ