เมื่อถ้อยคำของแอนโทนี สตีเวนสันดังกังวานทั่วจัตุรัสรำลึกและแพร่กระจายไปยังบริเวณใกล้เคียง ชาวโลเอ็นที่เข้าร่วมพิธีมิสซาต่างพากันสะเทือนใจ โศกเศร้า อบอุ่น และหดหู่
ในจัตุรัสแห่งอื่น คณะนักร้องประสานเสียงเริ่มขับขานบทเพลงอันศักดิ์สิทธิ์จนดังก้องอยู่ภายในใจทุกคน
“จันทร์แดงเลือด คลุมพสุธา มาช้านาน”
“เหล่ามนุษย์ ดำดิ่ง ฝันแสนหวาน”
“เห็นพ่อแม่ คู่สมรส ตลอดกาล”
ดวงวิญญาณของทุกคนได้รับการชำระล้างโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาตามธรรมชาติ
คล้ายกับทุกคนกำลังย่างกรายเข้าสู่ดินแดนความฝันและเดินไปตามความมืดมิดอันเงียบสงบ
ไม่ว่าจะเป็นลูก พ่อแม่ ภรรยา สามี หรือเพื่อนฝูงที่จากไป คนตายทั้งหมดถูกชำระล้างให้ปราศจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน สีหน้าของผู้เข้าร่วมมิสซาเริ่มบรรเทาความเจ็บปวด แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและสงบนิ่ง
“เราทุกคน แหงนมองฟ้า ยามราตรี”
“เปล่งพระนาม สามัคคี และอ่อนโยน”
“เทพธิดารัตติกาล!”
“…หากพระองค์ ทรงสดับ คงเห็นด้วย”
“คงส่งยิ้ม เพื่อช่วย ชำระศพ”
“เหล่าวิญญาณ ล้วนบรรจบ หลับฝันดี”
บรรดาผู้คนที่กำลังหลงทางท่ามกลางความฝัน ต่างพากันโศกเศร้ารุนแรง คล้ายกับเตรียมบอกลาทุกคนในชีวิตจริง
พวกมันหวนนึกถึงฉากอันงดงามในอดีต นึกถึงฉากที่ครอบครัวรวมตัวกันและเพลิดเพลินไปกับอาหาร พูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน นึกถึงคนที่มองพวกตนอย่างอ่อนโยน นึกถึงช่วงเวลาที่อีกฝ่ายจากไปและความเจ็บปวดในตอนนั้น นึกถึงความเจ็บปวดทางวิญญาณและความโศกเศร้าอันเกิดจากสงคราม
คนตายทั้งหมดกำลังหลับใหลอย่างสงบสุขในประเทศที่สุขสงบ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาใดในภายหลัง แต่ผู้ที่เหลือรอดยังต้องทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืน ยังต้องเผชิญความเฉื่อยชาและเหี่ยวเฉา
น้ำตาหยดหนึ่งไหลริน และอีกหลายหยดไหลรินตามมา มวลชนของจัตุรัสรำลึกมิอาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป ต่างคนต่างระบายความเจ็บปวดที่สั่งสมออกมาอย่างเงียบงัน
มวลความโศกเศร้าแพร่กระจายไปทุกทิศ สอดประสานเข้ากับบทเพลงที่ล่องลอย
“จงประสาน สองมือ ให้แนบแน่น”
“จงยกแขน ประกบติด แนบชิดเต้า”
“จงสวดมนต์ดลบันดาล เสียงแผ่วเบา”
“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน”
เหล่าผู้คนที่หลับตาอย่างพากันร่ำไห้อย่างเงียบงัน สองมือขยับไปตามเนื้อหาบทเพลงพร้อมกับส่งเสียงตะโกนภายในใจ:
“การหลุดพ้น ของคนเรา คือนิพพาน!”
ความโศกเศร้าปะทุถึงขีดสุด ผู้เข้าร่วมกว่าหมื่นคนของจัตุรัสรำลึกกำลังสร้างความสั่นพ้องทางจิตใจ
ทันใดนั้น ออเดรย์ลืมตาและหยิบขวดยาออกจากกระเป๋าหนังใบเล็กบนตัวซูซี่
เนื้อโอสถเต็มไปด้วยประกายแสงระยิบระยับ คล้ายกับเป็นสัญลักษณ์แทนทะเลจิตใต้สำนึกรวม
ออเดรย์ปราศจากความลังเล ท่ามกลางสภาพแวดล้อมปัจจุบัน หญิงสาวคลายเกลียวฝาและดื่มของเหลวด้านในเข้าไปรวดเดียวจนหมด
เธอสัมผัสถึงความผิดปรกติได้ทันที แตกต่างจากอดีตที่ต้องรู้สึกพะอืดพะอมขณะโอสถไหลผ่านหลอดอาหาร
หญิงสาวมิอาจตระหนักถึงร่างกายตัวเองได้อีก คล้ายกับทุกสิ่งของเธอแปรเปลี่ยนเป็นก้อนความคิดและหลอมรวมเข้ากับทะเลมายาโดยรอบ
นี่คือหนแรกที่ออเดรย์ได้เห็นทะเลจิตใต้สำนึกรวมโดยไม่ต้องผ่าน ‘เกาะแห่งจิต’ หรือความฝัน ประหนึ่งกำลังย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ได้ลิ้มรสอ้อมกอดมารดาเป็นครั้งแรกก่อนจะลืมตาดูโลก ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของจิตใต้สำนึกหลังจากชำระล้างตราประทับวิญญาณจากบรรพบุรุษ
หญิงสาวถูกถาโถมด้วยความกลัว บ้าคลั่ง และการกัดกร่อนทางจิตอันน่าสะพรึง ยากที่จะต่อต้านอยู่พักใหญ่ สติเลือนรางลง ‘ร่างกาย’ สั่นระริกจนใกล้เลือนหายเต็มที
อย่างไรก็ดี ‘ทะเล’ โดยรอบมิได้เงียบสงบโดยสมบูรณ์ ยังมีความผันผวนในระดับหนึ่ง คอยแผ่ความโศกเศร้าและเจ็บปวดไปทุกสารทิศ
ภายใต้อิทธิพลดังกล่าว ออเดรย์ซึ่งจิตใต้สำนึกกำลังจะหลอมรวมเป็นหนึ่งกับทะเลรอบข้าง เกิดความสั่นพ้องทางใจและถูกบุกรุกโดยความเศร้าโศกและเจ็บปวดเหนือพรรณนา
ความโศกเศร้าแพร่จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง จากความคิดไปยังความคิด จนกระทั่งเติมเต็ม ‘ก้อนความคิด’ ที่ออเดรย์กำลังเป็น แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูร่างวิญญาณและดวงจิต
ในที่สุดออเดรย์ก็ได้สติกลับมาบางส่วน จึงรีบใช้พลังปลอบโยนกับตัวเองอย่างชำนาญ คอยย้ำเตือนว่า ตนต้องขจัดการกัดกร่อนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสติจะฟื้นฟูกลับมาโดยสมบูรณ์
เสียงในโสตประสาทชัดเจนขึ้นทุกขณะ จนในที่สุดก็สั่นพ้องอย่างท่วมท้นท่ามกลางทะเลจิตใต้สำนึกรวม
“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน!”
“การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน!”
การหลุดพ้นของคนเราคือนิพพาน… ออเดรย์ทวนคำด้วยร่างกายที่กำลังมาคมชัด
ท่ามกลางกระแสความคิด หญิงสาวแยกร่างวิญญาณออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งพวกมันท่องไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวมและบุกรุกเกาะแห่งจิตของผู้คนโดยรอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ