บนเรือเทพสมุทร ลีอาวาล แคนดิส และสมาชิกทีมบุกเบิกคนอื่นของเมืองเงินพิสุทธิ์กำลังนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะกับตัวเอง พลางเฝ้ามองเหล่า ‘คนแคระ’ เดินผ่านไปมาด้วยสายตาระมัดระวัง
แน่นอน พวกมันย่อมทราบว่าคนเหล่านี้เป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนกับตัวเอง และความสูงของพวกตนเป็นผลมาจากโอสถ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า ผู้คนบนเรือลำนี้มีส่วนสูงน้อยเกินไป รวมถึงผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้ส่งสารแห่งเทพอย่างลอร์ดเดนิส สืบเนื่องจากส่วนสูงเฉลี่ยของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ที่เลื่อนถึงลำดับ 6 ทุกคนยกเว้นเด็กเล็ก จะไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตรทั้งสิ้น และจากบรรดาทั้งหมด มีจำนวนไม่น้อยที่สูงกว่าสองเมตรตั้งแต่ยังอยู่ลำดับ 9
การโคลงเคลงของลำเรือทำให้เหล่า ‘ครึ่งยักษ์’ ต่างพากันพะอืดพะอม แต่ร่างกายที่แข็งแรงของพวกมันช่วยให้เอาชนะอิทธิพลเล็กน้อยได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ฉากการแล่นอย่างโดดเดี่ยวของเรือใบท่ามกลางทะเลที่ไร้ขอบเขต ทำให้พวกมันมิอาจเก็บซ่อนความกระสับกระส่าย ความกังวล และความกลัว เป็นความรู้สึกคล้ายกับเมื่อครั้งได้ทำภารกิจสำรวจหนแรก รอบตัวเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดในความมืดที่อาจโจมตีเข้ามาได้ทุกเมื่อ
ทันใดนั้นเอง เดนิสเดินเข้ามาในห้องที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องอาหาร จากนั้นก็ยิ้มให้เหล่าคนตัวสูงที่สวมเสื้อผ้าประหลาดซึ่งกำลังนั่งด้วยความหวาดระแวง:
“อาหารของพวกคุณพร้อมแล้ว อีกเดี๋ยวจะได้เพลิดเพลินจนกว่าจะพอใจ… แล้วก็ อย่าลืมคำเตือนที่ผมแจ้งไปเมื่อสักครู่ น่านน้ำแถบนี้อันตรายมาก… ไม่ต้องลุกขึ้นมา แค่นั่งรอก็พอ”
เมื่อเดนิสเห็นเด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าอาวุโสเดอร์ริคและครึ่งยักษ์ที่เหลือต้องการลุกขึ้นพร้อมกับทำความเคารพอย่างสุภาพ มันรีบยกมือขึ้นเพื่อหยุดพฤติกรรมที่ไร้อารยธรรม
ถ้าเราสูงเท่าพวกเขา คงเยาะเย้ยคนรอบข้างว่าเป็นไอ้เตี้ยทั้งวัน… เดนิสพึมพำก่อนจะปรบมือหนึ่งครั้ง เป็นสัญญาณบอกให้ลูกเรือนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ
กลิ่นอาหารอันหอมฟุ้งทะลุทะลวงเข้าไปในจมูกของเดอร์ริคและทีมบุกเบิกทันที เป็นกลิ่นที่คล้ายกับเมื่อครั้งพวกมันย่างเห็ดเนื้อ แต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอื่นๆ ที่ยากจะอธิบาย ทั้งแปลกประหลาดและชวนให้น้ำลายไหล
กลิ่นดังกล่าวเย้ายวนจนทำให้ลีอาวาล แคนดิส และคนที่เหลือต่างน้ำลายแตกฟองอย่างบ้าคลั่ง กระเพาะอาหารถูกปลุกให้ตื่นทันที
“เนื้อย่างสไตล์เดซีย์” เดนิสชี้ไปทางลูกเรือคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง
ในมือลูกเรือถือถาดเหล็กใบใหญ่ที่มีเนื้อสีน้ำตาลฉ่ำแทรกด้วยไขมันวางอยู่ โรยหน้าด้วยยี่หร่า โหระพา และเครื่องเทศอื่น
“สเต๊กเนื้อ ปลาทอด ขนมปังขาว ซุปทะเล และเบียร์แอลกอฮอล์ต่ำ…” เดนิสแนะนำทีละจานจนกระทั่งแสยะยิ้มเมื่อเสร็จ “พวกคุณไม่ต้องเกรงใจ เชิญรับประทานด้วยความสบายใจ พวกเรามีอาหารเหลือเฟือ”
กล่าวจบ มันชำเลืองไปทางครึ่งยักษ์ที่ดูเหมือนอยากจะยืนขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้องพลางหัวเราะในลำคอ
แคนดิสเจ้าของผมสั้นเรียบร้อย ถอนสายจากอาหารพลางกลืนน้ำลาย:
“อาวุโสเดอร์ริค พวกเราควรทำเช่นไร”
แม้เดอร์ริคจะมั่นใจว่าอัครสาวกของมิสเตอร์ฟูลคงไม่ทำร้ายพวกตน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลดความระแวงลง
“แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งรอกิน อีกกลุ่มทดลองกินทันที”
“รับทราบ อาวุโสเดอร์ริค” แคนดิสยืนขึ้นทันที “ฉันอาสาเข้ากลุ่มทดลอง!”
กลุ่มของสมาชิกสิบคนถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน แคนดิสและลีอาวาลเดินไปทางโต๊ะยาวใกล้กับกำแพง จากนั้นก็ตักสิ่งที่ตัวเองคิดว่าน่าสนใจมากที่สุดอย่างเนื้อย่างเดซีย์มาหนึ่งส่วน
หลังจากกัด ไม่ว่าจะกลิ่นของเลือดภายในเนื้อ รสสัมผัส และความเย้ายวนของรสเนื้อเน้นๆ ทุกองค์ประกอบทำให้เกิดประสบการณ์อันซับซ้อนภายในช่องปากของทั้งสอง เมื่อเคี้ยวไปได้สองครั้ง พวกเธอรอไม่ไหวแล้วที่จะกลืนอาหารลงท้องเพื่อกินคำต่อไป
อร่อยกว่าเห็ดเนื้อที่เคยกินหลายเท่า
พอรู้ตัวอีกที ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทั้งสิบคงต่างก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยการมองเห็นที่พร่ามัว
บนดาดฟ้าเรือ เดอร์ริคมองไปตามเส้นทางเดินเรือปลอดภัยบนซากสมรภูมิเทพ ภายในใจกำลังขบคิดเกี่ยวกับวิธีวางตัวให้เหมาะสมเมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าสาวกของเดอะฟูล
ทันใดนั้นเอง ลูกเรือคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับหายใจหอบ
“ท่านลอร์ด พวกเขากินเสร็จแล้ว แถมยังขอเบิ้ล!”
…คนพวกนี้มาจากที่ไหนกันแน่? เดนิสผงะไปเล็กน้อย
“เตรียมอาหารชุดใหม่ให้พวกเขา”
เมื่อเห็นว่าลูกเรือเตรียมหันหลังกลับ เดนิสรีบเสริม
“นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราจะเริ่มตกปลา!”
…
ทะเลโซเนีย บนเกาะร้าง
ไคลน์ที่เริ่มปรับตัวให้เข้ากับสภาพปัจจุบัน พยายามข่มพลังวิญญาณให้สงบเพื่อเตรียม ‘เทเลพอร์ต’ กลับเบ็คลันด์และอัญเชิญกระจกวิเศษอาโรเดสออกมาถามสิ่งที่คาใจ
ชายหนุ่มยังไม่รีบร้อนพาชาวเมืองจันทราออกมาสู่โลกภายนอก แต่เลือกจะรอให้เดนิสจัดระเบียบผู้บุกเบิกของเมืองเงินพิสุทธิ์ให้เรียบร้อยเสียก่อน และรอให้ร่างกายของตนสมบูรณ์กว่านี้ก่อนก็ยังไม่สาย ต้องไม่ลืมว่า เส้นทางสำหรับออกจากดินแดนเทพทอดทิ้งถูกเปิดแล้ว ไคลน์สามารถใช้วิธีตอบสนองคำสวดวิงวอนเพื่อส่งพลังของไม้เท้าดวงดาวลงไปเคลื่อนย้ายชาวเมืองจันทราออกมาได้ทันที
และแน่นอน ต่อให้ประตูปิดกลับไปอีกครั้งไคลน์ก็ยังมีวิธี นั่นคือการย้ายชาวเมืองจันทรามาที่วังราชาคนยักษ์และให้คนเหล่านั้นเปิดประตูออกไปด้วยตัวเอง เมื่อปราศจากศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่งและวิญญาณมารเทวทูตมืด ผู้วิเศษทั่วไปย่อมสามารถเปิดประตูได้ง่ายดาย
สำหรับคำถามที่ว่า พระผู้สร้างแท้จริงจะขัดขวางหรือไม่ ไคลน์ไม่สนใจ เพราะต่อให้เทพลำดับ 0 สนใจจะขัดขวางจริง ตนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
นอกจากนั้น ไคลน์เชื่อว่าพระผู้สร้างแท้จริงคงไม่ได้กำลังเพ่งความสนใจมาที่ประเด็นนี้ เพราะสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดของอีกฝ่ายคือการจับตัวอามุนด์และนำศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่งมาครอบครอง
ถ้าว่ากันตามตรง นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว… ไคลน์พึมพำเงียบ จากนั้นก็คว้ายุบพองหิวโหยออกจากอากาศและนำมาสวมลงบนมือซ้าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ