ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1271

สรุปบท ราชันเร้นลับ 1271 : เจ็ดแสง: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 1271 : เจ็ดแสง – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet

บท ราชันเร้นลับ 1271 : เจ็ดแสง ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เมื่อได้ยินคำตอบจากแสงครามเฮซุส จิตไคลน์พลันตึงเครียดทันที พลางนึกถึงพระจันทร์สีแดง ดาวน้ำตาล ดาวแดง ดาวน้ำเงิน และดาวทอง ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังจดจ้องมายังโลกด้วยความเหยียดหยัน

การเชื่อมต่อถูกสร้างขึ้นอย่างเงียบงัน ความรู้สึกถูกกัดกร่อนที่เริ่มก่อตัว ทำให้หนอนวิญญาณภายในใจไคลน์เริ่มกระสับกระส่าย

ในฐานะเทวทูตผู้ควบคุมปราสาทต้นกำเนิด ไคลน์มีวิธีมากมายสำหรับตัดการเชื่อมต่อดังกล่าว วิธีแรก ใช้ระดับตัวตนและพลังของร่างสัตว์ในตำนานที่สมบูรณ์ วิธีที่สอง ข่มหลักยึดเหนี่ยวและปล่อยให้ตราประทับทางจิตของมหาต้นกำเนิดอาละวาดเพื่อกับการกัดกร่อนชนิดใหม่ วิธีที่สาม พึ่งพาออร่าของปราสาทต้นกำเนิดที่สามารถระดมพลังบนโลกความจริงได้แล้ว

โดยปราศจากความลังเล ชายหนุ่มเลือกวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดเพื่อไม่ให้เหลือทิ้งภัยซ่อนเร้น

หมอกสีเทาเจือจางปรากฏขึ้นรอบตัวชายหนุ่ม ภาพจินตนาการเกี่ยวกับดวงดาวต่างๆ เริ่มเลือนหาย

ผ่านไปสักพัก ไคลน์กล่าวต่อ:

“เทพภายนอกมีมากมายขนาดนั้นเชียว?”

แสงครามเฮซุสเป็นสัญลักษณ์ในขอบเขตการสวดวิงวอน มันสัมผัสแหวนทับทิมที่สวมอยู่พลางพยักหน้ากล่าว

“นับตั้งแต่ปฐมต้นกำเนิดลืมตาตื่นขึ้นและแบ่งตัว เหล่าเทพภายนอกที่ทรงพลังทั่วจักรวาลก็เริ่มมารวมตัวกันรอบระบบสุริยะแห่งนี้ บ้างต้องการทวงคืน ‘แก่นแท้แห่งต้นกำเนิด’ และตะกอนพลังที่ถูกฉีกออกจากร่างพวกท่านและถูกดึงดูดมายังโลก บ้างต้องการช่วงชิงแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดและตะกอนพลังลำดับสูงที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง”

ปฐมต้นกำเนิด… เจ็ดแสงเรียกพระผู้สร้างต้นกำเนิดว่า ‘ปฐมต้นกำเนิด’ ไม่ใช่ ‘มหาต้นกำเนิด’ … ในเชิงความหมายฟังดูไม่ต่างกันมากนัก… ไคลน์เรียงคำพูดก่อนจะถาม

“ตะกอนพลังกับแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดที่ฉีกขาดและถูกดึงดูดมายังโลก?”

ชายหนุ่มเข้าใจคำพูดส่วนใหญ่ของแสงคราม และสามารถปะติดปะต่อข้อมูลได้ทันที มีเพียงประเด็นนี้ที่คาดไม่ถึง

ในฐานะสัญลักษณ์ของขอบเขต ‘เข้าฌาน’ แสงน้ำเงินคูทูมีซึ่งใช้ความรักและปัญญาเป็นคุณลักษณะหลัก อธิบายอย่างเป็นกันเอง:

“ท่านน่าจะคุ้นเคยกับกฎแรงดึงดูดของพลังพิเศษดีอยู่แล้ว”

เมื่อเห็นไคลน์พยักหน้า ชายชราเคราดกที่ผูก ‘ไพลิน’ ไว้รอบหน้าผากกล่าวต่อไป:

“นั่นไม่ได้เป็นเพียงกฎของลำดับเส้นทาง แต่ยังใช้ได้กับตะกอนพลังและแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดของเทพภายนอกด้วย โดยเฉพาะตัวตนที่เคยถูกบ่มเพาะโดย ‘ปฐมต้นกำเนิด’ โดยตรงอย่าง ‘มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม’ ‘บุตรแห่งปฐมกาล’ และ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ … สำหรับคำถามที่ว่า ยังมีเทพภายนอกตนอื่นอยู่ในกลุ่มนี้อีกไหม พวกเราเองก็ไม่แน่ใจ… สรุปโดยสั้น ‘วันวาน’ ทั้งสามที่สูญเสียแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดและตะกอนพลังไปบางส่วน ให้ความสนใจและกระตือรือร้นที่จะกัดกร่อนโลกวิญญาณและโลกแห่งความจริง เพื่อสร้างมลพิษแก่พวกเรา”

ไคลน์พยักหน้ารับ ตามด้วยถามกึ่งมั่นใจ

“กล่าวคือ บางส่วนของยี่สิบสองเส้นทางและเก้าแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดเคยเป็นของเทพภายนอก?”

“ใช่” แฌร์แม็ง สัญลักษณ์ในขอบเขต ‘เวทมนตร์พิธีกรรม’ ผู้ถืออัญมณีสีม่วง ถือโอกาสตอบคำถาม “เมื่อมีเส้นทางครบยี่สิบสองและแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดครบเก้า ทุกสิ่งก็เข้าสู่ภาวะสมดุล นี่อาจเป็นการเชื่อมโยงในเชิงศาสตร์เร้นลับจาก ‘ปฐมต้นกำเนิด’”

ไคลน์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะถามต่อ

“มีเส้นทางใดบ้าง?”

แฌร์แม็งซึ่งมีใบหน้าส่องแสงสีม่วงจางตอบ:

“ยกตัวอย่างเช่น เส้นทางจันทราและธรณีล้วนเป็นของ ‘มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม’ พระองค์คือตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนือเทพภายนอกทั้งหมด แม้ว่าหนึ่งในแก่นแท้แห่งต้นกำเนิดซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของพระองค์อย่าง ‘รังมารดา’ จะถูกฉีกออกจากร่าง แต่ความจริงดังกล่าวก็ไม่เปลี่ยนไป ในทำนองเดียวกัน พระองค์คือผู้ปกครองพลังแห่งสตรีทั้งปวงในจักรวาล”

ได้ยินแฌร์แม็งกล่าวเช่นนั้น แสงเขียวซาราพิสขำออกมาทันที:

“อันที่จริง ถ้าลองวิเคราะห์ยี่สิบสองเส้นทางอย่างละเอียด คุณจะพบว่าเส้นทางจันทราและธรณีมีความขัดแย้งกันมากที่สุด… หึหึ ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ แม้เส้นทางแม่มดจะแสดงถึงส่วนที่เป็นสตรีของ ‘ปฐมต้นกำเนิด’ แต่เส้นทางนักบวชสีชาดก็คอยถ่วงดุลด้วยการเป็นตัวแทนส่วนที่เป็นบุรุษของพระองค์ ทว่า สำหรับเส้นทางจันทราและธรณีที่ทำให้ผู้วิเศษลำดับสูงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเพศหญิงได้ทั้งคู่เช่นกัน กลับไม่มีเส้นทางใดเลยมาคอยถ่วงดุลเพศชาย”

เมื่อเห็นไคลน์ขมวดคิ้ว แสงเขียวเจ้าของผมยาวประหนึ่งศิลปินยิ้มและพูดต่อ:

“ลำดับ 2 สองเส้นทางธรณีมีชื่อว่า ‘มารดามหาแพร่พันธุ์’ และลำดับ 1 ของเส้นทางจันทรามีชื่อว่า ‘เทพธิดาแห่งความงาม’ ดังนั้น เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดจึงมีเพียงราชินีโดยปราศจากเจ้าชาย”

ถ้าอย่างนั้น เพศเดิมของเทพธิดาบรรพกาลอย่างลิลิธเป็นชายหรือหญิง? ไคลน์พึมพำในใจก่อนจะถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ดวงจันทร์บรรพกาลคือ ‘มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม’ ?”

“ใช่” แสงแดง ไอร์·โมเรียที่แต่งกายด้วยมงกุฎเพชร พยักหน้ารับอย่างสง่างาม “พระองค์ครอบครองดวงจันทร์ เมื่อผนวกกับปัจจัยอื่นอย่างระดับตัวตน รังมารดา และเอกลักษณ์ของทั้งเส้นทางจันทราและธรณี อิทธิพลของพระองค์ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาในโลกความจริงในฐานะตัวตน ‘ดวงจันทร์บรรพกาล’ ”

กล่าวถึงตรงนี้ ไอร์·โมเรียเว้นวรรค

“นามเต็มของพระองค์คือ ‘มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทราม’ ‘ปฐมกาลแห่งความชั่ว’ ‘ผู้ไม่ดับสูญ’ และ ‘รังมารดาแห่งมลทิน’ ”

ไคลน์หวนนึกถึงการตอบสนองอย่างสุดโต่งของดวงจันทร์ในตอนที่ตนรู้ความลับอวกาศเป็นครั้งแรก มันถามต่อไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน:

“เส้นทางปีศาจและนักโทษมาจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย?”

แสงเหลืองเวนิธานในเสื้อคลุมสีเหลืองมะนาว ถอนหายใจยาว:

แสงแดง ไอร์·โมเรีย ครุ่นคิดสักพักก่อนจะกล่าว

“นี่คือเหตุผลที่เจ็ดเทพจารีตแทบไม่มีการเคลื่อนไหวมาตลอด จนกระทั่งไม่นานมานี้จึงค่อยเริ่มเล็ง ‘เหนือลำดับ’ และลงมืออย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ดี แม้เจตจำนงของปฐมต้นกำเนิดจะเลือนหายไปได้ แต่ดวงวิญญาณของท่านจะคงอยู่ตลอดกาล และไม่ถูกทำลายเว้นเสียแต่จักรวาลแห่งนี้จะกลับคืนสู่หนึ่งเดียวอีกครั้ง ดังนั้นจึงยังมีโอกาสที่ ‘ปฐมต้นกำเนิด’ จะตื่นขึ้นภายในตัวตนลำดับสูง ยิ่งระดับสูงเพียงใดก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากเท่านั้น และผลข้างเคียงทางอิทธิพลกับการกัดกร่อนจะยิ่งหนักหน่วง”

พลังเหนือมนุษย์และคำสาปเปรียบดังเหรียญสองด้านที่ไม่มีวันแยกจากกัน… ไคลน์ถอนหายใจยาว บังคับตัวเองให้เลิกคิดเกี่ยวกับประเด็นที่ยังค่อนข้างไกลตัว

“พวกเจ้าทราบสูตรโอสถบริวารเร้นลับหรือไม่”

แสงม่วงแฌร์แม็งที่ถืออัญมณีสีม่วงเป็นผู้มอบคำตอบ

“ความรู้ในประเด็นดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับปริศนาบางอย่าง และสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ภายในโลกวิญญาณ แต่จากการสังเกตของพวกเรา พิธีกรรมเลื่อนลำดับเป็นบริวารเร้นลับน่าจะเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับโลกวิญญาณ”

แสงส้มฮิลลาเรี่ยนยิ้มให้ไคลน์ทันที

“หากเวลานั้นมาถึงและท่านประสงค์สิ่งใด พวกเรายินดีช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง”

ความกระตือรือร้นที่จะผูกมิตรของพวกเขาทำให้เรากลัวนิดหน่อย เหมือนกับกำลังเผชิญหน้าอาโรเดส… ไคลน์ผงกศีรษะแผ่วเบาก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

หลังจากไตร่ตรองสักพัก ชายหนุ่มถามเสียงขรึม

“พวกเจ้ารู้จักราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชคหรือไม่”

ชายหนุ่มแปลงชื่อเป็นภาษาเอลฟ์

เจ็ดแสงเงียบไปครู่หนึ่ง พวกมันมองหน้ากันโดยไม่มีใครตอบอยู่สักพัก

ผ่านไปไม่กี่วินาที แสงส้มฮิลลาเรี่ยนถอนหายใจ:

“พวกเรายังยืนยันไม่ได้ว่าท่านคือ ‘พระองค์’ หรือไม่… พระองค์เป็น ‘วันวาน’ ที่มีบทบาทสำคัญในช่วงสิ้นสุดอารยธรรมโบราณจนถึงกลางยุคสมัยที่หนึ่ง… พระองค์คือ ‘ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ’ ที่พวกเรามักพูดถึง… ราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชคคือชื่อที่พระองค์ใช้ในทวีปตะวันตก นอกจากนั้นพระองค์ยังมีชื่ออื่นซึ่งประกอบไปด้วย: ‘ราชันกาลเวลาและห้วงมิติ’ ‘ดวงประทีปแห่งชะตากรรม’ ‘ร่างอวตารของปราสาทต้นกำเนิด’ ‘ผู้ปกครองโลกวิญญาณ’ และ…”

กล่าวถึงตรงนี้ แสงส้มเว้นวรรคเล็กน้อย:

“ราชันเร้นลับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ