หลังจากเรือเดินสมุทรลำใหญ่ของกลุ่มต่อต้านเข้าจอดเทียบท่า ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคนได้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นเสื้อคอกลม แจ็คเก็ตสีน้ำตาล กางเกงขาบาน และหมวกแก๊ปสีดำที่เตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็เดินตามลอร์ดเดนิสลงจากเรือ และเตรียมผ่านเขตท่าเรือเข้าไปในเมืองแห่งการให้ บายัม
“แต่งตัวแบบนี้อึดอัดชะมัด ไม่เหมาะกับการต่อสู้เลยสักนิด…” ขณะกำลังเดิน ลีอาวาลขยับมือเท้าพลางกระซิบกับอาวุโสเดอร์ริค
เดอร์ริคพยักหน้ารับ
“แต่สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเราไม่เป็นที่สะดุดตา ง่ายต่อการกลมกลืน”
การให้เหตุผลของเดอร์ริคนั้นไม่มีปัญหา เพราะตอนนี้พวกมันเป็นคนต่างถิ่นซึ่งมีจำนวนเพียงยี่สิบเอ็ด เป็นการดีที่จะไม่ทำตัวสะดุดตาเกินไป แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะหลงลืมรายละเอียดที่สำคัญ
“ต…แต่พวกเขากำลังจ้องมาทางนี้… ทุกคนเลย” แคนดิสกระซิบกระซาบขณะกวาดสายตา
คนงานในท่าเทียบเรือ ไม่ว่าจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายหรือปล่อยท่อนบน ทุกคนต่างหันมาจดจ้องนักเดินทางหน้าใหม่
“สูงฉิบ…” ชาวบายัมเจ้าของผิวสีแทนและผมหยักศกเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะรำพัน
ตัวมันสูงราว 1.6 เมตร เป็นความสูงมาตรฐานของพลเรือนชายในอาณานิคมสมัยใหม่ แต่สำหรับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ทุกคน หากไม่นับเดอร์ริคที่สูงกว่าสองเมตรเพียงเล็กน้อย คนที่เหลือล้วนไม่มีใครต่ำกว่า 2.3 เมตร และสูงที่สุดเกินกว่า 2.5 เมตรไปอีก
การที่ครึ่งยักษ์เหล่านี้เดินเตร็ดเตร่แถวท่าเรือ ไม่ว่าจะแต่งกายด้วยอะไรก็ล้วนโดดเด่น
“พวกฟุซัค?” สุภาพบุรุษชาวโลเอ็นที่สวมหมวกทรงสูง แต่งกายสุภาพและถือไม้ค้ำ หันไปกล่าวกับสหาย “การค้าทาสเริ่มขึ้นแล้วหรือ?”
มันเชื่อว่าชาวเมืองเงินพิสุทธิ์คือเชลยศึกชาวฟุซัคที่รัฐบาลรอสต์ซื้อมาจากอาณาจักรโลเอ็น เพราะท้ายที่สุด สำหรับโลกยุคปัจจุบัน การมีความสูงระดับนี้ย่อมเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากชาวฟุซัค พวกคนเถื่อนที่อ้างตัวว่าทายาทของคนยักษ์
พวกพ้องของมันส่ายหน้าพลางขมวดคิ้ว
“ดูไม่เหมือนเท่าไร พวกฟุซัคส่วนมากจะมีตาสีฟ้าอ่อน และถึงจะเป็นชาวฟุซัค แต่ก็หาคนที่สูงกว่าสองเมตรได้ยากมาก… ว…เว้นเสียแต่พวกเขาจะเป็นเชลยศึกระดับขุนนางใหญ่หรือแม่ทัพ…”
ในฟุซัค แม้จะไม่มีข้อกำหนดตายตัว แต่สำหรับกองทัพ ความสูงกลับสามารถบ่งบอกสถานะได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงข้อเดียวในการพิจารณา ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านภูมิหลังครอบครัว บรรดาศักดิ์ตระกูล และยศเป็นต้น
จาก ‘หลักการ’ ดังกล่าว บรรดาลูกหลานของขุนนางฟุซัคและเบื้องบนของกองทัพจึงมีความสูงเกินสองเมตรเป็นส่วนใหญ่
คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ แต่ความจริงแล้วส่วนสูงดังกล่าวเกิดจากอิทธิพลของตะกอนพลัง
กลุ่มคนที่สามารถเป็นเบื้องบนของกองทัพฟุซัคได้ หากไม่ได้เป็นขุนนางใหญ่ก็ต้องอยู่ในลำดับ 5 เป็นอย่างน้อย และสำหรับรายหลัง เมื่อซึมซับอิทธิพลจากโอสถเส้นทางคนยักษ์อย่างต่อเนื่อง ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่ส่วนสูงจะขยับเข้าใกล้ค่า ‘มาตรฐาน’ – เหล่าผู้ที่เลือกเส้นทางนักบวชสีชาดเองก็มีความสูงเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ช่วงแรกจะไม่เด่นชัดเท่าเส้นทางคนยักษ์ และรวมทั้งหมดก็เพิ่มขึ้นไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ต้องเลื่อนเป็นครึ่งเทพให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพเสียก่อน
สำหรับกลุ่มทายาทขุนนางใหญ่ บรรพบุรุษของพวกมันมีแนวโน้มที่จะเป็นคนยักษ์แท้ หรือไม่ก็ผ่านการสมรสกับคนยักษ์แท้ ไม่ต้องคำนึงว่าทายาทจะสืบทอดตะกอนพลังมาจากพ่อแม่หรือไม่ ลำพังรหัสพันธุกรรมก็มากพอจะช่วยให้ส่วนสูงของพวกมันเพิ่มถึงสองเมตรได้ตามธรรมชาติ
ในหมู่คนเหล่านี้ ตระกูลที่ยังคงครอบครองเส้นทางคนยักษ์และกลุ่มที่ยังหลงเหลือมรดกบางอย่าง ทายาทของพวกมันจะมีโครงสร้างร่างกายคล้ายคลึงกับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์
สำหรับราชวงศ์ฟุซัคซึ่งถือครองเส้นทางนักบวชสีชาด พวกมันรักษาความสูงของลูกหลานด้วยการสมรสกับสายเลือดคนยักษ์แท้
ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ที่ถูกสายตาหลายคู่จ้องมองเริ่มทวีความประหม่า เป็นความรู้สึกคล้ายกับพวกมันถูกส่งกลับไปยังดินแดนต้องสาปและรายล้อมไปด้วยสายตาของสัตว์ประหลาดในเงามืด
เดอร์ริคยังคงสุขุมและใจเย็น มันมองไปรอบตัวก่อนจะกล่าวกับสมาชิกทีมบุกเบิก
“พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย”
หลังจากยืนยันว่ามิสเตอร์แฮงแมนอยู่ในเมืองนี้ และอีกฝ่ายทราบการมาถึงของตนแล้ว เดอร์ริคไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรืออับจนหนทาง
นั่นไม่ได้หมายความว่าเด็กหนุ่มไม่ไว้ใจ ‘ลอร์ดเดนิส’ ผู้ส่งสารที่มิสเตอร์ฟูลมอบหมายให้มาทำภารกิจ เพียงแต่มองว่าหากเป็นปัญหาในชีวิตประจำวัน พวกมันก็ไม่อยากรบกวนทวยเทพสักเท่าไร ถ้าสิ่งใดแก้ไขด้วยตัวเองได้ก็จะลองทำดูก่อน
ในแง่ของการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เดอร์ริคซึ่งยังไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอกย่อมไม่มั่นใจว่าตนจะรับมือได้ดี ด้วยเหตุนี้ การมี ‘คนท้องถิ่น’ ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ ปัญญา ความรอบคอบ และน่าเชื่อถือคอยสนับสนุน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แน่นอน เดอร์ริคทราบดีว่า มิสเตอร์แฮงแมนจะไม่ติดต่อกับพวกตนในที่สาธารณะ เพราะอีกฝ่ายสังกัดกองกำลังอื่น ไม่ได้เป็นสาวกของเทพสมุทร หากเผลอมาตีสนิทกับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ นั่นอาจทำให้ถูกสงสัยเอาได้
อย่างไรก็ดี เขาจะต้องหาเหตุผลที่ฟังขึ้นเพื่อมาพบเราได้แน่… เดอร์ริคครุ่นคิดด้วยความคาดหวัง
ท่ามกลางกระแสความคิด มันและทีมบุกเบิกของเมืองเงินพิสุทธิ์เดินตามลอร์ดเดนิสออกจากท่าเรือไปยังถนน
ทัศนวิสัยของพวกมันกว้างขึ้นทันใด ทุกคนได้เห็นผู้คนมากมาย แถมยังได้ยินเสียงที่หลากหลายซึ่งแตกต่างออกไป
สำหรับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ ฉากตรงหน้ามีชีวิตชีวายิ่งกว่า ‘เทศกาลเก็บเกี่ยวใหญ่’ ในบ้านเกิดเสียอีก: ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ้างกำลังเดินด้วยความเร่งรีบ บ้างเดินเล่นผ่อนคลาย และบ้างกำลังถือตะกร้าผลไม้ บางคนใช้หลอดดูดของเหลวออกจากด้านในผลไม้ บางคนถืออาหารที่ดูคล้ายพายแสนอร่อยบนเรือและใช้ปากกัดเป็นครั้งคราว
นอกจากนั้นยังมีสัตว์คล้ายม้าที่กำลังลากรถจนเกิดเสียงคล้ายกระดิ่ง วัตถุโลหะที่วิ่งด้วยความเร็วสูง และกลิ่นของเครื่องเทศนานาชนิดที่แทรกซึมอยู่ตามถนน ทำให้ทุกคนในเมืองเงินพิสุทธิ์รู้สึกราวกับหลุดมายังอีกโลกหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ