ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 1297

บึ้ม!

กัปตันทีมถุงมือแดง เอริค ผู้กำลังตื่นตัวอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะร่างกายสั่นเทา หลังจากเห็นศีรษะของนักมายากลพเนจรนามว่าเมอร์ลิน·เฮอร์มิสระเบิดต่อหน้ากล้องดูดาว

อย่างไรก็ดี ฉากตรงหน้ากลับไม่มีเลือดสาดกระเซ็น แขนขาที่ขาดกระจายหายไปในอากาศประหนึ่งฟองสบู่

“…” เอริคและสมาชิกในทีมต่างพากันตกตะลึง พวกมันไม่เข้าใจเบื้องหลังของพัฒนาการตรงหน้า

วินาทีถัดมา เอริคกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

“ถอย!”

มันต้องการอพยพสมาชิกในทีมออกจากหอพักก่อนที่อันตรายจะก่อตัว

ทันใดนั้นเอง อีกร่างหนึ่งกำลังเดินมาจากประตูห้อง 403 ซึ่งเปิดอยู่ ไม่ใช่ใครนอกจากเมอร์ลิน·เฮอร์มิสที่เพิ่งระเบิดไปเมื่อสักครู่

นักมายากลพเนจรรายนี้ยังคงแต่งกายด้วยหมวกทรงสูงและชุดคลุมสีดำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น อีกฝ่ายกล่าวกับเอริคและสมาชิกในทีม:

“ต้นตอของปัญหาคือกล้องดูดาวอย่างที่คิด”

ขณะกล่าว ไคลน์เดินไปทางระเบียงพลางเคาะกล้องดูดาวด้วยมือขวา

เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง กล้องดูดาวแตกกระจายกลายเป็นจุดแสงโลหะซึ่งอัดแน่นไปด้วยแก๊สสีดำที่มีกลิ่นเหม็น

หลังจากหมอกสีเทาปรากฏขึ้นและจางหายไป กลิ่นเหม็นก็หายไปพร้อมกัน บรรยากาศภายในห้องกลับสู่สภาพปรกติ

“…เกิดอะไรขึ้น?” เอริคบังคับตัวเองให้ลืมการตายของอีกฝ่าย เอ่ยปากถามด้วยความระมัดระวัง

ในฐานะหัวหน้าหน่วยถุงมือแดงผู้มากประสบการณ์ มันพอจะคาดเดาบางสิ่งได้ จึงถามเพื่อขอข้อมูลสนับสนุน

ไคลน์ยิ้มและตอบ

“สรุปโดยสั้น กล้องดูดาวตัวนี้เกิดการกลายพันธุ์ด้วยสาเหตุบางอย่าง ทำให้เจ้าของห้องมองเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น… หากคุณต้องการทราบรายละเอียดอย่างแน่ชัด ลองสืบสวนในเชิงลึกดู ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

เอริคพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปจ้องสมาชิกในทีม ส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนทำการสืบสวนต่อ

ผ่านไปสักพัก เอริคกล่าวกับเมอร์ลิน·เฮอร์มิส

“ในห้องนี้มีเบาะแสไม่มาก พวกเรายืนยันได้เพียงไม่กี่เรื่อง… ประการแรก จอห์นเป็นคนท้องถิ่นและเคยเข้าร่วมสงคราม และดูเหมือนว่านั่นจะเป็นสาเหตุซึ่งทำให้เขาเกิดอาการทางจิต ประการที่สอง เขาเป็นนักดาราศาสตร์สมัครเล่น หลงใหลสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก หลังสงครามจบลง จอห์นเข้าร่วมองค์กรเชิงวิชาการที่ชื่อ ‘สัมมนาดาราศาสตร์’ แต่ทางเราไม่เคยสืบเรื่องขององค์กรนี้มาก่อน ประการที่สาม ดูเหมือนว่าจอห์นกำลังค้นหาวิธีทำให้ตัวเองมองเห็นอวกาศที่แท้จริง”

ขณะพูดคำว่าอวกาศ เอริคชะงักไปเล็กน้อย ประหนึ่งได้รับคำเตือนมาจากเบื้องบนของโบสถ์รัตติกาล

เข้าร่วมองค์กรที่ชื่อสัมมนาดาราศาสตร์หลังจบสงคราม… กำลังค้นหาวิธีทำให้ตัวเองมองเห็นอวกาศที่แท้จริง… ไคลน์ผนวกข้อมูลเข้ากับประสบการณ์ซึ่งสั่งสมจนถึงปัจจุบัน จนเริ่มมั่นใจในบางสิ่ง มันพยักหน้ารับ:

“พวกคุณคงทราบอยู่แล้วว่าอวกาศนั้นอันตราย อย่าพยายามทำความเข้าใจมัน”

“พวกเราจะรีบรายงานสิ่งนี้ต่อท่านอาร์ชบิชอป และยกระดับ ‘สัมมนาดาราศาสตร์’ ให้เป็นองค์กรอันตราย” เอริคพูดราวกับกำลังรายงานต่อเหยี่ยวราตรีระดับสูงซึ่งไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาสายตรงของตัวเอง

ไคลน์ไม่ตอบสนอง เพียงถอนหายใจและเดินไปทางประตู

“สงครามทำให้ทุกชนชั้นได้รับผลกระทบที่ไม่มีวันหวนคืน…”

หลังจากเทพสงครามร่วงหล่น บาเรียของมหาต้นกำเนิดซึ่งสั่นคลอนเป็นทุนเดิม ยิ่งสูญเสียการสนับสนุนไปบางส่วน ในขณะเดียวกัน เทพธิดารัตติกาลก็ยังปรองดองกับเอกลักษณ์ดังกล่าวไม่เสร็จ ไม่มีทางทราบแน่ชัดว่าพระองค์จะกลายเป็น ‘วันวาน’ ได้ตอนไหน ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การกัดกร่อนจากเทพภายนอกจะยิ่งทวีความรุนแรง และนั่นผสมปนเปเข้ากับบาดแผลจากสงคราม จนผู้คนรากหญ้าได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง…

ไคลน์เชื่อว่า ขณะความเสียหายจากสงครามกำลังถูกฟื้นฟู คงมีองค์กรลับหรือลัทธิจำนวนมากซึ่งนับถือ ‘อวกาศ’ และเทพภายนอกถือกำเนิดขึ้นอย่างเงียบเชียบไปทั่วโลเอ็น หากปล่อยให้พวกมันเหิมเกริมและเผยแผ่ความเชื่อเป็นวงกว้าง มีโอกาสมากที่วันสิ้นโลกจะมาถึงเร็วกว่ากำหนด

ถอนหายใจแผ่วเบา ชายหนุ่มย่างกรายออกจากห้อง 403 ด้วยร่างกายที่จางลงอย่างรวดเร็วก่อนจะเลือนหายไป

ภายในโรงแรมใกล้กับถนนไพรอาร์ ไคลน์ซึ่งเช็กอินไว้แล้ว หยิบกาแฟตรงหน้าขึ้นมาจิบ

ในขณะยังเช้าตรู่ ชายหนุ่มตัดสินใจออกไปข้างนอก นั่งรถม้าไปยังย่านชานเมืองริมแม่น้ำคอนสแตน

ที่นี่คือสุสาน มีป้ายหลุมศพหินตั้งเรียงรายประหนึ่งผืนป่าเตี้ย

ไคลน์เดินเข้าไปในสุสานจนกระทั่งพบหลุมศพหนึ่งโดยอาศัยการนำทางจากสัมผัสวิญญาณ

ชื่อบนป้ายหลุมศพก็คือ:

“เวิร์ช·แมคโกเวิน”

นี่คืออดีตเพื่อนร่วมชั้นของไคลน์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เป็นเพราะชายคนนี้ซื้อสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสมาศึกษาจนเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาภายในเมืองทิงเก็น ‘การเดินทางข้ามโลก’ ของโจวหมิงรุ่ยจึงเริ่มต้นขึ้น

บิดาของเวิร์ชเป็นนายธนาคารในเมืองคอนสแตน มันยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อลำเลียงศพของลูกชายกลับมายังบ้านเกิดและฝังไว้ในสุสาน

ไคลน์จ้องรูปถ่ายบนป้ายหลุมศพสักพัก โน้มตัวลง วางช่อดอกไม้สีขาวลงด้านหน้าหลุมศพเวิร์ช

ขณะเตรียมหันหลังและเดินกลับ ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า ราวยี่สิบถึงสามสิบวินาทีถัดมา ชายชราถือไม้ค้ำสีดำเดินเข้ามาจากอีกฝั่ง

ไคลน์จดจำอีกได้ฝ่าย นี่คือบิดาของเวิร์ช นายธนาคารแห่งแคว้นเลียบทะเลผู้เคยเชิญไคลน์และเพื่อนร่วมรุ่นของเวิร์ชอีกหลายคนไปรับประทานอาหารที่บ้าน

แต่เมื่อเทียบกับไม่กี่ปีก่อน สุภาพบุรุษคนนี้ชราลงไปมาก ทั้งที่เคยเป็นสุภาพบุรุษวัยกลางคนกระฉับกระเฉง แต่ปัจจุบันมีผมสีขาวปกคลุมไปกว่าครึ่งศีรษะ บริเวณหางตา มุมปาก และหน้าผากเต็มไปด้วยรอยย่น

“คุณเป็นใคร?” พ่อของเวิร์ชจ้องชายแปลกหน้า ถามด้วยความสงสัยเจือระแวง

ไคลน์ถอนหายใจ

“มิสเตอร์แมคโกเวิน ผมเป็นเพื่อนของเวิร์ช บังเอิญแวะมาทำธุระที่เมืองคอนสแตนเมื่อไม่นานมานี้”

บิดาของเวิร์ชพยักหน้า กล่าวเสียงต่ำ

“เด็กคนนั้นมีเพื่อนมากมาย ผมรู้จักแค่บางส่วนเท่านั้น”

ความนัยแฝงก็คือ มันต้องการสื่อว่าเหตุใดตนถึงไม่ได้เชิญชายตรงหน้ามาร่วมงานศพ และค่อนข้างรู้สึกผิดในเรื่องนี้

ไคลน์ไม่สานต่อบทสนทนา เพียงมองไปรอบตัว:

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ