กว่าสององครักษ์ของวังราชาคนยักษ์จะตอบสนอง ไคลน์ก็ลอยมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว
พวกมันหันหน้าจ้องไคลน์พร้อมกับกะพริบแสงสีส้มหลังกะบังหมวกสองครั้งราวกับพยายามระบุตัวตนของผู้มาเยือน จากนั้นก็เผยท่าทีคล้ายสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
ครึ่งหนึ่งของใบหน้าไคลน์ยังเป็นปรกติ แต่อีกครึ่งน่าสะพรึงสุดขีด มุมปากขวาฉีกกว้าง มุมปากซ้ายที่มีหนอนสีใสชอนไชเผยรอยยิ้มเย็นชา
กึก!
เมื่อเท้าขวาก้าวผ่านบันไดขั้นสุดท้าย ชายหนุ่มร่อนลงบนพื้นยกสูงซึ่งเป็นรากฐานของวังราชาคนยักษ์
ทันใดนั้นเอง หน้าผากไคลน์ผุดรอยแยกสีเงินสว่าง ลำแสงสีเงินจำนวนมากพวยพุ่งออกจากลำตัว
ร่างกายชายหนุ่มระเบิดเป็นเศษเนื้อเลือดเนื้ออย่างน่าสยดสยอง
เศษเนื้อที่กระจัดกระจายเต็มอากาศค่อยๆ กลายเป็นแผ่นกระดาษแบนราบ
ไคลน์ที่แต่งกายด้วยหมวกทรงกึ่งสูงและเสื้อกันลมสีดำหายตัวไปโผล่ในจุดแล้วจุดเล่า แต่ทุกครั้งก็ถูกลำแสงสีเงินระเบิดเป็นเศษเนื้อเสมอ บางร่างกลายเป็นภาพลวงตา บางร่างกลายเป็นเศษกระดาษ
ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าประตูทางเข้าหลักของวังราชาคนยักษ์ในจุดที่สององครักษ์ ‘หายตัวไป’
ตุ๊กตาผ้าร่างยักษ์ที่แต่งกายด้วยเดรสโกธิกสีเข้มซับซ้อนและรายล้อมด้วยเถาวัลย์ชั่วร้าย
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์!
ย้อนกลับไปในตอนที่ไคลน์ลอยข้ามขั้นบันได เป้าหมายการอัญเชิญไม่ใช่ใครนอกจากมิสผู้ส่งสาร แต่เนื่องจากเธอถูกดึงออกมาในร่างวิญญาณอาฆาต โคลิน โลเฟียร์ และเดอร์ริคจึงมองไม่เห็น
ถึงตรงนี้ สององครักษ์ที่ไล่ล่าไคลน์ตามสัญชาตญาณโดยอาศัยแสงสว่างช่วยในการ ‘ลบจิตสังหาร’ และ ‘ลบตัวตน’ ถูกไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พบตำแหน่งหลังจากจับตามองมาสักพัก
พื้นที่ซึ่งดูเหมือนจะว่างเปล่าสะท้อนบนกระจกตาสีแดงของไรเน็ตต์
เกิดแสงสว่างวาบหนึ่งครั้ง กระต่ายสีขาวตัวหนึ่งกระโดดออกจากความว่างเปล่าและวนเป็นวงกลมด้วยดวงตาไร้ชีวิตชีวา
ทันทีหลังจากนั้น มิสผู้ส่งสารก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับเลือนหายไป
ในตำแหน่งอื่น อัศวินสีเงินที่เหลืออีกหนึ่งตนเผยตัวจากความว่างเปล่า พฤติกรรมของมันทั้งเฉื่อยชาและแข็งทื่อ
มันถูกวิญญาณอาฆาตสิงร่าง!
ไคลน์ที่ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อหยุดการ ‘บลิ้ง’ ทันที ตามด้วยนำมือทาบอกและโค้งศีรษะคำนับ:
“เจอตัวครบแล้ว… ลาก่อน”
ชายหนุ่มเหยียดตัวยืนตรง มือขวายกขึ้นมาดีดนิ้ว
บึ้ม!
กระต่ายขนขาวระเบิดตัวเองทันที เลือดเนื้อกระจัดกระจายเต็มพื้น
จากนั้น ไคลน์ย่างกรายไปทางอัศวินสีเงินที่พยายามดิ้นรนแต่ทำไม่สำเร็จ
เมื่อร่างทั้งสองเดินสวนกัน ภาพฉายของไรเน็ตต์ถูกส่งกลับสู่สายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ ส่วนอัศวินสีเงินทำเพียงเดินตามไคลน์อย่างว่าง่ายไปยังขอบบันไดหินสีเทาหน้าประตูทางเข้าวัง
มันกลายเป็นหุ่นเชิดของไคลน์โดยสมบูรณ์
“เข้ามาได้” ไคลน์ยิ้มให้โคลินและคนที่เหลือซึ่งกำลังยืนรอที่ขั้นบันไดหินชั้นล่างสุด
ดวงตาเดอร์ริคพลันส่องประกายพร้อมกับสรรเสริญภายในใจ:
มิสเตอร์เวิร์ลแข็งแกร่งมาก! สามารถจัดการอัศวินสีเงินสองตนในพริบตาตามลำพัง!
โคลินชำเลืองไปทางโลเฟียร์ด้านข้างและสัมผัสถึงความกดดันของอีกฝ่าย
เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า เพียงถือดาบเคลือบแสงรุ่งอรุณสองเล่มเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดอย่างใจเย็น จนกระทั่งมาถึงด้านบนสุดจึงกระซิบถาม:
“มนุษย์กลายพันธุ์?”
ไคลน์ใช้มือกดหนอนวิญญาณบริเวณดวงตาซ้ายและเอาแต่ยิ้มโดยไม่ตอบ
เมื่อเดอร์ริคและโลเฟียร์เดินตามมาถึง สี่ครึ่งเทพและหนึ่งหุ่นเชิดหันหลังเดินเข้าไปในทางเข้าหลักของวังราชาคนยักษ์
ระหว่างทาง ไคลน์ก้มเก็บตะกอนพลังอัศวินสีเงินที่สกัดออกจากกระต่ายขนขาว
นี่คือส่วนแบ่งของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์
ตามข้อตกลงระหว่างมันและเทวทูตสาว สมบัติที่ได้รับจากการอัญเชิญภาพฉายทางประวัติศาสตร์ของ ‘มารบรรพกาล’ จะถูกหารครึ่ง
ในศึกเมื่อครู่ ไรเน็ตต์ได้รับตะกอนพลัง ส่วนไคลน์ได้รับหุ่นเชิด
ชายหนุ่มจ้องบานประตูหลักก่อนจะบังคับให้อัศวินสีเงินที่สูงกว่ามันหลายเท่า เดินไปข้างหน้าเล็กน้อยและปักดาบลงบนพื้น
จากนั้น อัศวินสีเงินย่อตัวลงพร้อมกับเหยียดแขนออกไปผลักบานประตูที่สูงกว่าสิบเมตร
ท่ามกลางเสียงเสียดสี ประตูยักษ์ที่ตอกด้วยหมุดทองบรรจงเปิดออกอย่างเชื่องช้า
ทันใดนั้น ดวงอาทิตย์ที่ลอยสูงพลันเปลี่ยนตำแหน่ง วังราชาคนยักษ์ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยแสงสนธยาสีส้มที่ถูกแช่แข็ง
บานประตูเปิดออกด้วยความเร่ง จนกระทั่งฉากด้านในถูกเผยให้เห็นต่อหน้าไคลน์และพรรคพวก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ