เร้นลับ… หัวใจไคลน์เริ่มสั่นคลอนเมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ใจอยากส่งตัวเองกลับเข้าไปในปราสาทต้นกำเนิดเพื่อหนีจากที่นี่ทันที
แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไร้ผล ร่างวิญญาณยังคงติดอยู่ในร่างเนื้อโดยไม่มีความเปลี่ยนแปลง
ให้ตายสิ… ไคลน์ขมวดคิ้วชนกันพลางหันไปมองไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ด้านข้าง มันพบว่ามิสผู้ส่งสารของตนกำลังตั้งท่าคล้ายเตรียมต่อสู้กับศัตรูที่น่าสะพรึง ความมืดสนิทรอบตัวถูกแช่แข็งประหนึ่งทะเลสาบเย็น สายฟ้าหยุดการผ่าลงมาจากเบื้องบน
เร้นลับ… ไคลน์เริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อลองไตร่ตรองเกี่ยวกับชื่อดังกล่าว
ชื่อนี้มิได้แปลกหูสำหรับชายหนุ่มสักเท่าไร แต่คนสุดท้ายที่เรียกไคลน์ว่า ‘เร้นลับ’ คือเทพสุริยันบรรพกาลจากสองพันปีก่อน ย้อนกลับในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนที่จะตาย พระผู้สร้างที่เมืองเงินพิสุทธิ์นับถือรายนี้สัมผัสถึงการทำนายของไคลน์และเปล่งนามดังกล่าวข้ามผ่านกระแสแห่งเวลามายังสมัยปัจจุบัน!
ไม่มีทาง… พระผู้สร้างแท้จริงคือเทพสุริยันบรรพกาล? ไม่ใช่… พระผู้สร้างแท้จริงน่าจะอยู่แค่ลำดับ 0 ส่วนเทพสุริยันบรรพกาลต้องสงสัยว่าจะอยู่เหนือลำดับ… และจากท่าทีของอามุนด์ เทพสุริยันบรรพกาลน่าจะร่วงหล่นไปแล้วจริงๆ … หรือว่าพระผู้สร้างแท้จริงจะเป็นทารกสีดำที่เกิดจากท้องเทพสุริยันบรรพกาลโดยสืบทอดตะกอนพลังและความทรงจำมาบางส่วน เป็นร่างที่เสื่อมทรามของพระผู้สร้างคนนั้น? ไคลน์พยายามรวบรวมความสุขุมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากสถานการณ์ตรงหน้า
ทันใดนั้นเอง วังวนภายในผ้าคลุมที่สร้างจากม่านเปล่งเสียง:
“จงไปที่วังราชาคนยักษ์และพบซาสเรีย”
ประโยคดังกล่าวดังก้องในใจไคลน์สักพักก่อนจะก่อนตัวเป็นอักขระมายา อักขระดังกล่าวบีบอัดเข้าด้วยกันและห่อหุ้มด้วยชั้นบางๆ สีดำจนกลายเป็น ‘เมล็ดพันธุ์’ ที่แปลกประหลาด
เมล็ดพันธุ์ดังกล่าวลอยเข้าไปในร่างเนื้อและร่างวิญญาณไคลน์ จากนั้นก็หลอมรวมเป็นหนึ่ง
วังวนสีดำสลายไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ไคลน์ตอบสนอง ม่านในรูปลักษณ์ผ้าคลุมที่สูญเสียพลังค้ำจุนพลันร่วงหล่นลงพื้น
ชิ้นส่วนความคิดที่พระผู้สร้างแท้จริงส่งลงมา ตอนนี้กำลังกัดเซาะร่างวิญญาณและร่างเนื้อของเราบางส่วน… เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปที่วังราชาคนยักษ์และเปิดประตูตำหนักบรรทมของซาสเรีย… นี่คือปริศนาที่เหล่าทวยเทพต้องการทราบคำตอบ แต่กลับกลายเป็นพระผู้สร้างแท้จริงที่บีบบังคับเราทางอ้อมหลังจากเฝ้ามองมานาน… ไคลน์มองไปรอบตัวสักพักก่อนจะอัญเชิญตัวเองในอดีตออกมาเก็บม่าน
จากนั้นก็พูดกับมิสผู้ส่งสารโดยปราศจากความลังเล
“เราต้องรีบหนี!”
พระผู้สร้างแท้จริงส่งเจตจำนงลงมาถึงแล้ว ดังนั้นอามุนด์จะอยู่ห่างสักแค่ไหนเชียว?
นอกจากนั้น ไคลน์ยังต้องหาโอกาสขึ้นไปบนมิติเหนือสายหมอกโดยหวังว่าปราสาทต้นกำเนิดจะมีอำนาจในการขจัดการกัดเซาะที่ตนได้รับ
“ตกลง” ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พยักหน้าพร้อมกับเสกให้ตะกอนพลังจำนวนมากในหลุมลึกลอยเข้ามาผสานกับตัวเธอ
ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า สมบัติที่ล่าได้จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับลำดับสูงของเส้นทางนักทำนาย และส่วนที่สองคือที่เหลือ ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์จะได้ครอบครองครึ่งหนึ่งของส่วนที่สองโดยมีสิทธิ์เลือกก่อน เพราะต้องไม่ลืมว่าไคลน์เองก็ได้ส่วนแบ่งเหมือนกันในตอนที่จัดการกับราชาหมอผีคารามัน
สำหรับอีกครึ่งหนึ่งของส่วนที่สอง ไคลน์มีแผนจะสังเวยให้เทพธิดารัตติกาลเพื่อแสดงความขอบคุณ โดยไม่ว่าเทพแท้จริงรายนี้จะต้องการพวกมันหรือไม่ ชายหนุ่มก็อยากแสดงความจริงใจและมารยาทให้อีกฝ่ายเห็น สองสิ่งนี้จะมีคุณค่าเมื่อนำออกมาใช้ในจังหวะที่เหมาะสม
เก็บกวาดสนามรบเสร็จ ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ลอยเข้าไปในกล่องบุหรี่โลหะและสิงอยู่บนผิวเหรียญทอง
ไคลน์ไม่รีบร้อนผนึกกล่อง เพียงถือไม้เท้าดวงดาวและเริ่มจินตนาการภาพ
เป็นภาพของหนึ่งในฉากที่มันบันทึกไว้ขณะตระเวนสำรวจภูมิประเทศ
เมื่ออัญมณีบนไม้เท้าสว่างวาบ ไคลน์อันตรธานหายไปจากหลุมลึกโดยสมบูรณ์
ไม่กี่วินาทีถัดมา ห้วงมิติใกล้กับหลุมใหญ่เกิดบิดเบี้ยวพร้อมกับมีสัตว์ขนาดเล็กซึ่งยากจะมองด้วยตาเปล่าคลานออกมา
สิ่งมีชีวิตดังกล่าวพองตัวขึ้นจนกลายเป็นอามุนด์ที่สวมแว่นตาขาเดียว
มุมปากอามุนด์ยกโค้งเล็กน้อยขณะใช้มือจับกรอบแว่น:
“ในที่สุดก็มีคนเปิดประตูบานนั้นสักที”ไอลีนโนเวล
…
หลังจากเทเลพอร์ตสองครั้งติดต่อ ไคลน์ล้วงหยิบกล่องบุหรี่โลหะที่มิสผู้ส่งสารซ่อนตัวอยู่ออกมาและใช้ไม้เท้าดวงดาวสร้างผนึกคลุมหลายชั้น – เป็นผนึกที่จะสลายไปในยามถูกตนสัมผัส
ถัดมา ชายหนุ่มเข้าไปในสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์และวิ่งตรงไปยังช่วงเวลาก่อนยุคสมัยที่หนึ่ง จากนั้นก็กลับปราสาทต้นกำเนิดด้วยระบบ ‘ส่งกลับในพริบตา’ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการไม่ยอมตอบสนองดวงดาวสีแดง
ท่ามกลางเสียงเพรียกที่ดังกังวาน ไคลน์สัมผัสได้ว่าการกัดเซาะที่อยู่ในร่างวิญญาณของตนเริ่มหลั่งไหลมารวมกันและขดตัวเป็นลูกบอล แต่พวกมันยังคงสภาพไว้ได้แม้จะผ่านกระบวนการชำระล้างหลายครั้ง
นี่คือพลังและคุณสมบัติของเทพแท้จริง? นั่นสินะ แถมยังเป็นถึงเทพแท้จริงในขอบเขตความเสื่อมทราม… ไคลน์ที่นั่งบนเก้าอี้เดอะฟูลเริ่มขมวดคิ้วขณะสำรวจอาการตัวเอง
การกัดเซาะจากเทพแท้จริงนั้นไม่รุนแรงนัก หากถูกนำออกจากร่างวิญญาณไคลน์ พวกมันคงสลายตัวภายในไม่กี่วินาทีบนสายหมอกสีเทา และนี่คือเหตุผลที่ไคลน์กล้าส่งตัวเองขึ้นมายังปราสาทต้นกำเนิดทันทีโดยไม่กังวลถึงอันตราย
ขณะเดียวกันก็ได้ทราบว่า การกัดเซาะชนิดนี้จะไม่มีวันหายไปหากไม่ฆ่าตัวตาย
อาศัยพลังทำนายและความช่วยเหลือด้านอื่น ไคลน์ค้นพบคุณสมบัติของการกัดเซาะดังกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ