ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1181

สรุปบท ราชันเร้นลับ 1181 : เมืองโบราณนอร์ธ: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอน ราชันเร้นลับ 1181 : เมืองโบราณนอร์ธ จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ราชันเร้นลับ 1181 : เมืองโบราณนอร์ธ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ได้ยินคำสั่งจากหัวหน้าบิชอป เลียวนาร์ดผงะเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ

คำพยากรณ์ของมิสเตอร์ฟูลแม่นยำมาก…

ไม่สิ นั่นไม่ใช่คำพยากรณ์ แต่ท่านตระหนักรู้ทุกสิ่งอย่างชัดแจ้ง…

เลียวนาร์ดรีบตั้งสติและแจ้งกับอาร์ชบิชอปแอนโทนีว่าตนต้องการเอกสารอนุญาตอย่างเป็นทางการ จากนั้นก็เดินกลับไปยังชั้นใต้ดินและพาสมาชิกสองคนเข้าไปในประตูยานิส

เมื่อผู้คุมตรวจสอบเอกสารเสร็จ มันเดินมายังห้องขังของเอ็มลินไวท์ที่จุดเทียนสีเงินสลักลวดลาย สอดกุญแจทองเหลืองเข้าไปไขเปิดประตูหิน

แสงจางสีฟ้าส่องเข้าไปในห้องขังจนเอ็มลินไวท์ต้องหลับตาลงตามสัญชาตญาณ

ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดเซียวกว่าเมื่อก่อนมาก และร่างกายก็ซูบผอมราวกับสายลมเพียงแผ่วเบาสามารถพัดให้ปลิว

นึกทบทวนคำพยากรณ์ของมิสเตอร์ฟูล เอ็มลินมั่นใจในสถานการณ์ปัจจุบันมาก มันลุกขึ้นโดยไม่ลืมตาพลางหัวเราะในลำคอ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าในท้ายที่สุด พวกเจ้าจะเป็นฝ่ายปล่อยข้าออกไปเอง”

ถ้าฉันบอกว่านี่เป็นแค่การสอบสวนตามปรกติ นายจะผิดหวังแค่ไหนกันนะ? เลียวนาร์ดถากถางในใจพลางตอบหน้านิ่ง

“ให้เวลาสามสิบวินาที ถ้าคุณยังไม่รีบออกจากประตูยานิส ผมจะถือว่าคุณสมัครใจอยู่ต่อ”

ในฐานะเหยี่ยวราตรีที่ค่อนข้างอาวุโสและหัวหน้าหน่วยถุงมือแดงหลายเดือน เลียวนาร์ดมีประสบการณ์ในการรับมือนักโทษ

เอ็มลินผงะเล็กน้อย ปากอ้ากว้างเตรียมเปล่งบางสิ่งออกมา แต่สุดท้ายกลับปิดปากสนิทและรีบเดินผ่านเลียวนาร์ดกับพรรคพวกจนกระทั่งพ้นประตูยานิส

เมื่อถึงด้านนอก ร่างกายของมันสั่นระริกแผ่วเบาทันที ราวกับต้องการขจัดความหนาวเย็น

“หลังจากกลับถึงบ้าน ถ้าได้ตากแดดสักพักก็น่าจะดีขึ้น…จริงสิ ในกรุงเบ็คลันด์คงหาแดดได้ยาก…แล้วแวมไพร์อย่างพวกคุณก็คงไม่ชอบการอาบแดดสักเท่าไร…เป็นนักปรุงยาใช่ไหม? ลองปรุงยาในขอบเขตสุริยันดู” เลียวนาร์ดช่วยมอบคำแนะนำหลังจากเห็นท่าทีของอีกฝ่าย

เอ็มลินกำลังอยู่ในสภาวะค่อนข้างย่ำแย่ แง่หนึ่งเป็นเพราะไม่ได้ดื่มเลือดมนุษย์ที่เจือพลังวิญญาณมาหลายวัน ลำพังเลือดสัตว์ยังมีสารอาหารไม่เพียงพอ อีกแง่หนึ่งเป็นเพราะถูกขังหลังประตูยานิสนานเกินไปจนถูกพลังรัตติกาลกัดกร่อน จำเป็นต้องรักษาด้วยพลังในขอบเขตสุริยัน

ในฐานะศาสตราจารย์โอสถ เอ็มลินตระหนักรู้สภาพร่างกายและจิตใจตัวเองเป็นอย่างดี จึงไม่เถียงหรือเห็นด้วย เพียงเน้นย้ำคำว่า ‘ผีดูดเลือด’ ก่อนจะหันมาถาม

“หลวงพ่อยูทรอฟสกี้อยู่ที่ไหน?”

“เขาต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก ได้แต่หวังว่าสงครามบ้าๆ จะจบลงโดยเร็ว…แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ทางเราจะปล่อยเขาออกมารับแสงแดดสัปดาห์ละสองหน ส่วนจะเป็นวันไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ” เลียวนาร์ดตอบห้วนก่อนจะพาเอ็มลินไปส่งข้างนอกวิหาร

เอ็มลินลังเลเล็กน้อยก่อนจะถาม

“โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดไปทางไหน”

“คิดจะทำอะไร” เลียวนาร์ดถามด้วยความเป็นมืออาชีพ

“เข้ารับการถ่ายเลือด” เอ็มลินเชิดคางขึ้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

เข้ารับการถ่ายทอด…ดื่มเลือดมนุษย์มากกว่ามั้ง…เลียวนาร์ดมิได้กล่าวสิ่งใด เพียงชี้ไปยังทิศทางหนึ่งและอธิบายรายละเอียด

หลังจากยืนมองแผ่นหลังไวเคาต์ผีดูดเลือดเดินจากไป มันกลับมายังชั้นใต้ดินและเริ่มพูดคุยกับคนในทีมเกี่ยวกับคดีล่าสุด

หลังจากเดินทางเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดไคลน์ก็เข้าเขตซากปรักหักพังเมืองนอร์ธ

ที่นี่ยังคงเป็นทุ่งกว้างที่รกร้าง บนพื้นดินบางจุดมีร่องรอยของแม่น้ำเหือดแห้ง

เฝ้ามองเมืองที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเงาดำสักพัก ไคลน์ตัดสินใจไม่บุ่มบ่ามเข้าไปใกล้ มองหาจุดซ่อนตัวและท่องพระนามเต็มของเดอะฟูล

จากนั้นก็เดินถอยหลังสี่ก้าวและท่องคาถาส่งตัวเองเข้ามิติหมอก หากไคลน์ต้องการกลับปราสาทต้นกำเนิดในพริบตาด้วยความคิด สมาชิกทุกคนของชุมนุมทาโรต์จะต้องสวดวิงวอนพร้อมกันจนเกิดการซ้อนทับหลายชั้น นั่นจะกลายเป็นหลักยึดเหนี่ยวที่แข็งแกร่งให้เดอะฟูล

อาศัยจุดแสงแห่งการวิงวอน ไคลน์ใช้ตาทิพย์ตรวจสอบสถานการณ์ของซากปรักหักพังเมืองนอร์ธจากระยะไกลและพบว่าหมอกบางๆ ที่เคยปกคลุมเมืองเริ่มจางลงทีละนิด แต่ก็ยังไม่หมดไป นอกจากนั้นภายในเมืองยังปราศจากด้ายวิญญาณโดยสิ้นเชิง ผู้คนที่สวมเสื้อลินินหรือหนังสัตว์ต่างกำลังนอนตามถนนอย่างไร้ชีวิตชีวา แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์ค้นพบโดยสิ้นเชิง

ฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์จินตนาการภาพเมืองนอร์ธสมัยยัง ‘มีชีวิต’

บางคนกำลังพักผ่อนอย่างเกียจคร้าน บางคนกำลังทำอาหาร บางคนกำลังจับจ่ายซื้อของบนถนน บางคนจดจ่ออยู่กับดนตรี บางคนเดินผ่านไปมาและหัวเราะร่วน บางคนกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบนสังเวียนด้วยความสิ้นหวัง…

ภาพเหล่านั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ในความเป็นจริง ทุกคนเสียชีวิตไปหมดแล้ว ไม่หลงเหลือแม้แต่ดวงวิญญาณ เพียงเคลื่อนไหวไปตามกิจกรรมสุดท้ายก่อนตาย

จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉากประหลาดดังกล่าวหยุดลงโดยที่ทุกคนทรุดลงอย่างกะทันหัน

เมืองใหญ่ที่พลเมืองทุกคนเป็นหุ่นเชิด โรงละครที่สมจริงที่สุด…หมู่บ้านสายหมอกก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน…แม้เราจะเป็นนักทำนายคนหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าในแง่ของความสยอง พิสดาร และน่าสะพรึง เส้นทางนี้ติดอันดับหนึ่งในสามอย่างไร้ข้อกังขา…เราจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันไหมในตอนที่ก้าวไปถึงบริวารเร้นลับ? ไคลน์ถือตะเกียงเดินไปตามถนนซึ่งเต็มไปด้วยศพเกลื่อนกลาด อาศัยประสาทสัมผัสวิญญาณนำทางจนกระทั่งมาถึงใจกลางเมืองนอร์ธ

สถานการณ์ปัจจุบันทำให้ไคลน์ทราบว่า ผู้ที่เคย ‘ปกครอง’ เมืองนอร์ธมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดพอสมควร เพราะหลังจากถูกทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์ทำลายสันติภาพและความสงบสุข มันมิได้กำจัดเบาะแสหรือปิดปากพยาน แต่เลือกจะทิ้งทุกสิ่งและหนีไปที่อื่นโดยไม่ลังเล

เจ้านั่นคงไม่กล้าปิดปากทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์เพราะหนึ่งในนั้นมีปรสิตอามุนด์ปะปนมาด้วย…อา…หรือไม่ก็กังวลเกี่ยวกับพระผู้สร้างแท้จริง…ไคลน์วิเคราะห์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด จนกระทั่งเดินมาถึงวิหารที่ยังมีสภาพค่อนข้างดี

ด้านในวิหารมีรูปปั้นของหมาป่าอสูรขนสั้นแปดขา

บนศีรษะของรูปปั้นมีกระจุกขนสีเทาสองแถบซ้ายขวา รูม่านตาสีเข้มปกคลุมสามในสี่ของดวงตา

ไม่ใช่เฟรเกีย…หมาป่าอสูรทมิฬที่ปรากฏตัวเป็นครั้งคราวในยุคสมัยที่สาม? ในที่สุด ‘เทพแห่งความปรารถนา’ รายนี้ก็หาตะกอนพลังลำดับหนึ่ง พบหลังจากเตร็ดเตร่ในดินแดนรกร้างมานานกว่าพันปี? คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดัง ‘กึกกึกกึก’ อย่างต่อเนื่อง

ในท่ายืนหันข้าง ชายหนุ่มเพ่งสายตาออกไปนอกวิหารและพบร่างหนึ่งเดินฝ่าหมอกบางเข้ามาอย่างเชื่องช้า

สูงเกือบสองเมตรสามสิบเซนติเมตร หลังค่อมเล็กน้อย ผมสีขาวโพลน หางตามีรอยย่น มุมปากมีรอยแผลเป็น สวมชุดนักบวชสีเข้ม ดูคล้ายบิชอปแก่ชรา

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสุขุมเยือกเย็น มิได้แฝงความบ้าคลั่งและกระหายเลือดเหมือนกับสัตว์ประหลาดไร้สติปัญญาในความมืด

ทว่า ท่ามกลางความมืดมิดที่นานๆ ครั้งจะมีฟ้าผ่า นักบวชคนดังกล่าวกลับมิได้ถือตะเกียงหรือคบเพลิง เพียงเดินเงียบงันภายในสายหมอก

…………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ