ราชันเร้นลับ 1257 : อ่อนแอชะมัด – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ
ตอนนี้ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ราชันเร้นลับ 1257 : อ่อนแอชะมัด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ขณะกล่าว ไคลน์ยกมือขวาขึ้น
เศษเนื้อสกปรกสีดำปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ ภายในคล้ายกับอัดแน่นไปด้วยความบ้าคลั่งหนักหน่วง
“สิ่งนั้นก็คือ… การกัดเซาะจากแฮงแมน” ไคลน์กล่าวกับ ‘เงา’ ด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่ไคลน์มีแต่ ‘เงา’ ไม่มีคือการกัดเซาะจากพระผู้สร้างแท้จริง เป็นอิทธิพลซึ่งแม้แต่ปราสาทต้นกำเนิดก็มิอาจขจัดได้ในตอนนี้!
ดังนั้นหนึ่งสิ่งที่ไคลน์มั่นใจมากก็คือ หากตนยังไม่ได้พบกับเทวทูตมืดซาสเรีย พระผู้สร้างแท้จริงคงไม่ปล่อยให้คลุ้มคลั่งหรือตายไปง่ายนัก
นั่นคือเหตุผลที่ไคลน์จงใจปล่อยให้ส่วนที่ถูก ‘กัดเซาะ’ ติดเชื้อโรคระบาดทางจิตและแสร้งคลุ้มคลั่ง ตามด้วยการทำเป็นควบคุ้มด้ายวิญญาณของคนรอบตัวส่งเดชเพื่อปกปิดว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือนักบุญผู้ชม จนกระทั่งศัตรูเริ่มถูกควบคุมเบื้องต้นในจังหวะที่พยายามโจมตีเข้ามา หุ่นเชิดอัศวินสีเงินที่สบโอกาสจึงชิงลงมือ
และเป็นไปตามที่คาด เมล็ดพันธุ์ของโรคระบาดทางจิตมิได้เกิดการปะทุเมื่อไคลน์นำส่วนที่ถูกพระผู้สร้างแท้จริง ‘กัดเซาะ’ ไปผนึกไว้
ระหว่างนั้น ‘เงา’ ได้รีบสร้างระยะห่างกับไคลน์เนื่องจากกังวลว่าจะติดเชื้อจากโรคระบาดทางจิต ส่งผลให้มันไม่สังเกตเห็นว่าเป้าหมายที่แท้จริงในการควบคุมด้ายวิญญาณคือนักบุญผู้ชม
ตัวเองเป็นคนรอบคอบและรัดกุมเพียงใด ไคลน์จะไม่ทราบเชียวหรือ?
แต่แน่นอน ไคลน์มิอาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากตนไปพบกับเทวทูตมืดซาสเรียตามที่พระผู้สร้างแท้จริงต้องการ บางทีโรคระบาดทางจิตที่ถูกผนึกไว้อาจปะทุขึ้นและทำให้ลงเอยด้วยชะตากรรมแบบเดิม แต่ถึงอย่างนั้น ไคลน์มองว่ารีบกังวลไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ การเอาชนะอุปสรรคตรงหน้าให้ได้มีความสำคัญมากกว่า
ทันทีที่ได้ยินคำอธิบาย เงาบริสุทธิ์พลันเสกเปลวไฟสีแดงขึ้นมาปกคลุมร่าง
ณ สุดเขตแดนเจิดจรัส ใกล้กับตำหนักราชาคนยักษ์ เปลวไฟจุดหนึ่งลุกโชนขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ ‘เงา’
มันไม่ลังเลเลยที่จะเผ่นหนี เอาแต่ก้มหน้าก้มตาถอยกลับไปยังตำหนักบรรทมของซาสเรียโดยไม่แยแสเอ็นยูนและนักบุญสุริยัน!
เมื่อไคลน์ผู้ชดเชยความไม่สมบูรณ์ของดวงวิญญาณด้วย ‘บุคลิกเสมือน’ เห็นฉากดังกล่าวเข้า มันผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะอมยิ้มพร้อมกับหนอนวิญญาณสีใสบนใบหน้าอีกฝั่ง ตามด้วยส่ายศีรษะ
เราปอดแหกขนาดนั้นเลย?
ชายหนุ่มสงสัยว่า ‘เงา’ ที่ถูกตัดออกจากร่างต้นได้พรากความรอบคอบและรัดกุมไปเกือบทั้งหมด ส่งผลให้ร่างต้นที่เหลืออยู่ค่อนข้างหุนหันและติดประมาทพอสมควร
เป๊าะ!
ลำแสงสีเงินสว่างพลันระเบิดออกในจุดเดียวกับเปลวไฟสีแดงด้านนอกเขตแดนเจิดจรัส ส่งผลให้ร่าง ‘เงา’ ที่เพิ่งโผล่ขึ้นจากอากาศถูกแยกส่วนและกลายเป็นเศษเนื้อตอตะโก
ไคลน์ไม่มัวเสียเวลารำพัน ตัวมันที่ควบคุมหุ่นเชิดอัศวินสีเงิน พยายามทำนายจุดหมายการกระโจนเพลิงของ ‘เงา’ ผ่านอุปนิสัยส่วนตัวและทรัพยากรที่ยังเหลือ จากนั้นก็ควบแน่น ‘เรเพียร์เงิน’ ล่วงหน้าและจุดระเบิดทันทีที่เปลวไฟก่อตัว
เขตแดนศักดิ์สิทธิ์มิได้มีบาเรียกั้น ทุกคนสามารถผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระ รวมไปถึงการส่งพลังไปยังข้างนอก
ทว่า ‘เงา’ ที่ดูเหมือนจะถูกเรเพียร์เงินเล่นงานกลับกลายร่างเป็นเศษกระดาษและเลือนหายไป
เปลวไฟสีแดงลุกโชนขึ้นอีกหลายจุด เงาดำบริสุทธิ์พยายามกระโจนผ่านพวกมันเพื่อไปให้ถึงตำหนักราชาคนยักษ์โดยเร็ว และการกระหน่ำยิงแสงสีเงินจากไคลน์ก็ได้เพียงฉีกป่นเศษกระดาษให้เป็นผุยผง – เส้นทางนักรบตั้งแต่ลำดับ 5 ขึ้นไปจะมีพลังในการมองทะลุภาพลวงตา หากปราศจาก ‘ล่องหนทางใจ’ คอยช่วยสนับสนุน ‘กระดาษคนตัวแทน’ จะเป็นพลังที่หลบหนีได้ดีกว่า ‘ภาพลวงตา’ มีเพียงการดวลกันอย่างดุเดือดของนักทำนายเท่านั้นจึงจะมีการใช้ภาพลวงตาประกอบ
ในไม่กี่วินาทีถัดมา เสาลำแสงเพลิงแดงพวยพุ่งขึ้นฟ้าในตำแหน่งด้านนอกตำหนักราชาคนยักษ์ราวกับมีใครบางคนจุดพลุเพื่อต้อนรับแขก
‘เงา’ เตรียมกระโดดเข้าไปในเปลวไฟลูกดังกล่าวโดยหวังจะเข้าไปซ่อนตัวภายในตำหนักบรรทมของเทวทูตมืด
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งโผล่ขึ้นด้านข้างเสาเปลวเพลิงสีแดง
แต่งกายในชุดกันลมสีดำและหมวกทรงกึ่งสูง ใบหน้าซีกขวาปรกติ แต่ซีกซ้ายเต็มไปด้วยหนอนวิญญาณสีใสชอนไช ไม่ใช่ใครนอกจากร่างต้นของไคลน์
มุมปากชายหนุ่มยกโค้งขณะใช้มือขวาดีดนิ้ว
เป๊าะ!
เสาเปลวไฟสีแดงเลือนหายไปทันทีจน ‘เงา’ ถูกบังคับให้เผยตัวตนบนขั้นบันไดที่ปกคลุมด้วยแสงรุ่งอรุณ
ควบคุมไฟ!
การที่ไคลน์สามารถตรงดิ่งมาทางตำหนักราชาคนยักษ์และดักหน้า ‘เงา’ ได้ก่อนก็เพราะว่า นับตั้งแต่ ‘เงา’ คิดเพียงแต่จะหนี ไคลน์ก็ไม่ถูกผูกมัดด้านการ ‘อัญเชิญภาพฉายฯ’ อีกต่อไป! สามารถดึงยุบพองหิวโหยออกมาใช้และเทเลพอร์ตมาดักหน้า!
“รอบคอบเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี” ไคลน์กล่าวกับเงาก่อนจะเริ่มทำท่าคุกเข่าหนึ่งข้าง
ทันทีที่เข่าติดพื้น ร่างของชายหนุ่มพลันแปรเปลี่ยนเป็นอัศวินสวมเกราะสีเงิน
อัศวินใช้ดาบปักลงบนพื้นในท่าคุกเข่าหนึ่งข้าง เกิดเป็นบาเรียล่องหนที่ผนึกทางเข้าตำหนักบรรทมของเทวทูตมืดซาสเรียโดยสมบูรณ์
ทันใดนั้นเอง ไคลน์เปลี่ยนตำแหน่งกับหุ่นเชิดอีกครั้งพลางจ้อง ‘เงา’ ด้วยสายตาทำนองว่า: ถ้าพังบาเรียได้จะอนุญาตให้เข้าไป
แต่แน่นอน ร่างต้นของชายหนุ่มยังคอยขัดขวางการอัญเชิญภาพฉายฯ และคอยควบคุมด้ายวิญญาณตลอดเวลา
พลัง ‘เชื่องช้า’ ที่ไม่ใช่ระดับครึ่งเทพย่อมมิอาจส่งผลกับนักบุญสุริยันได้นานนัก แต่ก็นับว่าเหลือเฟือในสายตาโคลิน·อีเลียด มันทำการควบแน่น ‘เรเพียร์เงิน’ และเทเลพอร์ตพลังไปยังตำแหน่งของศัตรู
‘เรเพียร์เงิน’ ทะลวงชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญสุริยันทันทีและระเบิดร่างกายของมันจากภายใน
แสงสีเงินเบ่งบานไปทุกทิศประหนึ่งพลุ ร่างกายนักบุญสุริยันระเบิดเละเทะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แปะ! แปะ! แปะ! เลือดเนื้อจำนวนมากตกลงบนพื้นและเลือนหายไปในพริบตา ราวกับพวกมันหวนคืนสู่หน้าประวัติศาสตร์
เมื่อศึกอันยืดเยื้อจบลง สามครึ่งเทพแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ได้ตามไปสมทบที่ด้านหน้าตำหนักราชาคนยักษ์และล้อม ‘เงา’ ไว้ทุกทิศ
‘เงา’ พยายามกระโจนเข้าไปหลบในสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ แต่ทันทีที่ได้เห็นหมอกสีเทา ร่างของมันถูกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยหนอนวิญญาณสีใสกดทับทันที
ทั้งไคลน์และ ‘เงา’ ไม่มีใครรีบร้อนวิ่งไปยังประวัติศาสตร์ก่อนยุคสมัยที่หนึ่ง เพราะทั้งคู่ทราบดีว่าอีกฝ่ายจะต้องคอยขัดขวางแน่!
เมื่อไม่มีที่ให้ซ่อนตัว ‘เงา’ ตัดสินใจตีฝ่าไปทางสามครึ่งเทพแห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ แต่พลังจำนวนมากของมันก็ถูกไคลน์สลายทิ้งอย่างง่ายดาย แม้กระทั่งกระโจนไฟก็ยังถูกทำลายด้วยควบคุมไฟ เป็นการยากที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์แสนสิ้นหวังตรงหน้า
ผ่านไปราวสิบวินาที หลังจากกระดาษคนใบสุดท้ายฉีกขาด ‘เงา’ ก็ถูกเดอร์ริคใช้หอกเจิดจรัสแทงเข้าที่ช่องท้อง
เกิดระเบิดดวงอาทิตย์ขนาดย่อมจากภายใน ร่างของเงาดำบริสุทธิ์พลันซีดจางและเริ่มหลอมละลาย
ไคลน์รู้สึกปวดแปลบประหนึ่งถูกมีดกรีดแทง แต่ทันใดนั้น จิตใจที่ใกล้จะคลุ้มคลั่งกลับผ่อนคลายลงกะทันหัน
มันก้มจ้องฝ่าเท้าและพบว่าภายใต้แสงสว่างรุ่งอรุณ เงาสีดำกำลังทอดยาวออกจากปลายขา
“อ่อนแอชะมัด…” ไคลน์โน้มตัวเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะจิกกัดตัวเอง เป็นอีกครั้งที่มันได้ตระหนักว่า หากปราศจากพลังปราชญ์โบราณ ปราศจากหุ่นเชิด และปราศจากพลังควบคุมด้ายวิญญาณ ผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายจะอ่อนแอกว่าเส้นทางอื่นในลำดับเดียวกันมาก
ดวงวิญญาณของไคลน์กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่ลบ ‘บุคลิกเสมือน’ ออกไป และยังไม่คิดจะอัญเชิญมิสจัสติสออกมาแก้ไขในตอนนี้ด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่า หลังจากตนถูกเทวทูตมืดกัดกร่อน เอ็นยูนได้รับคุณสมบัติของเส้นทางสุริยัน ผู้ชม วายุ และผู้วิงวอนความลับ หมายความว่าถ้าต้องการเข้าไปในตำหนักราชาคนยักษ์ ไคลน์ก็ต้องระวังอิทธิพลทางจิตเอาไว้ประมาณหนึ่ง และ ‘บุคลิกเสมือน’ ถือเป็นเครื่องป้องกันการโจมตีทางจิตที่ยอดเยี่ยม
ขณะเดียวกัน หนอนแมลงโปร่งใสบนใบหน้าและร่างกายฝั่งซ้ายของไคลน์ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นเนื้อหนังอีกครั้ง แต่เนื่องจากยังหลงเหลือความบ้าคลั่งที่แฝงมากับ ‘บุคลิกเสมือน’ บนผิวหนังซีกซ้ายของร่างกายจึงยังคงมีลักษณะโปร่งแสงเล็กน้อยจนสามารถมองเห็นหนอนวิญญาณด้านใน
เมื่อพบว่าเดอร์ริค โลเฟียร์ และโคลินกำลังหันมามอง ไคลน์เหยียดตัวตรงก่อนจะคว้าไม้เท้าแห่งชีวิตออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ จากนั้นก็ชี้ไปทางประตูตำหนักราชาคนยักษ์ที่เปิดอยู่และฉีกยิ้ม:
“เร่งมือกันเถอะ… เทวทูตมืดกำลังรออยู่ข้างใน”
……………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ