ไคลน์สามารถผนึกออร่าสายหมอกได้หลังจากกลายเป็นครึ่งเทพและหลอมรวมเข้ากับปราสาทต้นกำเนิดในระดับหนึ่ง สิ่งนี้ช่วยให้ชายหนุ่มรอดพ้นจากปัญหามากมาย เพราะไม่อย่างนั้นความผิดปรกติดังกล่าวจะถูกตรวจพบโดยผู้วิเศษเส้นทาง ‘โชคชะตา’ ได้ง่ายดายเกินไป
เมื่อถูกวิลอัสตินเตือนความจำ ไคลน์ผุดแนวคิดใหม่ได้มากมาย
ในตอนที่เรายังทำได้แค่ผูกมัดตัวเองเข้ากับปราสาทต้นกำเนิดในระดับผิวเผิน ออร่าของสายหมอกรุนแรงจนแม้แต่นักบุญเส้นทางโชคชะตาก็ยังไม่กล้าจ้องหน้าเราโดยตรง คล้ายกับการที่ผู้วิเศษระดับกลางและต่ำได้เห็นร่างสัตว์ในตำนาน…แต่ตอนนี้เรามีโอกาสทำให้ผลข้างเคียงดังกล่าวรุนแรงขึ้นเนื่องจากควบคุมปราสาทต้นกำเนิดได้มากขึ้น…แต่นั่นจะเพียงพอสำหรับเล่นงานเทวทูตที่เป็นสัตว์ในตำนานร่างสมบูรณ์จริงหรือ? ปราสาทต้นกำเนิดมีพลังที่แท้จริงใกล้เคียงลำดับศูนย์เป็นอย่างน้อย? ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เพราะถ้าเป็นไปตามข้อสันนิษฐานเดิมของเรา มันต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าลำดับศูนย์เสียอีก…หรือว่าปราสาทต้นกำเนิดเองก็มีคุณสมบัติ ‘ยิ่งรู้จัก ยิ่งถูกกัดกร่อน’ เหมือนอวกาศ? สมองไคลน์ผุดความคิดมากมายประหนึ่งพายุสายฟ้ากำลังผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
ชายหนุ่มคิดแผนหนึ่งขึ้นมาได้เมืองกลับไปยังดินแดนเทพทอดทิ้ง มันจะตามหาสัตว์ประหลาดในความมืดมาทดสอบอิทธิพลของสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ จากนั้นจึงค่อยพิจารณาว่าวิธีนี้ได้ผลหรือไม่
ไคลน์ยิ้มพลางพูดกับเด็กทารกหนึ่งขวบ
“ผมเข้าใจความนัยของคุณแล้ว…เดี๋ยวจะให้คนส่งไอศกรีมไป”
วิลอัสตินในผ้าห่อไหมเงินและรถเข็นเด็กสีดำบรรจงเบือนสายตาไปทางด้านข้าง
“ไม่… นั่นไม่จำเป็น…ช่วงนี้ข้ากินไอศกรีมมากเกินไปจนเริ่มส่งผลต่อพัฒนาการร่างกายแล้ว…”
ไคลน์ขมวดคิ้ว
“ไอศกรีมแท้เกรดสูงสุดผลิตจากกรุงทรีอาร์แห่งอินทิสโดยตรง?”
“…ส่งมาสัปดาห์หน้า” วิลอัสตินตอบหลังจากลังเลสักพัก
ทารกวัยหนึ่งขวบในรถเข็นหมุนตัวเอาหน้าซุกหมอนใบเล็กหลังจากพูดจบ
ไคลน์ไม่กล่าวคำใดต่อเนื่องจากมิสเมจิกเชี่ยนมีพลังวิญญาณจำกัด มันอาศัยความพิเศษของตัวเองบังคับตื่นและลุกจากเตียง
ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มเหยียดแขนออกไปจับอากาศหลายครั้ง
แขนของมันทรุดลงหลังจากผ่านไปสี่ถึงห้าครั้ง ไคลน์ชักมือพร้อมกับดึงสตรีผู้แต่งกายในชุดคลุมโบราณและเข็มขัดเปลือกไม้ออกมา เส้นผมของเธอสีดำขลับ เท้าสองข้างเปลือยเปล่า ใบหน้าธรรมดาปราศจากจุดเด่น
หัวหน้านักบวชแห่งโบสถ์รัตติกาล บริวารอำพราง อาเรียนน่า!
เวลาเดียวกันในหอพักเขตฮิลสตัน ฟอร์สซึ่งกำลังนอนบนเก้าอี้เอนหลังพลันรู้สึกประหนึ่งถูกดึงด้วยด้ายล่องหนจนต้องลุกขึ้นนั่ง เส้นเลือดบนหน้าผากกำลังปูดโปนและเต้นแรง
คล้ายกับพลังวิญญาณของฟอร์สกำลังพรั่งพรูเข้าไปในความว่างเปล่าตรงหน้า และไม่ว่าจะทำอย่างไรก็มิอาจหยุดภาวะดังกล่าว อีกไม่นานคงถูกสูบออกไปจดแห้งเหือด
การพรั่งพรูบรรเทาลงเล็กน้อยในวินาทีถัดมา แต่ยังคงน่ากลัวไม่แปรเปลี่ยน ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะรับมือไหวในปัจจุบัน
ภายในห้องพักโรงแรม ไคลน์ยิงคำถามทันทีที่เห็นร่างของมาดามอาเรียนน่าก่อตัวสำเร็จ
“ผมมีแผนจะร่วมมือกับคนบางกลุ่มเพื่อสังหารราชาหมอผีแห่งโรงเรียนกุหลาบ”
อาเรียนน่าผงกศีรษะอ่อนโยนเป็นนัยว่าเข้าใจ แต่มิได้มอบคำแนะนำ
เมื่อเห็นว่าหัวหน้านักบวชรายนี้มิได้ตักเตือน ไคลน์เริ่มคลายกังวลในแผนการล่าราชาหมอผี
“ผมวางแผนจะล่าหมาป่าอสูรทมิฬในอนาคตอันใกล้”
อาเรียนน่าขยับปากเล็กน้อย
“จงระวัง”
…หมายความว่าเราไม่ควรประมาทหมาป่าอสูรทมิฬโคทาร์? สติของไคลน์เริ่มพร่ามัวขณะเตรียมถาม มันพบว่าสตรีฝั่งตรงข้ามและภาพสะท้อนของตนบนกระจกตาเธอกำลังเลือนหายไปพร้อมกัน
ตุ้บ!
ฟอร์สทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เอนหลังด้วยร่างกายสั่นกระตุก
“เหนื่อยกว่าเขียนนิยายทั้งคืนอีก…” หญิงสาวขบกรามแน่นพลางเข้าฌานให้ตัวเองหลับสนิท
ภาวะการอ่อนเพลียเฉียบพลันอาจส่งผลให้เป็นโรคนอนไม่หลับได้ในบางครั้ง
…
ดินแดนเทพทอดทิ้ง ใกล้กับซากเมืองโบราณนอร์ธทางทิศเหนือ ไม่มีใครอาศัยอยู่ในความมืดมิดอันรกร้าง
ไคลน์เดินวนไปมาสักพักเพื่อยืนยันตำแหน่งตัวเองโดยถือตะเกียงสีเหลืองในมือ
จากนั้นมันนั่งลงบนหินก้อนหนึ่ง ตามด้วยการสลายผนึกออร่าสายหมอกที่ถูกตัดขาดจากโลกความจริง
ด้วยหลักการเดียวกัน ไคลน์ทำการเสริมแกร่งภาพฉายของปราสาทต้นกำเนิดบนร่างกาย
ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนให้สัตว์ประหลาดในความมืดกลายเป็นหุ่นเชิดหลังจากเตรียมการเสร็จ
หุ่นเชิดเดินออกจากความมืด มันเข้าใกล้ไคลน์และจ้องมองด้วยตาเปล่าโดยอาศัยแสงจากตะเกียง
ในการมองเห็นของหุ่นเชิด หากไม่นับเรื่องที่ไคลน์มีดวงตาลุ่มลึกกว่าปรกติและบรรยากาศรอบตัวซึ่งยากจะอธิบาย การเปลี่ยนแปลงด้านอื่นเกิดขึ้นไม่มากนัก
หลังจากเปลี่ยนชนิดของหุ่นเชิดเพื่อทดสอบสักพัก ไคลน์สามารถยืนยันได้ว่าคนธรรมดาและผู้วิเศษส่วนใหญ่ มิอาจมองเห็นออร่าสายหมอกของปราสาทต้นกำเนิดบนร่างกายตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ