หมู่เกาะรอสต์ ในป่าดงดิบด้านนอกเมืองบายัม
ผู้นำกลุ่มต่อต้านที่มารวมตัวกันในถ้ำ กำลังจ้องมองข้ารับใช้แห่งเทพสมุทรผู้แต่งกายในชุดคลุมสีดำ ขนคิ้วสีทอง และดวงตาสีน้ำเงินเข้มด้วยความเคารพยำเกรง
“ท่านเดนิส นี่คือโอกาส!” ชายหัวล้านเคราสีครามผู้นั่งบนรถเข็น ไครัท กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
พวกพ้องของมัน เอ็ดมันตันผู้แต่งหน้าด้วยแถบสีแดงสั้น รีบเสริมทันที
“ท่านเดนิส หน่วยข่าวกรองของเรายืนยันว่าบายัมกำลังวุ่นวายสุดขีด ไม่ว่าจะโบสถ์วายุสลาตันหรือเทศบาล ทุกคนต่างพะว้าพะวังกับเรื่องที่กรุงเบ็คลันด์กำลังถูกกองทัพฟุซัคล้อมโจมตี”
กล่าวถึงตรงนี้ เอ็ดมันตันชำเลืองไปทางไครัทและส่งสัญญาณให้คนที่รับผิดชอบก้าวออกมาเล่าถึงรายละเอียด
ไครัทจ้องลอร์ดเดนิสรักษามาดครึ่งขรึมก่อนจะเรียบเรียงประโยค:
“พวกมันกำลังขัดแย้งภายในอย่างชัดเจน บางส่วนต้องการส่งกองทัพกลับไปช่วยเบ็คลันด์ แต่บางส่วนยืนกรานว่าจะคอยปักหลักปกป้องบายัมและหมู่เกาะรอสต์เพื่อให้เป็นฐานที่มั่นสำคัญ… ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้กองทัพกับโบสถ์วายุกำลังคิดไม่ตกและเผยช่องโหว่เต็มไปหมด… ท่านเดนิส นี่คือโอกาสของเรา! หากยอมทำตามข้อเสนอของกองทัพฟุซัคและเฟเนพ็อต เราสามารถร่วมมือกับพวกนั้นเพื่อทวงคืนอาณาจักรกลับมาเป็นของตัวเองได้!”
ก็เป็นโอกาสจริงๆ นั่นแหละ… แต่อำนาจตัดสินใจอยู่กับฉันหรือไง? ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย! เดนิสที่ฟังข้อเสนอของผู้นำกลุ่มต่อต้านอย่างเงียบงันทำได้เพียงรำพันในใจ
ในฐานะที่เกิดมาเป็นชาวอินทิส โจรสลัดและนักล่าสมบัติคนดังรายนี้ย่อมไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะโจมตีอาณานิคมของโลเอ็น ภายในใจปราศจากความลังเลหรือสงสารโดยสิ้นเชิง
แต่แน่นอน มันไม่ได้รู้สึกผูกพันกับอินทิสสักเท่าไร และอันที่จริง สมัยยังเป็นนักล่าสมบัติกึ่งโจรสลัด เดนิสชื่นชอบการปล้นเรือสินค้าสัญชาติอินทิสมากเป็นพิเศษ เพราะนั่นหมายถึงบนเรือจะเต็มไปด้วยสินค้าราคาแพง
การที่เดนิสยังไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดหลังจากได้ฟังคำแนะนำจากบรรดาผู้นำกลุ่มต่อต้าน เป็นเพราะ ‘นักวางแผน’ อย่างมันมีสติปัญญาสูงพอจะตระหนักจุดยืนของตัวเอง:
ตัวมันเป็นแค่เครื่องมือสื่อสารเท่านั้น!
เครื่องมือที่คอยรับส่งข้อความระหว่างหัวหน้ากลุ่มผู้นำและเกอร์มัน·สแปร์โรว์!
เกอร์มัน·สแปร์โรว์น่าจะเป็นชาวโลเอ็น ถ้าเราลงมือในเรื่องสำคัญส่งเดช มีแววที่จะไม่อยู่จนเห็นดวงอาทิตย์ของวันถัดไป… แต่ในอดีตที่ผ่านมา หมอนั่นทำตัวเหมือนไม่แยแสโลเอ็นเลยสักนิด… แม่เย็*! คนอะไรเข้าใจยากชะมัด! เดนิสกระแอมแห้งก่อนจะมองไปรอบตัว
“นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก… จงไปเตรียมแท่นบูชาที่สะอาดและเงียบสงบ ฉันจะสวดวิงวอนถึงพระองค์”
สำหรับองค์กรที่นับถือเทพสมุทร คำขอร้องเช่นนี้ถือว่าปรกติในสายตาสาวกเดนตายอย่างไครัท เอ็ดมันตัน และคนที่เหลือ อาจพูดได้ว่าเป็นสิ่งที่พวกมันคาดหวังให้เกิดขึ้น ทุกคนจึงเร่งมือจัดเตรียมพิธีกรรมด้วยความกระฉับกระเฉง
…
กลุ่มต่อต้านบนหมู่เกาะรอสต์เริ่มทนนิ่งดูดายไม่ไหวแล้วหรือ… พวกเขาอยู่มาได้นานขนาดนี้เพราะมีการสนับสนุนลับๆ จากกองทัพเฟเนพ็อตและฟุซัค ไม่อย่างนั้นคงถูกกองทัพโลเอ็นกับโบสถ์วายุกวาดล้างไปนานแล้ว… และเป็นเราเองที่บอกให้พวกเขารับความช่วยเหลือจากอาณาจักรต่างๆ … ไคลน์ถอนหายใจยาวหลังได้ยินรายงานจากเดนิส
มันกำลังนั่งเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวภายในวังโบราณ หลังจากไตร่ตรองสักพักก็ตัดสินใจเสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์ขึ้นมา
นักผจญภัยเสียสติรีบทำท่าสวดวิงวอนอย่างเคร่งขรึมและพูดเสียงต่ำ
“…อาศัยโอกาสนี้เจรจากับเบื้องบนของโบสถ์วายุสลาตันและเทศบาล สร้างแรงกดดันให้พวกมัน… เป้าหมายคือการบีบบังคับให้พวกมันยอมรับแนวคิดที่จะให้ชนพื้นเมืองของหมู่เกาะรอสต์บริหารดินแดนด้วยตัวเอง…”
“…กองกำลังต่อต้านจะให้คำมั่นสัญญาว่า ทางเราจะช่วยปกป้องช่องทางรายได้ของโลเอ็นทั้งหมดบนเกาะ ดังนั้นพวกมันสามารถส่งกองทัพกลับไปช่วยเหลือเมืองหลวงได้อย่างสบายใจ…”
…
ณ แท่นบูชาที่สะอาดและเงียบสงบ เดนิสที่ได้รับการตอบสนองเหยียดหลังตั้งตรง
มันหันไปพูดกับกลุ่มผู้นำที่ยืนรอด้านนอกด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ฉันได้รับวิวรณ์… พระองค์ตรัสว่าประชาชนทุกคนของพระองค์ล้วนมีค่า ห้ามเซ่นสังเวยใครไปเพียงเพราะกระหายสงครามเด็ดขาด… พวกเราจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มสงครามกับใคร แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเราจะกลัว… กล่าวคือ อันดับแรกให้อาศัยสถานการณ์ที่ได้เปรียบในปัจจุบันเพื่อเจรจากดดันกับเบื้องบนของโบสถ์วายุและกองทัพโลเอ็น บีบบังคับให้พวกมันยอมรับข้อเสนอที่ฝ่ายเราพึงพอใจ… แต่ถ้าพวกมันยังยืนกราน… ก็เตรียมแตกหักกันได้เลย… พระองค์ตรัสว่า มนุษย์ไม่ควรลืมความแค้น แต่อย่านำมันมาบดบังเหตุและผล สิ่งสำคัญที่สุดคืออนาคตอันสดใสของทุกคน”
หลังจากกลายเป็นนักวางแผน เดนิสเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของพลังแห่งการโน้มน้าว ทุกคำอธิบายของมันถึงถูกขัดเกลาและปรับแต่งให้ใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มีหลายครั้งที่ความคิดจุดบรรเจิดพรั่งพรูเข้ามาในสมองขณะเปิดปากพูด
ผู้นำกองกำลังต่อต้านอย่างไครัทและเอ็ดมันตันล้วนเกลียดชังโลเอ็นเข้ากระดูกดำ แต่ตอนนี้กลับมองว่าพระวจนะของเทพสมุทรที่ลอร์ดเดนิสถ่ายทอดนั้นฟังดูสมเหตุสมผลและเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกมันตระหนักถึงความแข็งแกร่งของ ‘เจ้าสมุทร’ ได้ดีกว่าใคร หากสงครามดำเนินไปถึงจุดที่มีการหลั่งเลือดโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม เกราะภูเขาครามซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองบายัมคงถูกคลื่นยักษ์ถาโถมจนกลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง และชนพื้นเมืองจำนวนมากจะล้มตายโดยมิอาจขัดขืน
จริงอยู่ที่เหล่ายอดฝีมือของฟุซัคและเฟเนพ็อตอาจแข็งแกร่งพอที่จะป้องกันมิให้เหตุการณ์ลงเอยด้วยผลลัพธ์เลวร้ายที่สุด แต่พวกมันจะปกป้องความเสียหายของหมู่เกาะรอสต์ได้สักเท่าไรกันเชียว?
ไครัทและเอ็ดมันตันมิได้ไว้ใจฝ่ายเฟเนพ็อตกับฟุซัคเต็มร้อย เพราะมองว่าชาวจักรวรรดิเหล่านี้ไม่แตกต่างจากโลเอ็นที่จ้องแต่จะยึดครองดินแดนอาณานิคม โจรคนเถื่อนจากทางเหนือสามารถฉีกหน้ากากและเผยธาตุแท้ออกมาได้ทุกเมื่อ
ความเงียบงันเข้าปกคลุมสักพัก ไครัทบนรถเข็นจ้องหน้าชายในชุดคลุมสีดำข้างแท่นบูชาและกล่าว
“ท่านเดนิส พวกเรายินดีทำทุกสิ่งเพื่อทวงคืนดินแดนอย่างสันติ”
มันเว้นวรรค
“หน่วยข่าวกรองของเราแจ้งเข้ามาว่า บุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจสุดท้ายบนหมู่เกาะรอสต์คือเจ้าสมุทร แยนน์·ค็อตแมน คงเป็นการดีกว่าหากจะติดต่อกับชายคนนั้นโดยตรง”
เดนิสพยักหน้าแผ่วเบา
“ฉันก็คิดแบบนั้น… พวกเราต้องส่งใครสักคนไปเป็นตัวแทนเผชิญหน้ากับแยนน์·ค็อตแมนในบายัม…”
ขณะเตรียมถามว่าใครจะอาสา เดนิสพบว่าสายตาของไครัท เอ็ดมันตัน และคนที่เหลือต่างจดจ้องมายังใบหน้าของตนโดยพร้อมเพรียง ราวกับต้องการจะบอกว่าไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนไปกว่าข้ารับใช้แห่งเทพสมุทรและโจรสลัดคนดังอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ