ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1196

สรุปบท ราชันเร้นลับ 1196 : ลูกเป็ดขี้เหร่: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ตอน ราชันเร้นลับ 1196 : ลูกเป็ดขี้เหร่ จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ราชันเร้นลับ 1196 : ลูกเป็ดขี้เหร่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ด้านในชั้นบนสุดของกล่องวันวานที่ถูกเปิดค้างไว้มีโต๊ะยาว เก้าอี้ ฟอร์ส และตุ๊กตาอีกจำนวนหนึ่ง บ้างแน่นิ่ง บ้างเคลื่อนไหวซ้ำๆ ตามกลไก

ได้เห็นฉากตรงหน้า เส้นขนทั่วร่างโบทิสพลันลุกตั้งชั้น มันรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่าตนกำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง

ขณะเตรียมใช้พลังกับสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ ในมือตัวเอง โบทิสเหลือบเห็นสตรีในชุดคลุมหัวสีดำลายม่วงข้างรถม้าฟักทอง ทำการเลื่อนมือขวาขึ้นมาป้องปากในท่ากำหลวม

แตรเขาสัตว์โบราณสีเข้มพลันควบแน่นในฝ่ามือหญิงสาว บรรยากาศรอบตัวหนักแน่นและทรงพลังขึ้นมาทันที

‘แตรเวทมนตร์’ แตรแห่งการทำลายล้าง!

รูม่านตาโบทิสเบิกกว้างทันที มันไม่สนใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับกล่องวันวานอีกต่อไป รีบจับคว้าด้านหน้าด้วยมือขวา จากนั้นก็ยกสิ่งที่คล้ายกับฉากกั้นล่องหนขึ้น

ห้วงมิติที่มันยืนถูกบิดเบือนอีกครั้ง ร่างโบทิสหายไปและเข้าสู่ภาวะซ่อนเร้น

วู—!

แตรเขาสัตว์ในมือแคทลียาส่งเสียงแผ่วเบา เกิดเสียงสะท้อนภายในห้องโดยไม่เล็ดลอดออกไปด้านนอก

ท่ามกลางคลื่นเสียงที่ดังซ้อนทับ เงาดำแตกกระจัดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย พื้นห้องแตกร้าวเป็นทางยาว ห้วงมิติซ่อนเร้นของโบทิสมีสภาพคล้ายกับถูกค้อนยักษ์กระแทกใส่ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยแตกที่ถักสานเข้าด้วยกัน

อีกด้านหนึ่ง อัศวินร่างใหญ่ในชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีดำพุ่งตัวออกจากเงามืด ในมือถือดาบยักษ์ที่ยาวและกว้าง เบ้าตาส่องแสงสีแดงเข้ม

นักบุญมือ คิสม่า

วู—!

แคทลียาเป่าแตรอีกครั้ง ทุกสิ่งภายในห้องถูกแช่แข็งทันทีและมีบางสิ่งคล้ายอำพันสีเหลืองปกคลุม

‘อำพัน’ แตกละเอียดอย่างเงียบงัน เช่นเดียวกันกับอัศวินเกราะดำ มันล้มลงพื้นจนร่างกายแตกกระจายกลายเป็นเศษแก้ว

มิติซ่อนเร้นที่บิดเบี้ยวเริ่มกลับสู่ความจริง

แต่นักบุญเร้นลับ โบทิส ฉวยโอกาสระหว่างรอยต่อการเป่าแตรทั้งสองครั้ง เสกบานประตูยามายาจำนวนมากขึ้นรอบตัว

บ้างเป็นประตูคู่ที่เปิดอ้าอย่างต้อนรับ บ้างปิดสนิทและลุ่มลึก บ้างปกคลุมไปด้วยลวดลายซับซ้อน และบ้างถูกเจาะตรงกลาง เผยให้เห็นความมืดมิดไร้ขอบเขตด้านใน

บานประตูมายาเหล่านี้มีจำนวนมหาศาล เรียงรายเบียดเสียดซ้อนทับ แทบจะห่อหุ้มนักบุญเร้นลับ โบทิสไว้ด้านใน

โบทิสไม่มัวคิดมาก และไม่มีเวลาให้คิดนานกว่านี้ มันรีบเปิดประตูมายาบานสีเทาอมฟ้าซึ่งมีรูกุญแจทองเหลืองเจ็ดรู จากนั้นก็รีบโยนกล่องวันวานที่กำลังจะเปิดชั้นกลางด้วยตัวเองเข้าไปด้านใน

นี่คือพลัง ‘เนรเทศ’ ของจอมเวทลึกลับ สามารถโยนสิ่งที่กำลังควบคุมเข้าไปในห้วงมิติปลายทางอันปั่นป่วน ประตูมายาแต่ละบานหมายถึงปลายทางที่แตกต่างกันไป มีทั้งอันตรายและโอกาสรอดผสมปนเป

การเนรเทศด้วยพลังดังกล่าวจะไม่ส่งผลถาวร ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของโบทิส มันสามารถตัดขาดกล่องวันวานจากโลกแห่งความจริงได้เพียงยี่สิบวินาที และเมื่อครบกำหนด สมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ ก็จะถูกส่งกลับมายังข้างกายโบทิสผ่านประตูมายาบานเดิม

แต่เมื่อถึงเวลานั้น ‘การทรยศ’ ที่เกิดจากอิทธิพลของพลังศัตรูก็คงเลือนหายไปแล้ว

ในฐานะครึ่งเทพเส้นทางผู้ฝึกหัด โบทิสเคยเดินทางไปยังหลากหลายสถานที่ เคยพบเห็นหลายสิ่ง และเคยบันทึกพลังพิเศษหลายชนิด การตัดสินใจของมันจึงเกิดขึ้นอย่างฉับไวและแม่นยำ

ขณะเดียวกัน เศษอัศวินดำที่แตกกระจัดกระจายเต็มพื้นเริ่มดีดดิ้นและเรียงตัวใหม่ พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นก้อนเนื้อแผ่นบางปกคลุมไปทั่วทุกซอกมุมห้อง

ในฐานะลัทธินอกรีตที่ต้องคอยซ่อนตัวในเงามืดของโลกความจริง ชุมนุมแสงเหนือเต็มไปด้วยคนบ้า แต่กระนั้น สันดานพื้นฐานของพวกมันกลับค่อนข้างระมัดระวังตัว หากยังไม่บรรลุเป้าหมายใหญ่ พวกมันจะไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งจนไปดึงดูดสายตาหน่วยพิเศษของทางการ

แต่แน่นอน หากกำลังเผชิญวิกฤติเลวร้ายถึงขีดสุด พวกมันก็ไม่ลังเลเลยที่จะเปิดเผยตัวตนอันน่าสะพรึง

นอกจากนั้น นักบุญมืด คิสม่ายังหวังจะสกัดกั้นการมาถึงของกำลังเสริมศัตรู เป็นการแบ่งสนามรบออกเป็นหลายส่วน

เมื่อชั้นของเลือดเนื้อทยอยงอกเงยขึ้นจากพื้นห้อง ผนัง และเพดาน เงาดำที่บิดเบี้ยวและสั่นไหวร่างหนึ่งโผล่ขึ้นจากมุมห้อง

นี่คือหนึ่งในดวงวิญญาณที่นักบุญมืด คิสม่า ต้อนแกะ

แวมไพร์ทรงพลังจากดินแดนเทพทอดทิ้ง ตะกอนพลังของมันสอดคล้องกับ ‘ราชาหมอผี’ ลำดับสี่ แห่งเส้นทางจันทรา

หากคนเลี้ยงแกะทำการ ‘ต้อนแกะ’ ครึ่งเทพเข้าไป พวกมันสามารถปล่อยครึ่งเทพซึ่งมีร่างวิญญาณแข็งแกร่งออกมา ‘กินหญ้า’ ภายนอกได้อย่างอิสระ เพียงแต่จะไม่สามารถปล่อยได้มากกว่าครั้งละหนึ่งดวง เว้นเสียแต่คนเลี้ยงแกะจะพัฒนาไปเป็นลำดับ 3 ‘นักบุญสามหน้า’

ฉวยโอกาสที่แตรเขาสัตว์ของครึ่งเทพสตรีข้างรถม้าฟักทองกำลังเลือนหาย เงาดำที่เป็นราชาหมอผีใช้แขนกระชากดวงตาสีแดงของตัวเองออกมาจากเบ้าหนึ่งข้าง

ดวงตาดังกล่าวส่องประกายสีแดงเข้มข้น มอบความสว่างไปทั่วห้องในคราวเดียว ประหนึ่งพระจันทร์แดงกำลังเสด็จเยือนที่นี่

กระจกตาของมันกำลังสะท้อนภาพสตรีในชุดคลุมหัวสีดำลายม่วง

ทันทีหลังจากนั้น เงาดำที่เป็นราชาหมอผีขยับแขนข้างที่ถือดวงตาและทำการฉาบ ‘ดวงจันทร์’ ด้วยความมืดมิด

ความมืดอันเข้มข้นปรากฏขึ้นรอบตัวแคทลียา ส่งผลให้เธอมิอาจขยับเขยื้อนร่างกายจนดูคล้ายกับถูกแช่แข็ง

โบทิสไม่มีความคิดที่จะสังหารศัตรู เพราะที่นี่คือเบ็คลันด์ หากความวุ่นวายจากการต่อสู้รุนแรงเกินกว่าจะควบคุมและแพร่กระจายเป็นวงกว้าง มันอาจต้องเผชิญหน้ากับเทวทูตของหน่วยพิเศษทางการ
ไอรีนโนเวล
การที่มันลงมือตอบโต้หนึ่งยกก่อนจะเทเลพอร์ตหนี เป็นเพราะต้องการสะกดศัตรูให้อยู่ในสถานะตั้งรับจนไม่สามารถขัดขวางการหลบหนีของตนและนักบุญมืด นี่เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

สำหรับคำถามที่ว่า ‘หงส์’ เกี่ยวข้องกับผู้วิเศษลำดับสี่ เส้นทางผู้ส่องความลับอย่างไร คำตอบนั้นไม่ซับซ้อน:

ร่างสัตว์ในตำนาน!

ลูกเป็ดขี้เหร่ที่โตไปเป็นหงส์!

นี่คือเวทมนตร์ทรงพลังซึ่งช่วยให้ปราชญ์พิศวงสามารถเผยร่างสัตว์ในตำนานได้อย่างปลอดภัยวันละหนึ่งครั้ง ครั้งละสิบวินาที

ผิวกายแคทลียาทยอยปริแตกทีละจุด โดยในจุดที่ปริแตก เลือดเนื้อด้านในรวมตัวกันกลายเป็นลูกตาสีดำและขาว

ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนกวาดมองไปยังทุกทิศโดยรอบอย่างเย็นชา คล้ายกับพวกมันกำลังแผ่มวลความรู้มหาศาลให้แทรกซึมไปในอากาศ ทุกสิ่งที่ถูกกระแสความรู้เหล่านี้ชอนไชจะแปรเปลี่ยนเป็นความมืดสีดำที่พร่ามัว ดูคล้ายภาพวาดนามธรรมซึ่งขาดความสมจริง

เมื่อได้เห็นกลุ่มก้อนดวงตาสีดำเข้ม นักบุญเร้นลับ โบทิส และนักบุญมืด คิสม่าพลันวิงเวียนศีรษะเนื่องจากถูกพายุแห่งความรู้บุกรุกจิตใจ

ชั้นเลือดเนื้อที่กำลังปกคลุมทุกซอกมุมห้องพลันสั่นสะเทือนแผ่วเบา บ้างร่วงหล่นและบ้างยุบพองอย่างน่าขยะแขยง

ทันใดนั้น กระแสออร่าหนึ่งพุ่งทะลวงผ่านกำแพงเลือดเนื้อและพรั่งพรูเข้ามาในห้องชั้นหนึ่งของหอพักทรุดโทรม

นักบุญเร้นลับ โบทิส และนักบุญมืด คิสม่า ต่างพากันตกตะลึงเนื่องจากร่างกาย จิตใจ และวิญญาณของพวกมันอยู่ในสถานะที่มิอาจควบคุม

นี่คือ ‘มังกรข่มขวัญ’ ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพจนมีชื่อใหม่ว่า ‘ช่วงชิงจิตใจ’ !

ฉวยโอกาสดังกลาว ร่างที่เต็มไปด้วยดวงตาและรอยปริแตกแปรเปลี่ยนเป็นก้อนพลังงานสีดำ จากนั้นก็ควบแน่นกลายเป็นหอกยาวหนึ่งเล่ม

เป็นหอกทรงโบราณ ตั้งแต่ด้ามจนถึงส่วนปลายมีรอยเลือดสีแดงเปรอะเปื้อนเป็นทางยาว

คมหอกแผ่บรรยากาศทำลายล้างและความกระหายเลือดที่ทรงพลัง ประหนึ่งเคยทำให้สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่บางตนต้องเจ็บปวด

ท่ามกลางเสียงแหวกอากาศ หอกที่น่าสะพรึงพุ่งตรงไปยังนักบุญเร้นลับ โบทิสซึ่งกำลังยืนนิ่ง

สุ้มเสียงทั้งหมด รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยส่วนใหญ่ภายในห้องพลันอันตรธานหาย แม้แต่พลัง ‘มังกรข่มขวัญ’ ก็สลายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก มีเพียงปลายหอกเปื้อนเลือดที่กำลังลดระยะห่างจากร่างของโบทิสเข้าไปทุกที

หอกลองกินุส!

………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ