ในตรอกใกล้เคียง ไคลน์ยกมือขึ้นลูบหน้าผากพลางพึมพำ
“ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไร…แต่ทำไมต้องทำลายหุ่นเชิดของเรา…”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนจะสลายร่าง – อายุขัยของภาพฉายใกล้สิ้นสุดเต็มที เพราะในท้ายที่สุด การบันทึกพลังลำดับสูงของนักบันทึกย่อมมีประสิทธิภาพต่ำกว่าของเดิม ถือเป็นภาระทางพลังวิญญาณที่หนักอึ้งสำหรับผู้วิเศษลำดับหก อย่างเธอ แม้การโอนถ่ายสติของไคลน์จะช่วยบรรเทาภาระลงหลายส่วน แต่ฟอร์สก็ยังมีพลังไม่มากพอจะคงภาพได้นาน
…
ย่านชานกรุงเบ็คลันด์ ปลายแม่น้ำทัสซอค
เลียวนาร์ดซ่อนถุงมือสีแดงขณะเดินสำรวจบางจุดอย่างเชื่องช้า
ทันใดนั้น เสียงค่อนข้างชราของพาลีสดังขึ้นในใจ
“อดีตเพื่อนร่วมงานของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
นึกทบทวนข้อมูลล่าสุดจากชุมนุมทาโรต์เสร็จ เลียวนาร์ดหรี่เสียงลง
“เขาเพิ่งเอาตัวรอดจากกับดักที่ร่างโคลนอามุนด์วางไว้ ตอนนี้กำลังค้นหาความจริงของดินแดนเทพทอดทิ้ง”
หลังจากได้ยิน พาลีสโซโรอาสเตอร์ปล่อยให้เลียวนาร์ดเดินหน้าต่อไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
…
เมื่อบันทึกพิกัดพิเศษเสร็จ ฟอร์สถูกผู้ส่งสารของเกอร์มันสแปร์โรว์โยนกลับมายังโลกความจริง
“ฉันเพลียอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งตื่นได้ไม่นาน…คงเพราะพลังพิเศษในลำดับสูงสูบพลังวิญญาณมากเกินกว่าที่ฉันจะรับไหว…” ฟอร์สเอื้อมมือปิดปากหาวพลางชำเลืองซิลด้วยใบหน้าซีดเซียว
“อาจจะใช่…” ซิลเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานของเพื่อนสนิท
สัมผัสวิญญาณของเธอแจ้งว่า ภาพฉายของเกอร์มันสแปร์โรว์ที่ถูกอัญเชิญออกมานั้นมีระดับไม่ธรรมดา อาจไม่ด้อยไปกว่านักบุญ
ซิลลังเลสักพักก่อนจะพูดต่อ
“เธอไปพักผ่อนก่อน ยังไม่ควรเสี่ยงเลื่อนลำดับในสภาพนี้…จากคดีที่ฉันเคยตัดสิน คนร้ายในคดีหนึ่งเป็นฆาตกรจิตวิปริต หมอนั่นจงใจปล่อยให้เพื่อน ศิษย์ และคนจรจัดที่รับมาดูแล ดื่มโอสถขณะมีสภาพร่างกายย่ำแย่และเฝ้ามองพวกเขาคลุ้มคลั่งจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าขยะแขยงและน่าสะพรึง”
“…ทำไปเพื่ออะไร” ฟอร์สผงะเล็กน้อย
“สองข้อ…ข้อแรก มันต้องการพิสูจน์ว่า ภาวะคลุ้มคลั่งที่เกิดจากโอสถชนิดเดิมจะเหมือนกันทุกครั้งหรือไม่ และข้อสอง…มันต้องการบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยภาพเขียนสีน้ำมัน โดยเชื่อว่าความเจ็บปวด สิ้นหวัง และบิดเบี้ยวที่หาได้ยากจากสถานการณ์ปรกติ คือความวิจิตรงดงามที่สามารถจุดประกายไฟแห่งความสร้างสรรค์ของมันให้ลุกโชน…” ซิลเล่ารายละเอียดด้วยความรังเกียจ “ก็แค่พวกเสียสติ”
“สมควรถูกประหาร!” หลังจากนึกภาพตาม ฟอร์สอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จากนั้นก็หันมาถาม “เป็นพวกคลั่งศาสนารึเปล่า?”
“ก็อาจจะ แต่ทางเราไม่มีเบาะแส…เปลือกนอกของหมอนั่นคือจิตรกรที่มีชื่อเสียงและรู้จักกันในวงกว้าง หากไม่ใช่เพราะคนใกล้ตัวหายไปอย่างเป็นปริศนาเกินกว่าห้ารายในช่วงหลายปีหลัง จนไปกระตุ้นความสนใจของทางการ ก็อาจไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยจนกระทั่งหมอนั่นเสียสติและคลุ้มคลั่งไปเอง” ซิลเว้นวรรคก่อนจะเล่าต่อ “กองปราบที่เข้าไปจับกุมในตอนนั้น ทุกคนพากันอาเจียนเรี่ยราดเมื่อลงไปสำรวจห้องใต้ดิน ที่นั่นเต็มไปด้วยซากศพสยดสยองซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ รวมถึงภาพเขียนสีน้ำมันที่แฝงมนต์เสน่ห์แต่ก็น่าหวาดกลัว…”
“เป็นชายที่น่ารังเกียจ แต่ก็เต็มไปด้วยความพิศวงและน่าสนใจ…” ฟอร์สไตร่ตรองสักพัก “หมอนั่นเป็นปีศาจ?”
“ไม่ใช่…เป็นนักจิตบำบัด” ซิลโต้แย้งข้อสันนิษฐานของเพื่อนสนิท
“…คำตัดสินของเธอคืออะไร? ประหารชีวิต?” ฟอร์สถามด้วยความคาดหวัง
ซิลส่ายหน้า
“ทนายของจำเลยโน้มน้าวให้นำเขาไปใช้เป็นหนูทดลองสมบัติปิดผนึก”
“ทนาย? ศาลคดีเหนือธรรมชาติมีทนายด้วย? ไม่ใช่ว่าจะถูกดำเนินคดีทันทีหรอกหรือ?” ฟอร์สถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ซิลสางผมสีทองและตอบ
“ทางเรามีผู้วิเศษเส้นทางนักกฎหมายที่ต้องสวมบทบาทเช่นกัน…แต่แน่นอน พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังสวมบทบาท”
“อา…” ฟอร์สอ้าปากหาวอีกครั้งก่อนจะชี้นิ้วไปทางเก้าอี้เอนหลังข้างเตาผิง “ฉันขอพักสักงีบ…แล้วเธอไม่ต้องไปทำงานหรือ”
“วันนี้ลา” ซิลตอบห้วน
ฟอร์สไม่ถามซักไซ้ เพียงเดินไปทางเตาผิงและทิ้งตัว
หลายชั่วโมงถัดมา เธอตื่นขึ้นและเข้าฌานสิบห้านาที
จากนั้น หญิงสาวนำตะกอนพลังและวัตถุดิบเสริมของ ‘นักท่องเที่ยว’ ที่อาจารย์ของตนมอบให้ มาปรุงเป็นโอสถ
โอสถดังกล่าวมีสีขาวโปร่งใส ลักษณะคล้ายหิมะกึ่งละลาย มีฟองอากาศผุดขึ้นเป็นระยะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ