บนดินแดนอันรกร้างที่เต็มไปด้วยหุบเหวลึก กลุ่มอามุนด์ในจุดต่างๆ เริ่มอ้าปากและสวดเป็นภาษาคนยักษ์
“ข้ารับใช้แห่งโลกวิญญาณและปราสาทต้นกำเนิด”
“ตัวตนเร้นลับจากอดีตกาล”
“ประจักษ์พยานแห่งห้วงประวัติศาสตร์ชั่วนิรันดร์”
“ผู้พิทักษ์ละครและมายากลแห่งเบ็คลันด์”
“มหาเกอร์มันสแปร์โรว์…”
เสียงดังกล่าวดังกังวานซ้อนทับและพรั่งพรูเข้าไปในความว่างเปล่า คล้ายกับเชื่อมต่อกับปลายทางที่เป็นอนันต์
ผ่านไปสิบวินาที กลุ่มอามุนด์ต่างพากับขยับแว่นตาขาเดียวพลางหัวเราะเสียงต่ำ
“แก้ไขเร็วมาก…”
หากเกอร์มันสแปร์โรว์ยังคงใช้ระบบตอบรับอัตโนมัติกับนามเต็มอันทรงเกียรติดังกล่าว อามุนด์สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการระบุตำแหน่งและอาศัย ‘ข้อผิดพลาด’ เพื่อไปปรากฏตัวข้างเป้าหมาย
…
ท่ามกลางความมืดที่มีสายฟ้าช่วยมอบแสงสว่างเป็นครั้งคราว ไคลน์ซึ่งแต่งกายด้วยหมวกผ้าไหม เสื้อคลุมขนสัตว์ และกำลังถือตะเกียง รีบมุ่งหน้าผ่านทุ่งกว้างไปทางทิศเหนือ
มีคำสวดวิงวอน…อามุนด์เอ่ยนามเต็มอันทรงเกียรติของเกอร์มันสแปร์โรว์…หมายความว่าระยะห่างระหว่างเรากับอามุนด์บางคนยังไม่มากพอ…ในเมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีปรสิต…คงเป็นบริเวณโดยรอบ…หนึ่งในหน่วยลาดตระเวนหรือสิ่งมีชีวิตที่เราคาดไม่ถึง? ไคลน์หันหน้ากลับไปฟังสักพักก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปด้วยความระมัดระวัง
สำหรับเรื่องนี้ ชายหนุ่มโชคดีที่ระมัดระวังตัวมากพอ ขณะอยู่บนมิติหมอก ไคลน์เปลี่ยนนามเต็มอันทรงเกียรติของตนซึ่งสามารถตอบสนองโดยอัตโนมัติจาก ‘ผู้พิทักษ์ละครและมายากลแห่งเบ็คลันด์’ เป็น ‘ผู้พิทักษ์เหล่าเด็กยากไร้แห่งเบ็คลันด์’ สิ่งนี้อ้างอิงจาก ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ ที่ตนจัดตั้งขึ้น
อา…อามุนด์เป็น ‘นักถอดรหัส’ อาจถอดรหัสนามเต็มอันทรงเกียรติของเราได้จากข้อมูลเกี่ยวกับดอนดันเตส…เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ระบบตอบสนองอัตโนมัติ…ไคลน์ก้มมองแสงสลัวจากตะเกียงก่อนจะตัดสินใจหนักแน่น
มันเปลี่ยนให้หนอนวิญญาณทุกตัวมีหน้าที่เพียงรับฟังคำสวดวิงวอน แต่ไม่สามารถตอบสนองได้เอง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากร่างต้น
ด้วยวิธีนี้ แม้จะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงนัก เพราะนอกจากการสวดวิงวอนที่แฝงความมุ่งร้ายของอามุนด์ คงไม่มีใครอีกแล้วที่จะสวดวิงวอนถึงเกอร์มันสแปร์โรว์ เพราะมันยังไม่เคยเผยแพร่นามเต็มอันทรงเกียรติออกไป
จัดการเสร็จ ไคลน์กลับมาทบทวนความน่าสะพรึงของอามุนด์และคิดวางแผนขั้นถัดไป
แผนเดิมคือการออกห่างจากเมืองเงินพิสุทธิ์และมุ่งหน้าไปยังซากปรักหักพังเมืองนอร์ธทางทิศเหนือ จุดประสงค์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์และดูว่าตนมีโอกาสได้ครอบครองวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถผู้ชี้นำปาฏิหาริย์หรือไม่ แต่เมื่อเชื่อมโยงซากปรักหักพังดังกล่าวกับอามุนด์ ไคลน์พลันฉุกคิดถึงปัญหา
มันยืนยันได้ว่ากฎแห่งการดึงดูดของพลังพิเศษสามารถใช้ได้กับเส้นทางใกล้เคียงในลำดับสูง เมื่อพิจารณาว่าอามุนด์เตร็ดเตร่อยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้งมานานกว่าพันปี แถมยังเคยมาเยือนเมืองเงินพิสุทธิ์ แล้วเป็นไปได้หรืออีกอีกฝ่ายจะไม่ถูกดึงดูดเข้าหาซากปรักหักพังเมืองนอร์ธทางทิศเหนือ?
ในเมื่อแม้แต่เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ยังไม่กล้าย่างกราย ตัวตนลึกลับที่เร้นกายภายในเมืองนอร์ธย่อมต้องมีระดับไม่ต่ำกว่าเทวทูต ไม่มีทางที่อามุนด์จะปล่อยผ่าน…ต่อให้มันไม่กล้ากินตะกอนพลังลำดับสูงของเส้นทางใกล้เคียงโดยตรง แต่ก็ต้องมีการวางกับดักบางอย่างไว้…หรือต่อให้ในอดีตไม่เคยทำ แต่ปัจจุบันคงรีบรุดหน้าไปทำแน่…แต่ก็อย่าเพิ่งตัดความเป็นไปได้ที่อามุนด์จะไม่ทราบ เพราะในตอนที่เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ไปเยือนครั้งแรก ซากปรักหักพังนอร์ธยังไม่มีอันตรายร้ายแรงแอบแฝง บางทีตัวตนระดับเทวทูตอาจเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในภายหลัง…หรือทางนั้นเองก็คอยเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลาเพื่อหลบหนีอามุนด์? ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เริ่มไม่กล้าไปเยือนซากปรักหักพังนอร์ธ
ชายหนุ่มตัดสินใจหันมาพิจารณาก่อนว่า ปัจจุบันยังมีวิธีครอบครองตะกอนพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ทางอื่นอีกไหม ถ้าไม่มีค่อยไตร่ตรองเกี่ยวกับการสำรวจรอบนอกของซากปรักหักพังนอร์ธเพื่อรวบรวมข้อมูล
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ซึ่งแต่งกายในเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำและหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง ถือตะเกียงเดินไปทางซากปรักหักพังหอคอยโดยอาศัยแสงสว่างจากสายฟ้า
ระหว่างทาง ท่ามกลางความมืดมิดที่อันตราย กลุ่มสัตว์ประหลาดเรียงแถวเดินตามชายหนุ่มมาอย่างเงียบงัน
พวกมันเป็นหุ่นเชิดของไคลน์
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว นักบุญของเส้นทางนักทำนายดูพิสดารและน่ากลัวกว่ามาก
ขณะย่างกรายผ่านไป สัตว์ประหลาดที่ดูคล้ายกับปลามีขาอ้าปากเปล่งเสียงเป็นภาษาคนยักษ์
“ข้าแต่สุริยันผู้เจิดจรัสนิจนิรันดร์”
“พระองค์คือแสงที่ไม่มีวันดับ”
“พระองค์คือร่างอวตารแห่งระเบียบ”
ทันทีที่ท่องพระนามเต็มอันทรงเกียรติครบสามวรรค สัตว์ประหลาดตนดังกล่าวก็ล้มลงและเสียชีวิต
พระนามเต็มอันทรงเกียรติของเทพมีมากกว่าสามวรรค แต่การส่วนวิงวอนจะใช้แค่เพียงสาม ยกตัวอย่างเช่น พระนามเต็มของสุริยันเจิดจรัสคือ ‘องค์สุริยันผู้เจิดจรัสนิจนิรันดร์…พระองค์คือแสงที่ไม่มีวันดับ…พระองค์คือร่างอวตารแห่งระเบียบ…เทพแห่งพันธสัญญา…ผู้พิทักษ์แห่งการค้า’ และไคลน์เลือกใช้สามวรรคแรก
จากนั้นไคลน์ทำการสวดวิงวอนถึงวายุสลาตัน เทพปัญญาความรู้ และเทพธิดารัตติกาลโดยหวังจะได้รับการตอบสนอง
แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สภาพแวดล้อมโดยรอบก็ยังไม่มีการตอบสนอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ