อัญเชิญผู้ส่งสาร…ในฐานะจัดจ์เมนต์แห่งชุมนุมทาโรต์และสมาชิก เอ็มไอเก้า ซิลเข้าใจดีว่าผู้ส่งสารหมายถึงสิ่งใด และทราบว่าในองค์กรระดับกลางขึ้นไปมักมีการใช้ผู้ส่งสารอย่างแพร่หลาย
ยังไม่ทันจะถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซิลเห็นฟอร์สเดินเหม่อเข้าไปในห้องรับแขกชั้นหนึ่งพลางกล่าวด้วยสีหน้าล่องลอย
“ขอฉันนอนก่อน ไว้คุยกันทีหลัง”
เธอหลับยาวจนกระทั่งรุ่งเช้าของอีกวัน ถูกปลุกให้ตื่นโดยกลิ่นอันหอมหวนของเนื้อ
“พายเดซีย์?” ฟอร์สขยี้ตาพร้อมกับเดินออกจากห้องและพบว่ามีอาหารวางอยู่บนโต๊ะแล้ว
“ใช่” ซิลเดินออกจากห้องน้ำ “ร้านหัวมุมถนน รสชาติไม่เลวเลย”
ฟอร์สพยักหน้ารับรู้และเดินไปนั่งบนโต๊ะอาหาร หยิบพายเดซีย์ใส่ปากอย่างรวดเร็ว
หลังจากกินไปหนึ่ง หญิงสาวจิบชาเย็นพลางถอนหายใจด้วยสีหน้าอิ่มเอม
“ฮ้า~ นี่แหละชีวิต…อ๊ะ…ฉันลืมแปรงฟัน”
เมื่อทำความสะอาดร่างกายเสร็จ สติฟอร์สกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ จึงชำเลืองไปทางซิลและถามอย่างสงสัย
“เอ็มไอเก้า ไม่สงสัยเลยหรือว่าเธอกลายเป็นผู้พิพากษาอย่างลับๆ แล้ว”
“พวกเขาเข้าใจว่าเป็นรางวัลที่ฉันได้รับจากภารกิจก่อนหน้า” ซิลเล่า
ฟอร์สสางผมพร้อมกับยิ้ม
“อา…ปล่อยให้พวกเขาไปถามโบสถ์รัตติกาลเอาเอง”
หญิงสาวปิดปากหาว
“ฉันจะอัญเชิญผู้ส่งสารของชายคนนั้น”
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการ ‘บันทึก’ อย่างหนักหน่วง สรรพนามที่ฟอร์สใช้เรียกเกอร์มันสแปร์โรว์กลายเป็น ‘ชายคนนั้น’
แง่หนึ่งเป็นการแสดงความเคารพ และอีกแง่หนึ่งทำไปเพราะกลัวถูกดักฟัง
ได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท ซิลกวาดสายตาไปรอบตัวพร้อมกับถามด้วยความฉงน
“ไม่ต้องประกอบพิธีกรรม?”
เธอจำได้ว่าการอัญเชิญผู้ส่งสารต้องประกอบพิธีกรรม
“นั่นแค่หนึ่งในวิธีอัญเชิญ” ฟอร์สก้มมองเสื้อผ้าตัวเองและพบว่าพวกมันอยู่ในสภาพยับย่น เนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนชุดใหม่ก่อนนอนเมื่อวาน
เมื่อตระหนักว่าตนต้องเผชิญหน้ากับผู้ส่งสาร เธอตัดสินใจให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ จึงรีบเดินกลับไปยังห้องนอนชั้นสองและเปลี่ยนเป็นเดรสสีเบจปกตั้งลวดลายฟูฟ่อง
จัดการเสร็จ หญิงสาวยกมือขวาต่อหน้าซิลและคว้าอากาศด้านหน้า ท่าทางราวกับต้องการกระชากบางสิ่งออกมา
ในการมองเห็นของเธอ หนังสือมายาก่อตัวเป็นรูปร่างและพลิกหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดลง
จากนั้น ท่อนแขนของเธอทรุดลงพร้อมลากร่างหนึ่งออกจากความว่างเปล่า
ไม่ใช่ใครนอกจากเกอร์มันสแปร์โรว์ผู้แต่งกายด้วยหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูงและเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์
สำเร็จในครั้งเดียว? เราเพิ่งทดลองเป็นครั้งที่สอง…เมื่อวานลองไปหนึ่งครั้งแต่ล้มเหลว…ดวงตาฟอร์สเบิกกว้างทันที ประหนึ่งต้องการรับแสงให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้มองเห็นอย่างชัดเจน
เธอทราบดีว่าบุคคลตรงหน้าเป็นเพียงภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์ จึงไม่ออกอาการประหม่าเหมือนกับทุกครั้ง เพียงตั้งใจสำรวจอีกฝ่ายหัวจรดเท้าและพบว่า เกอร์มันสแปร์โรว์ที่เธอเพิ่งดึงออกมา ดูเหมือนกับตัวจริงจนยากจะแยกแยะ
บรรยากาศอันน่าสะพรึงของนักผจญภัยเสียสติคนนี้ยังไม่จางหายไปไหน
ฟอร์สอัญเชิญเกอร์มันสแปร์โรว์? ไม่ใช่ผู้ส่งสารของเขาหรือ? เกอร์มันสแปร์โรว์กลายเป็นเป้าหมายการอัญเชิญได้ด้วย? คำถามมากมายผุดขึ้นในใจซิล
ขณะฟอร์สไม่มั่นใจว่าตนควรทำอย่างไรต่อ ดวงตาเกอร์มันสแปร์โรว์เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย กลายเป็นความกระจ่างใสและกระฉับกระเฉง มิได้แข็งทื่อและเฉยเมยเหมือนในตอนแรก มอบความรู้สึก ‘มีชีวิตชีวา’ ให้แก่ผู้พบเห็น
ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มหยิบฮาร์โมนิก้าสีเงินสว่างออกมาและโน้มตัวเป่า
ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด แต่บรรยากาศโดยรอบพลันมืดสลัวและปราศจากลมพัด
จากนั้น สตรีผู้หนึ่งที่แต่งกายในเดรสยาวซับซ้อนสีเข้ม ถือหัวสี่หัวสีทองตาแดงเดินออกจากความว่างเปล่า ดวงตาทั้งแปดจดจ้องไปทางเกอร์มันสแปร์โรว์โดยพร้อมเพรียง
เกอร์มันสแปร์โรว์พยักหน้ารับแผ่วเบาพร้อมกับชี้มาทางฟอร์ส
“ผู้หญิงคนนี้ต้องการเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของโลกวิญญาณเพื่อบันทึกพิกัดพิเศษสี่แห่ง ได้โปรดช่วยเธอด้วย”
“ตกลง…” ไรเน็ตต์ไทน์เคอร์ตอบพลางผงกในหนึ่งศีรษะขึ้นลง
เกอร์มันสแปร์โรว์ไม่กล่าวเพิ่มเติม เพียงเดินไปใกล้หน้าต่างและเปลี่ยนถุงมือข้างซ้ายให้โปร่งใส
ร่างของมันหายไปอย่างรวดเร็วจากพลังเทเลพอร์ต
หายไป…หายไปแล้ว…ภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์ที่เราอัญเชิญหนีไปเองได้ด้วยหรือ? ฟอร์สอ้าปากค้างเล็กน้อยราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
ตามความเข้าใจของเธอ เป้าหมายการอัญเชิญควรตกอยู่ในความควบคุมของเธอ แล้วเหตุไฉนถึงเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้?
หรือว่าภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์จะมีนิสัยแบบเดียวกับตัวจริง…ไม่สิ มันดูเหมือนเกอร์มันสแปร์โรว์ตัวจริงมาเองมากกว่า…ฟอร์สชำเลืองไปทางซิลและพบว่าอีกฝ่ายกำลังสับสนไม่ต่างกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ