ได้เห็นฉากตรงหน้า คาร์เทอริน่าพลันผงะถอยหลัง ภายในใจเงียบสงัดทันที
ผ่านไปสองวินาที เธอเปิดปากพร้อมกับเปล่งเสียงผู้ชาย
“ว่าไง อีกาน้อย”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ คาร์เทอริน่ายิ้มและกล่าวต่อ
“ส่งร่างโคลนมาแค่ไม่กี่ตัว เจ้ากำลังถูกดูข้าอยู่หรือ? อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่เดินทางไกลมาเพียงเพื่อส่งตะกอนพลังให้ข้าถึงที่? บอกมาตรงๆ ว่าต้องการความร่วมมือแบบใด ข้าก็ไม่ได้เกลียดเจ้านักหรอก เพราะท้ายที่สุด สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเป็นแผนของเจ้าคนขี้ระแวงนั่น ตัวต้นคิดคืออลิสต้า·ทูดอร์ ส่วนเจ้าเป็นแค่ผู้ร่วมมือ”
ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามใช้มือคว้ามงกุฎสีแดงที่เปื้อนสนิมและเลือด มันเหยียดตัวตรงพร้อมกับส่ายหน้าและยิ้ม
“ทันทีที่ได้ยินเสียงเจ้า ข้าก็ไม่อยากร่วมมือทันที… ช่วยนำเซารอนกับไอน์ฮอร์นออกมาคุยแทนด้วย”
“เฮ้อ… ผ่านมาแล้วหลายปี เจ้ายังเอาแต่ใจเหมือนเด็กน้อย… ลืมไปแล้วหรือว่าใครมีหน้าที่อุ้มเจ้าตอนเจ้ายังเล็ก? ใครเป็นคนเผาผมของเจ้า?” วิญญาณมารเทวทูตสีชาดเย้ยหยันโดยไม่เกรงกลัว
ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามขยับแว่นตาขาเดียวด้วยมือที่ว่างอยู่ จากนั้นก็หันหลังกลับโดยไม่กล่าวคำใด เดินออกจากห้องโดยไม่ลังเล
ระหว่างนั้น มันถอนหายใจเสียงต่ำ
“เด็กน้อย”
เมื่อเห็นว่าอามุนด์ไม่มีทีท่าจะหยุดเดิน เทวทูตสีชาดเงียบไปสักพัก จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินออกจากห้อง มันจึงบังคับร่างคาร์เทอริน่าส่งเสียง:
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้จุดประสงค์ของเจ้า… แต่เรื่องนั้นมิได้สำคัญ ขอเพียงเจ้าไม่เหมือนกับคนขี้ระแวงนั่น พวกเรายังร่วมมือกันได้”
อามุนด์ชะงักฝีเท้า หันกลับไปครึ่งตัวพลางจ้องมองแม่มดขาวคาร์เทอริน่าซึ่งถูกวิญญาณมารเทวทูตสีชาดสิงสู่
แว่นขาเดียวที่ตาขวาคล้ายกับส่องแสงเล็กน้อย
…
แคว้นอาโฮว่า ในเมืองที่ถูกสร้างใหม่หลังสงคราม ภายในผับที่มีร้อยไหม้หลายแห่ง
“โทบี้ นายผสมน้ำเปล่าใส่เบียร์มากไปไหม?” ชายสวมหมวกแก๊ปใบโทรมยกแก้วขึ้นมาจิบ อดไม่ได้ที่จะบ่น
เจ้าของร้านซึ่งทำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วย พ่นลมหายใจขณะเช็ดแก้ว
“จำกฎห้ามขายเหล้าไม่ได้หรือ? โอลิช การที่ยังมีเหล้าให้นายดื่มก็ดีแค่ไหนแล้ว!”
ชายร่างกำยำนามว่าโอลิช พึมพำสองสามคำก่อนจะดื่มเบียร์ต่อโดยไม่กล่าวคำใด
ชาวผิวแทนด้านข้างที่ถกแขนเสื้อ เงยหน้าขึ้นพูด
“ฉันได้ยินว่ากฎห้ามขายเหล้ากำลังจะถูกยกเลิกในอีกไม่ช้า เพราะธัญพืชจากเฟเนพ็อตใกล้จะลำเลียงมาถึง และฟุซัคกับอินทิสก็ยังจะชดเชยค่าปฏิกรรมสงครามด้วยธัญพืชเป็นจำนวนมาก!”
“ได้แต่หวังว่าจะเป็นแบบนั้น ขอพระองค์ทรงอวยพรพวกเรา” ทันทีที่เจ้าของร้านอย่างโทบี้ตอบ มันได้ยินเสียงเปิดประตู
มันเงยหน้าขึ้นและพบชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูคล้ายนักมายากลพเนจรเดินเข้ามา
ชายคนดังกล่าวแต่งกายในชุดคลุมสีดำและหมวกทรงสูงแบบโบราณ เดินตรงมาที่เคาน์เตอร์และนั่งบนเก้าอี้ยกสูง
“เบียร์นันวีลล์หนึ่งแก้ว” ชายคนดังกล่าววางเหรียญเพนนีทองแดงลงบนเคาน์เตอร์ไม้
ชายกำยำที่ชื่อโอลิชชำเลืองมาทางด้านข้างและถามด้วยความสงสัย
“คนต่างถิ่น? นักมายากล?”
ชายหนุ่มเจ้าของรูปลักษณ์ธรรมดาจนยากจะจดจำ หัวเราะพลางกล่าว
“ใช่แล้ว ผมเชี่ยวชาญเวทมนตร์ที่เติมเต็มความปรารถนาของผู้คน”
โอลิชผิวปาก
“อะไรนะ? เติมเต็มความปรารถนาของผู้คน? ข้าแต่พระองค์ ที่นี่มีคนพยายามทำตัวเป็นเทพ!”
การเย้ยหยันดังกล่าวทำให้คนรอบข้างต่างพากันหัวเราะ
ชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นนักมายากลมิได้ถือสา เพียงยิ้มและกล่าวต่อไป
“ก็แค่มายากลชนิดพิเศษ”
โอลิชจิบเบียร์พลางหัวเราะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเติมเต็มความปรารถนาของข้า โดยการให้เจ้าของร้านขี้งกคนนี้เลี้ยงเบียร์ข้าหนึ่งแก้ว”
“ตกลง” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำยกมือขวาขึ้นพลางเคาะเคาน์เตอร์
ตึง! โทบี้ผู้เป็นเจ้าของร้านกระแทกแก้วลงบนเคาน์เตอร์พร้อมกับรินเบียร์ จากนั้นก็ผลักไปหาโอลิชและกลับไปเช็ดแก้วต่อ
ฉากที่ดูคล้ายเดิมทำให้โอลิชตกตะลึงสักพักก่อนจะตะโกนด้วยความฉงน
“โทบี้ นายรู้จักเขาหรือ”
“ไม่” โทบี้ผู้เป็นเจ้าของร้าน ชำเลืองโอลิชด้วยสายตาราวกับอีกฝ่ายเป็นไอ้งั่ง
“…” โอลิชยกแก้วเบียร์ขึ้นด้วยความลังเล จิบมันอย่างระมัดระวังเพื่อทดสอบว่าโทบี้จะคิดเงินหรือไม่
เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านเลิกสนใจตน ชายกำยำรีบหันมาทางชายหนุ่มที่แต่งกายในชุดคลุมสีดำและหมวกทรงสูงด้วยความประหลาดใจ
“นายทำได้ยังไง?”
“ผมบอกแล้วว่านั่นคือมายากลชนิดพิเศษ” ชายหนุ่มจิบเบียร์นันวีลล์ด้วยความสบายใจ
ขณะโอลิชกำลังทึ่ง ชายที่พับแขนเสื้อหัวเราะในลำคอ
“ฉันพนันได้เลยว่านายกับโทบี้ต้องเตี๊ยมกันมาก่อน และการเคาะโต๊ะย่อมหมายความว่านายจะเป็นคนจ่ายค่าเบียร์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ