ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1265

“โจมตี!”

เดอร์ริคตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเจ้าเมือง แต่จากนั้นก็รีบกางแขนโดยสัญชาตญาณ

ระหว่างนั้น การมองเห็นเด็กหนุ่มพลันพร่ามัว ตามด้วยแผดเสียงคำรามต่ำในลำคออย่างยากลำบาก

ลูกบอลแสงที่ท่วมท้นไปด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ร่วงหล่นลงมาจากด้านบน กลืนกินร่างของเทวทูตมืดซาสเรียและโคลิน·อีเลียดไปพร้อมกัน

ยังไม่ทันที่แสงจะระเบิด เดอร์ริคชักแขนกลับพร้อมกับควบแน่นหอกเจิดจรัสที่บริสุทธิ์ไว้ในฝ่ามือ

ท่ามกลางเสียงปริแตก หอกแสงพุ่งผ่านเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์และปะทะเข้ากับศีรษะวิญญาณมารอย่างแม่นยำ

แสงสว่างพร่างพราวแผ่ปกคลุมไปทั่วทุกซอกมุมตำหนัก แม้แต่ไคลน์ที่พยายามฟื้นฟูสติก็อยู่ไม่ไกลพอที่จะหลบพ้น มันรีบหลับตาลงพร้อมกับทำหน้าบิดเบี้ยว หนอนวิญญาณทยอยระเหยไปทีละหนึ่ง ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่าการเชื่อมต่อระหว่างศิลาเย้ยเทพกับพลังกัดกร่อนของพระผู้สร้างแท้จริง ถูกชำระล้างหายไปก่อนที่จะก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์

ภายในตำหนักที่คล้ายกับมีดวงอาทิตย์ลอยอยู่กึ่งกลาง ร่างของเทวทูตมืดซาสเรียเริ่มจางลงและบิดเบี้ยวท่ามกลางอำนาจของเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับค่อยๆ ละลายหายไปทีละนิด

จากนั้น เงาดำที่ปกคลุมผนัง เสาหิน และพื้นเริ่มสลายตัว ทยอยเผยให้เห็นแสงสีส้ม

ตำหนักเงาที่ซ่อนอยู่ในตำหนักราชาคนยักษ์สูญเสียเสถียรภาพและเริ่มผสานเข้ากับโลกความจริง มิอาจปิดกั้นอิทธิพลจากภายนอกได้อีกต่อไป

ขณะเดียวกันก็หมายความว่าวิญญาณมารชนิดพิเศษที่สูญเสียการเชื่อมต่อกับทะเลแห่งความโกลาหลก็ถูกชำระล้างไปแล้วเช่นกัน

ขณะตำหนักเงาที่กำลังพังทลายยังไม่สลายไปโดยสมบูรณ์ พลังที่มองไม่เห็นได้ทะลวงผ่านแนวป้องกันจนแทรกซึมเข้ามาบางส่วน ส่งผลให้ร่างกายไคลน์บริเวณที่ถูก ‘กัดเซาะ’ ถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวมากกว่าปรกติ!

พวกมันทะลวงออกจากหน้าอกไคลน์ กลายเป็นก้อนเลือดเนื้อสีเข้ม

เลือดเนื้อดังกล่าวแยกตัวออกจากร่างไคลน์ทันที ตัดสายสัมพันธ์ล่องหนทั้งหมดจนขาดสะบั้น จากนั้นก็ยุบพองอย่างรวดเร็วและขยายขนาด กลายเป็นมือยักษ์สีดำ ไล่ตาม ‘แสง’ มายาระหว่างตัวมันเองกับศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่งจนกระทั่งคว้าเอาไว้ได้

ขณะเดียวกันบนโลกแห่งความฝันของซากสมรภูมิเทพ ในตำแหน่งด้านหน้าภาพฉายของวังราชาคนยักษ์

อามุนด์ที่แต่งกายด้วยหมวกปลายแหลมและชุดคลุมสีดำทรงโบราณ กำลังนั่งบนราวกั้นสีเทาสูงตระหง่านโดยหันหลังให้ ‘เส้นทาง’ สีส้มที่แหวกทะเลหมอกออกจากกัน มันเฝ้ามองบานประตูสีเทาน้ำเงินที่ตอกด้วยหมุดทองคำด้วยท่าทีผ่อนคลาย ไม่มีใครทราบว่ารอมานานแค่ไหนแล้ว

ทันใดนั้นเอง อามุนด์ขยับกรอบแว่นตาข้างขวา กระโดดลงจากราวกั้นเพื่อลงมายังหน้าประตูราชาคนยักษ์

“พลังของทะเลแห่งความโกลาหลเริ่มเลือนหายไปแล้ว เราสามารถใช้ ‘บั๊ก’ เพื่อเข้าไปข้างในได้โดยตรง…” อามุนด์ยิ้มกับตัวเองพลางเหยียดมือขวาออกไปกดลงบนประตู

ขณะแสง ‘ไหล’ เข้าไปในประตู ร่างของมันอ่อนนุ่มลงทันทีพร้อมกับจางลง

กรุงเบ็คลันด์ ที่ใดสักแห่งในสนามรบ

เครสไทน์·ซีสม่าเจ้าของผมสั้นสีน้ำตาลทองและดวงตาสีเขียวเข้ม คุกเข่าลงหนึ่งข้างพลางแทงดาบกระดูกสีขาวโพลนที่ยาวไม่ถึงหนึ่งเมตรลงตรงหน้าเพื่อพยุงร่างกาย

ร่างกายของมันเต็มไปด้วยรอยไหม้และรูโหว่ ฟันยื่นยาวออกมาในลักษณะแหลมคมเหมือนสัตว์ร้าย

อาวุโสใหญ่แห่งเหยี่ยวราตรีซึ่งสติเริ่มเลือนราง ถอนสายตาออกจากศัตรูที่อ่อนแอด้วยความยากลำบาก จากนั้นก็แหงนหน้ามองฟ้า

สนธยาสีส้มกำลังแทรกซึมเข้ามาในค่ำคืนอันมืดมิดเล็กน้อย

เครสไทน์·ซีสม่าพยายามดึงดาบกระดูกออกมาเพื่อลุกขึ้นสู้และทำหน้าที่เหยี่ยวราตรีจนวาระสุดท้าย แต่ท่อนแขนของมันกลับเอาแต่สั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม ลมหายใจแผ่วลงทุกขณะ

ภายในดินแดนดารา ท่ามกลางความเงียบสงบและความมืดมิดไร้ก้นบึ้งที่ปกคลุมไปด้วยบุปผาจันทรา วานิลลาราตรี และพืชชนิดอื่น

ทันใดนั้น แสงสีส้มอมแดงสาดส่องเข้ามาในอาณาจักรดังกล่าว เปลี่ยนให้ดินแดนบางส่วนถูกฉาบไปด้วยแสงสนธยาจนดอกไม้และพืชพรรณทยอยเหี่ยวเฉา

ท่ามกลางแสงสนธยาที่แปลกแยก ร่างขนาดมหึมาที่ใหญ่โตราวกับภูเขาบรรจงย่างกรายออกมา แขนขาของมันยาวผิดปรกติ สวมชุดเกราะสีเงินที่ดูราวกับกรำศึกอย่างโชกโชน ใบหน้าถูกกะบังหมวกปกปิด เผยให้เห็นเพียงแสงสว่างสีส้มที่คลุมเครือ

ในมือถือดาบเล่มมโหฬารชนิดที่ต้องปล่อยให้ส่วนปลายแหลมลากไปบน ‘พื้น’ อันมืดมิด

ขณะยักษ์ที่น่าสะพรึงย่างกรายไปทีละก้าว ดาบยาวของมันลากไปตามพื้น ส่งผลให้ความมืดถูกแยกออกเป็นสองโดยมีแสงสนธยาถูกแช่แข็งเป็นทางยาว

ในส่วนลึกของความมืด ร่างขนาดใกล้เคียงกันกำลังลากเคียวยักษ์เข้าหาในสภาพลอยตัว

เธอสวมเดรสยาวสีดำที่มีหลายชั้นแต่ไม่ซับซ้อน ประดับประดาด้วยแสงพร่างพราวราวกับดวงดาวในยามค่ำคืน

ในจุดระหว่างซี่โครงและเอวมีแขนงอกออกมาฝั่งละสองข้าง ผิวแขนปกคลุมด้วยขนสั้นสีเข้ม

จากบรรดาแขนทั้งหก สองข้างถือเคียวยักษ์สีดำที่ดูท่าทางหนัก อีกสองถือ ‘พระจันทร์’ สีแดงเข้ม ส่วนแขนที่เหลือ ข้างหนึ่งว่างเปล่า แต่อีกข้างถือเครื่องประดับโบราณที่ทำจากทองคำ

เครื่องประดับดังกล่าวมีลักษณะคล้ายนกรูปร่างผอมเพรียว รายล้อมด้วยปีกที่ทำจากเปลวเพลิงสีซีด ภายในดวงตาสีทองแดงของนกมีแสงซ้อนทับกันหลายชั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ