ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1270

สรุปบท ราชันเร้นลับ 1270 : เยี่ยม: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปตอน ราชันเร้นลับ 1270 : เยี่ยม – จากเรื่อง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

ตอน ราชันเร้นลับ 1270 : เยี่ยม ของนิยายInternetเรื่องดัง ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บนเรือเทพสมุทร ลีอาวาล แคนดิส และสมาชิกทีมบุกเบิกคนอื่นของเมืองเงินพิสุทธิ์กำลังนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่เหมาะกับตัวเอง พลางเฝ้ามองเหล่า ‘คนแคระ’ เดินผ่านไปมาด้วยสายตาระมัดระวัง

แน่นอน พวกมันย่อมทราบว่าคนเหล่านี้เป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนกับตัวเอง และความสูงของพวกตนเป็นผลมาจากโอสถ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า ผู้คนบนเรือลำนี้มีส่วนสูงน้อยเกินไป รวมถึงผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้ส่งสารแห่งเทพอย่างลอร์ดเดนิส สืบเนื่องจากส่วนสูงเฉลี่ยของชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ที่เลื่อนถึงลำดับ 6 ทุกคนยกเว้นเด็กเล็ก จะไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตรทั้งสิ้น และจากบรรดาทั้งหมด มีจำนวนไม่น้อยที่สูงกว่าสองเมตรตั้งแต่ยังอยู่ลำดับ 9

การโคลงเคลงของลำเรือทำให้เหล่า ‘ครึ่งยักษ์’ ต่างพากันพะอืดพะอม แต่ร่างกายที่แข็งแรงของพวกมันช่วยให้เอาชนะอิทธิพลเล็กน้อยได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ฉากการแล่นอย่างโดดเดี่ยวของเรือใบท่ามกลางทะเลที่ไร้ขอบเขต ทำให้พวกมันมิอาจเก็บซ่อนความกระสับกระส่าย ความกังวล และความกลัว เป็นความรู้สึกคล้ายกับเมื่อครั้งได้ทำภารกิจสำรวจหนแรก รอบตัวเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดในความมืดที่อาจโจมตีเข้ามาได้ทุกเมื่อ

ทันใดนั้นเอง เดนิสเดินเข้ามาในห้องที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องอาหาร จากนั้นก็ยิ้มให้เหล่าคนตัวสูงที่สวมเสื้อผ้าประหลาดซึ่งกำลังนั่งด้วยความหวาดระแวง:

“อาหารของพวกคุณพร้อมแล้ว อีกเดี๋ยวจะได้เพลิดเพลินจนกว่าจะพอใจ… แล้วก็ อย่าลืมคำเตือนที่ผมแจ้งไปเมื่อสักครู่ น่านน้ำแถบนี้อันตรายมาก… ไม่ต้องลุกขึ้นมา แค่นั่งรอก็พอ”

เมื่อเดนิสเห็นเด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าอาวุโสเดอร์ริคและครึ่งยักษ์ที่เหลือต้องการลุกขึ้นพร้อมกับทำความเคารพอย่างสุภาพ มันรีบยกมือขึ้นเพื่อหยุดพฤติกรรมที่ไร้อารยธรรม

ถ้าเราสูงเท่าพวกเขา คงเยาะเย้ยคนรอบข้างว่าเป็นไอ้เตี้ยทั้งวัน… เดนิสพึมพำก่อนจะปรบมือหนึ่งครั้ง เป็นสัญญาณบอกให้ลูกเรือนำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ

กลิ่นอาหารอันหอมฟุ้งทะลุทะลวงเข้าไปในจมูกของเดอร์ริคและทีมบุกเบิกทันที เป็นกลิ่นที่คล้ายกับเมื่อครั้งพวกมันย่างเห็ดเนื้อ แต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอื่นๆ ที่ยากจะอธิบาย ทั้งแปลกประหลาดและชวนให้น้ำลายไหล

กลิ่นดังกล่าวเย้ายวนจนทำให้ลีอาวาล แคนดิส และคนที่เหลือต่างน้ำลายแตกฟองอย่างบ้าคลั่ง กระเพาะอาหารถูกปลุกให้ตื่นทันที

“เนื้อย่างสไตล์เดซีย์” เดนิสชี้ไปทางลูกเรือคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง

ในมือลูกเรือถือถาดเหล็กใบใหญ่ที่มีเนื้อสีน้ำตาลฉ่ำแทรกด้วยไขมันวางอยู่ โรยหน้าด้วยยี่หร่า โหระพา และเครื่องเทศอื่น

“สเต๊กเนื้อ ปลาทอด ขนมปังขาว ซุปทะเล และเบียร์แอลกอฮอล์ต่ำ…” เดนิสแนะนำทีละจานจนกระทั่งแสยะยิ้มเมื่อเสร็จ “พวกคุณไม่ต้องเกรงใจ เชิญรับประทานด้วยความสบายใจ พวกเรามีอาหารเหลือเฟือ”

กล่าวจบ มันชำเลืองไปทางครึ่งยักษ์ที่ดูเหมือนอยากจะยืนขึ้น จากนั้นก็เดินออกจากห้องพลางหัวเราะในลำคอ

แคนดิสเจ้าของผมสั้นเรียบร้อย ถอนสายจากอาหารพลางกลืนน้ำลาย:

“อาวุโสเดอร์ริค พวกเราควรทำเช่นไร”

แม้เดอร์ริคจะมั่นใจว่าอัครสาวกของมิสเตอร์ฟูลคงไม่ทำร้ายพวกตน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลดความระแวงลง

“แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งรอกิน อีกกลุ่มทดลองกินทันที”

“รับทราบ อาวุโสเดอร์ริค” แคนดิสยืนขึ้นทันที “ฉันอาสาเข้ากลุ่มทดลอง!”

กลุ่มของสมาชิกสิบคนถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน แคนดิสและลีอาวาลเดินไปทางโต๊ะยาวใกล้กับกำแพง จากนั้นก็ตักสิ่งที่ตัวเองคิดว่าน่าสนใจมากที่สุดอย่างเนื้อย่างเดซีย์มาหนึ่งส่วน

หลังจากกัด ไม่ว่าจะกลิ่นของเลือดภายในเนื้อ รสสัมผัส และความเย้ายวนของรสเนื้อเน้นๆ ทุกองค์ประกอบทำให้เกิดประสบการณ์อันซับซ้อนภายในช่องปากของทั้งสอง เมื่อเคี้ยวไปได้สองครั้ง พวกเธอรอไม่ไหวแล้วที่จะกลืนอาหารลงท้องเพื่อกินคำต่อไป

อร่อยกว่าเห็ดเนื้อที่เคยกินหลายเท่า

พอรู้ตัวอีกที ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทั้งสิบคงต่างก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยการมองเห็นที่พร่ามัว

บนดาดฟ้าเรือ เดอร์ริคมองไปตามเส้นทางเดินเรือปลอดภัยบนซากสมรภูมิเทพ ภายในใจกำลังขบคิดเกี่ยวกับวิธีวางตัวให้เหมาะสมเมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าสาวกของเดอะฟูล

ทันใดนั้นเอง ลูกเรือคนหนึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับหายใจหอบ

“ท่านลอร์ด พวกเขากินเสร็จแล้ว แถมยังขอเบิ้ล!”

…คนพวกนี้มาจากที่ไหนกันแน่? เดนิสผงะไปเล็กน้อย

“เตรียมอาหารชุดใหม่ให้พวกเขา”

เมื่อเห็นว่าลูกเรือเตรียมหันหลังกลับ เดนิสรีบเสริม

“นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราจะเริ่มตกปลา!”

ทะเลโซเนีย บนเกาะร้าง

ไคลน์ที่เริ่มปรับตัวให้เข้ากับสภาพปัจจุบัน พยายามข่มพลังวิญญาณให้สงบเพื่อเตรียม ‘เทเลพอร์ต’ กลับเบ็คลันด์และอัญเชิญกระจกวิเศษอาโรเดสออกมาถามสิ่งที่คาใจ

ชายหนุ่มยังไม่รีบร้อนพาชาวเมืองจันทราออกมาสู่โลกภายนอก แต่เลือกจะรอให้เดนิสจัดระเบียบผู้บุกเบิกของเมืองเงินพิสุทธิ์ให้เรียบร้อยเสียก่อน และรอให้ร่างกายของตนสมบูรณ์กว่านี้ก่อนก็ยังไม่สาย ต้องไม่ลืมว่า เส้นทางสำหรับออกจากดินแดนเทพทอดทิ้งถูกเปิดแล้ว ไคลน์สามารถใช้วิธีตอบสนองคำสวดวิงวอนเพื่อส่งพลังของไม้เท้าดวงดาวลงไปเคลื่อนย้ายชาวเมืองจันทราออกมาได้ทันที

และแน่นอน ต่อให้ประตูปิดกลับไปอีกครั้งไคลน์ก็ยังมีวิธี นั่นคือการย้ายชาวเมืองจันทรามาที่วังราชาคนยักษ์และให้คนเหล่านั้นเปิดประตูออกไปด้วยตัวเอง เมื่อปราศจากศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่งและวิญญาณมารเทวทูตมืด ผู้วิเศษทั่วไปย่อมสามารถเปิดประตูได้ง่ายดาย

สำหรับคำถามที่ว่า พระผู้สร้างแท้จริงจะขัดขวางหรือไม่ ไคลน์ไม่สนใจ เพราะต่อให้เทพลำดับ 0 สนใจจะขัดขวางจริง ตนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

นอกจากนั้น ไคลน์เชื่อว่าพระผู้สร้างแท้จริงคงไม่ได้กำลังเพ่งความสนใจมาที่ประเด็นนี้ เพราะสิ่งที่เร่งด่วนที่สุดของอีกฝ่ายคือการจับตัวอามุนด์และนำศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่งมาครอบครอง

ถ้าว่ากันตามตรง นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัว… ไคลน์พึมพำเงียบ จากนั้นก็คว้ายุบพองหิวโหยออกจากอากาศและนำมาสวมลงบนมือซ้าย

“ข้าขอเสียมารยาทเป็นผู้แนะนำ” หลังจากเห็นไคลน์พยักหน้ารับ แสงส้มชี้ไปทางชายชราในเสื้อคลุมแดงเจ้าของมาดสง่างาม “เขาคือแสงแดง ไอร์·โมเรีย”

คนที่เคยตอบคำถามเรา… ไคลน์ยิ้มทันทีพร้อมกับแสดงท่าทีเป็นมิตร

จากนั้น ฮิลลาเรี่ยนทำการแนะนำ ‘แสงเหลือง’ เวนิธาน ‘แสงน้ำเงิน’ คูทูมี ‘แสงคราม’ เฮซุส และ ‘แสงม่วง’ แฌร์แม็ง

แสงเหลืองเวนิธาน… นี่คือผู้ทำนายวันสิ้นโลกตามที่บรรพบุรุษของตระกูลอับราฮัมบันทึกไว้? ไคลน์ชำเลืองไปทางชายชราร่างผอมที่แต่งกายในชุดคลุมสีเหลืองมะนาวและมีเครายาวสีขาว:

“นั่งคุยกันดีกว่า”

ขณะกล่าว มันยกมือขวา

บริเวณโดยรอบสว่างไสวไปด้วยสีแดงเข้มทันที เป็นแสงจากไฟเตาผิงที่ใช้ฟืนคุณภาพสูง

แสงไฟฉาบลงบนเก้าอี้เอนหลัง พรมสีเหลืองหม่น ตู้กับข้าว โซฟา โต๊ะกาแฟ รูปปั้นปูนหล่อ ถ้วยชากระเบื้องเคลือบสีขาว และสิ่งตกแต่งอื่นตามสไตล์ห้องนั่งเล่นของเบ็คลันด์

“เชิญนั่ง” ไคลน์หันหน้าเข้าหาเจ็ดแสงพิสุทธิ์พลางชี้ไปทางโซฟาและเก้าอี้พนักสูงอย่างยิ้มแย้ม

เมื่อเจ็ดแสงพิสุทธิ์แยกกันนั่ง ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้เอนหลัง หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบและกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ

“ด้วยความสัตย์จริง ข้าต้องการจะเยี่ยมเยียนพวกเจ้าทั้งเจ็ดมานานแล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้สักที ในที่สุดก็ได้เติมเต็มความปรารถนานั้น”

“เป็นความปรารถนาของเราเช่นกัน” คล้ายกับแสงส้มมีนิสัยเข้ากับคนง่ายที่สุดในหมู่เจ็ดแสง มันรีบตอบรับแทนพวกพ้องทุกคน

เห ทำไมเราถึงรู้สึกเหมือนได้เติมเต็มความปรารถนาของผู้อื่น… ไคลน์โล่งใจ ตามด้วยถามหยั่งเชิง

“พวกเจ้าทั้งเจ็ดทราบสิ่งใดเกี่ยวกับอวกาศ วันวาน และเทพภายนอกบ้าง?”

แสงน้ำเงินเฮซุสซึ่งมีรูปลักษณ์ค่อนข้างอ่อนวัย แต่งกายในชุดผ้าลินิน ตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม:

“วันวานที่กำลังเฝ้ามองโลกของเราประกอบไปด้วย ‘มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม’ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ‘บุตรแห่งปฐมกาล’ ‘ต้นกำเนิดความหิวโหย’ ‘ธำมรงค์แห่งกรรม’ ‘เจ้าแห่งมหาดารา’ ‘เสียงเพรียกนิรันดร์’ ‘จอมราชันแห่งความเสื่อมถอย’ ‘ผู้ตรวจการเหนือห้วงมิติ’ …”

…นี่ไม่มากไปหน่อยหรือ? ไคลน์ถึงกับผงะ

……………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ