ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1193

มีโอกาสสูงที่เทวทูตมืด ซาสเรียจะเป็นบุคลิกด้านลบที่เทพสุริยันบรรพกาลแบ่งออกมา… มิสเตอร์ประตูเคยเป็นราชาเทวทูตที่แข็งแกร่งที่สุด… ตระกูลอับราฮัมมีสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ อย่างน้อยสองชิ้น เกิดจากตะกอนพลังของเทวทูตเส้นทางผู้ฝึกหัด…. กฎพื้นฐานของโลกใบนี้คือความบ้าคลั่งและโกลาหล… ความรู้เชิงศาสตร์เร้นลับกำลังดังก้องภายในใจเฮอร์มิท แคทลียา ส่งผลให้หญิงสาวเกิดความตะลึงและสัมผัสถึงน้ำหนักมหาศาล

หากไม่ใช่เพราะชุมนุมทาโรต์ซึ่งมีมิสเตอร์ฟูลคอยคุ้มครอง รวมถึงความช่วยเหลือจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ คงเป็นการยากที่แคทลียาจะเข้าถึงความรู้เหล่านี้ด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยก็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกมา และถ้าไม่ระวังตัวให้ดี ระหว่างทางอาจเผลอดึงดูดความสนใจจากตัวตนลึกลับ หรือไม่ก็จมอยู่กับความบ้าคลั่งและเจ็บปวด

“ขอบคุณสำหรับค่าจ้างล่วงหน้า… พวกมันช่วยฉันย่อยโอสถได้มาก” แคทลียาลืมตาขึ้นและขอบคุณจากก้นบึ้ง

ตามแผนเดิม เธอเตรียมนัดพบราชินีเงื่อนงำทันทีที่ถึงเบ็คลันด์ และนั่นจะช่วยให้ได้รับความรู้บางส่วน เมื่อผนวกกับค่าจ้างล่วงหน้าของเกอร์มัน สแปร์โรว์ โอสถปราชญ์พิศวงของเธอก็น่าจะย่อยเสร็จสมบูรณ์ แต่น่าเสียดาย ไม่กี่วันก่อนที่แคทลียาจะมาถึงเบ็คลันด์ ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตได้เดินทางออกจากเมืองหลวงเพื่อตามหาเบาะแส ส่งผลให้แคทลียาผิดหวังอย่างรุนแรง

ได้ยินคำพูดเฮอร์มิท ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลหัวเราะแหบพร่า

“ทุกของขวัญมีราคาเสมอ”

ขณะเสียงดังกังวาน ชายหนุ่มหันไปผงกศีรษะให้สตรีทั้งจัสติสและเมจิกเชี่ยน เป็นการบอกใบ้ว่าประโยคเมื่อครู่หมายถึงพวกเธอด้วย

เมื่อชุมนุมย่อยจบลงและสมาชิกทุกคนทยอยออกจากปราสาทต้นกำเนิดจนครบ ไคลน์ลุกขึ้นและเดินกลับมายังหัวโต๊ะทองแดง นั่งลงบนเก้าอี้ของเดอะฟูล

ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ วางศอกไว้บนที่พักแขน ทันใดนั้น ความว่างเปล่าถัดจากเก้าอี้ไคลน์พลันเกิดคลื่นกระเพื่อม

นี่คือจุดแสงแห่งการวิงวอนที่ภาพฉายหุ่นเชิดของไคลน์สร้างขึ้น เป็นสิ่งที่มีตั้งแต่ก่อนเริ่มชุมนุมย่อย แต่ไม่มีสมาชิกคนใดมองเห็นเนื่องจากไคลน์ใช้พลังปกปิดไว้ ปัจจุบันถูกทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิม

ไคลน์เพ่งสายตาไปยังจุดแสงและขยายภาพให้กว้างไกล

บนโลกแห่งความจริง ภูเขามืดมิดกำลังเด่นตระหง่านในทัศนียภาพ บริเวณเนินเขามีโพรงถ้ำที่ทอดยาวลงมาด้านล่าง

เคยมีกลุ่มมนุษย์ที่รอดชีวิตจากมหาภัยพิบัติเข้ามาหลบอยู่ด้านใน แต่ในภายหลังได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดของหมาป่าอสูรทมิฬ โคทาร์

ในระยะหลัง ไคลน์ตระเวนไล่ตรวจสอบสถานที่ซ่อนตัวเก่าๆ ของหมาป่าอสูรทมิฬจำนวนสามแห่ง แต่ก็ไม่ได้อะไรมากนัก

เหตุผลไม่ซับซ้อน และที่นี่เองก็เช่นกัน – ในโพรงถ้ำมีชายสวมชุดคลุมสีดำทรงโบราณและหมวกปลายแหลม หน้าผากกว้าง ใบหน้าผอมเพรียว กำลังนั่งเฝ้าอยู่

อามุนด์

คล้ายกับเทวทูตกาลเวลาสัมผัสถึงการจ้องมองจากปราสาทต้นกำเนิด มันเงยหน้าขึ้นพลางขยับกรอบแว่นและยกมุมปากขึ้น

“…” ไคลน์ถอนสายตากลับ กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกขณะพึมพำ “หลอนฉิบ… ใช่ว่าหมอนี่ไม่รู้จักอดีตของหมาป่าอสูรทมิฬสักหน่อย จำเป็นต้องทำลายเบาะแสที่เราต้องการให้หมดเลยหรือ? แถมยังมาถึงก่อนหน้าเราเล็กน้อยทุกครั้ง…”

หากไม่ใช่เพราะไคลน์จนปัญญาจะเอาชนะอีกฝ่าย มันคงจับอามุนด์แขวนและซ้อมจนสาแก่ใจ

ฟู่ว… ชายหนุ่มถอนหายใจยาวพร้อมกับส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง

แต่งกายด้วยหมวกสีดำทรงกึ่งสูงและถือตะเกียงในมือ ไคลน์ยกเลิกภาพฉายและเดินออกห่างจากภูเขาโดยไม่หันหลังกลับ ตรงดิ่งเข้าไปในส่วนลึกของทุ่งกว้างที่แสนอันตราย

ย่างก้าวของไคลน์ปราศจากความลังเล ชายหนุ่มได้รับข้อมูลอย่างละเอียดของหมาป่าอสูรทมิฬ โคทาร์ จากเทพธิดารัตติกาล ส่งผลให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอุปนิสัย ธรรมชาติ และบุคลิกของ ‘เทพแห่งความปรารถนา’

การที่ไคลน์ยังต้องตระเวนสืบจุดซ่อนตัวเก่าของหมาป่าอสูรทมิฬ เป็นเพราะมันอยากยืนยันข้อมูลให้แน่ใจ ต้องไม่ลืมว่าทวีปตะวันออกคือดินแดนที่ถูกเทพทอดทิ้งมานานกว่าสามพันปี หมายความว่าหมาป่าอสูรทมิฬย่อมหลุดพ้นจากสายตาของเทพธิดารัตติกาลมาเป็นเวลานานแล้ว มีโอกาสสูงที่อุปนิสัยบางอย่างจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากวางแผนโดยยึดติดกับข้อมูลจากเทพธิดารัตติกาล มีโอกาสเล็กน้อยที่จะเกิดเหตุการณ์สั่งยิงถล่มเป้าหมายด้วยแผนที่ซึ่งยังเป็นข้อมูลเก่า

ภายใต้แรงกดดันจากอามุนด์และพระผู้สร้างแท้จริง โอกาสที่หมาป่าอสูรทมิฬจะเปลี่ยนนิสัยนั้นไม่ต่ำเลย… ตอนนี้อาจกลายพันธุ์ไปแล้วก็ได้ หรือไม่ก็สติแตกเนื่องจากความเครียด… ไคลน์อดไม่ได้ที่จะรำพัน

และจากประโยคข้างต้น คำว่า ‘หมาป่าอสูรทมิฬ’ สามารถเปลี่ยนเป็น ‘ไคลน์·โมเร็ตติ’ หรือ ‘โจวหมิงรุ่ย’ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนกาลของประโยคให้เป็นอนาคต

อีกหนึ่งเหตุผลที่ไคลน์ยืนกรานจะไล่ตามอดีตของหมาป่าอสูรทมิฬก็คือ มันต้องการตบตาอามุนด์ว่าตนยังไม่มีข้อมูล

แต่แน่นอน ของแค่นี้ไม่มีทางหลอก ‘เทพแห่งการหลอกลวง’ ได้แน่ แต่ไคลน์ทำไปเพื่อให้ตัวเองได้รับ ‘ชัยชนะทางใจ’ เพื่อบรรเทาความเครียดและลดความถี่ในการรักษากับมิสจัสติสลง

จากเท่าที่ดู หมาป่าอสูรทมิฬยังคงมีสติและเหตุผลเหมือนกับในช่วงกลางและท้ายยุคสมัยที่สอง มิได้เสียสติและกระหายเลือดเฉกเช่นตอนแรกที่รวมเข้ากับตะกอนพลังใหม่ๆ … นิสัยประจำตัวยังไม่เปลี่ยน เป็นพวกขี้ระแวง ไม่เชื่อใจแม้กระทั่งหุ่นเชิดของตัวเอง ทุกครั้งที่ย้ายถิ่นฐานจะทิ้งหุ่นเชิดทั้งหมดพร้อมกับตัดการเชื่อมต่อ… ดูเหมือนว่ามันจะอพยพมาจากฝั่งตะวันออกจนถึงที่นี่… คิดถึงตรงนี้ ไคลน์พักสมองพลางหันไปยังทิศทางหนึ่งตามสัญชาตญาณ

สีหน้าชายหนุ่มทวีความเคร่งขรึม จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมากดหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง

จากนั้น ไคลน์หมุนตัวและเดินไปยังทิศทางที่ดวงตาจ้องมอง

ทิศตะวันออก

ท่ามกลางความมืดมิดไร้ก้นบึ้ง ตะเกียงในมือชายหนุ่มคอยสร้างเงาดำแห่งความอ้างว้างเป็นระยะ ในสภาพที่เสื้อกันลมตัวยาวกลมกลืนไปกับยามค่ำคืน ฝีเท้าไคลน์เร่งขึ้นจากปรกติเล็กน้อย

กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี ภายในคฤหาสน์สุดหรูของเอิร์ลฮอลล์

ออเดรย์นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ภายในหัวครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธี ‘ล่อเหยื่อ’ อย่างสมเหตุสมผล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ