จัสมินเริ่มตื่นเต้น แต่ขณะเดียวกันก็เป็นกังวล
“แล้วฉันต้องจ่ายเท่าไร?”
ตามความเห็นของหญิงสาว การทดลองใช้ฟรีในครั้งแรกอาจไม่ต้องเสียเงิน แต่ครั้งถัดไปอาจต้องจ่ายหนัก
ไคลน์ขยับหมวกทรงสูงพร้อมกับยิ้ม
“ราคาปรกติคือหนึ่งเพนนี แต่การเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดจากพรของคุณ ก็ถือเป็นราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน”
จัสมินซึ่งยังไม่กระจ่างนัก พยักหน้าคล้ายกับเข้าใจแล้ว รีบสอดมือเข้าไปในกระเป๋า ควานหาเหรียญเพนนีทองแดงออกมาขอพร
ทว่า กระเป๋าของเธอกลับว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากผ้าเช็ดหน้า
หลังจากกักตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลานาน เธอแทบไม่ได้สัมผัสกับเงิน
ก่อนหน้านี้ เธออาศัยการเดินเท้าเพื่อมายังจัตุรัสเทศบาลแทนการนั่งรถม้า
“ข…ขอกลับบ้านก่อนได้ไหมคะ?” จัสมินถามด้วยท่าทีกังวลปนเขินอาย
“แน่นอน นั่นเป็นเสรีภาพของคุณ แต่ผมไม่รับประกันว่าเครื่องแจกพรอัตโนมัติจะยังรออยู่ที่เดิม” ไคลน์ยิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงของนักมายากล “ในบางครั้งเจ้านี่ก็หัวรั้น”
จัสมินอืมในลำคอ ขอบคุณสองสามคำก่อนจะหมุนตัวกลับ วิ่งเหยาะๆ ไปในทิศตรงข้ามกับจัตุรัสเทศบาล
ยิ่งได้วิ่ง ร่างกายหญิงสาวก็ยิ่งเบาลง คล้ายกับสุขภาพฟื้นฟูกลับไปเป็นก่อนถูกไฟคลอก กลายเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปด
สำหรับจัสมิน ฉากตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับความฝัน
แต่แน่นอน ในฐานะคนธรรมดา วิ่งไปได้สักพักย่อมต้องเหนื่อย หญิงสาวลดความเร็วลงจนกระทั่งกลายเป็นเดิน
สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่าน เมฆสูงบนท้องฟ้าบางตาจนมองเห็นดวงดาวสุกสว่าง ต้นไม้ริมถนนแกว่งไกวไปมาอย่างอ่อนโยน เงาดำขยับเขย่าบนพื้นทางเดิน ทุกสิ่งล้วนงดงามและเงียบสงบ จัสมินสัมผัสได้ว่าร่างกายของและจิตใจกำลังผ่อนคลายสุดขีด ความกังวลทั้งหมดอันตรธานหาย
นับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บหนัก นี่คือครั้งแรกที่เธอมีความสุขจนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากเดินไปได้ประมาณห้าหกนาที เธอได้ยินใครบางเรียกชื่อ:
“หือ จัสมิน?”
จัสมินมองไปด้านข้างและได้พบกับใบหน้าอันคุ้นเคย นั่นคืออดีตเพื่อนบ้าน คุณนายแฮมิล
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณนายแฮมิล ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ไปงานเทศกาลกันไหม” จัสมินซึ่งไม่ได้สวมผ้าพันคอ ยิ้มจากก้นบึ้งหัวใจ
คุณนายแฮมิลเป็นสตรีผู้มีหงอกจางๆ เธอจ้องจัสมินหัวจรดเท้าก่อนจะถาม:
“ตั้งแต่เธอย้ายออกไป พวกเราก็ไม่ได้พบกันอีก แต่ฉันได้ยินว่าเธอบาดเจ็บจากเหตุระเบิดไม่ใช่หรือ?”
“ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว” จัสมินพยักหน้า
จากนั้นก็เป็นฝ่ายถาม
“ตอนนี้โจลี่เป็นยังไงบ้าง?”
โจลี่เป็นบุตรสาวคนโตของคุณนายแฮมิล และเป็นเพื่อนสมัยเด็กของจัสมิน
สีหน้าคุณนายแฮมิลเปลี่ยนเป็นหมองหม่นทันที
“เธอถูก… พวกฟุซัคข่มเหง… จากนั้นก็ตาย…”
จัสมินพลันผงะ เธอย้อนนึกถึงประสบการณ์ของตัวเองขณะกำลังจมอยู่ในความเศร้า
ครั้งหนึ่งเคยมีทหารฟุซัคบุกเข้ามาในบ้านและพยายามจะข่มเหงเธอ แต่หลังจากเห็นใบหน้าซึ่งเป็นผลจากแผลไฟไหม้ มันเตะเธอหนึ่งครั้งและรีบออกไปจากบ้าน
“โจลี่ผู้น่าสงสาร” จัสมินแตะหน้าอกสี่จุดตามเข็มนาฬิกา วาดสัญลักษณ์ของดวงดาว
หลังจากได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดกับคนใกล้ตัว เธอเพิ่งได้ตระหนักว่าตนโชคดีเพียงใด
จัสมินอำลาคุณนายแฮมิลและเดินกลับไปยังหอพักปัจจุบัน
เมื่อหยุดยืนหน้าห้อง หญิงสาวเริ่มสงบลง อารมณ์หดหู่ถูกสลัดออกไป ขณะเดียวกันก็คาดหวังสีหน้าของพ่อแม่ขณะได้เห็นเธอกลับเป็นปรกติ
พวกเขาไม่ต้องเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจอีกแล้ว และไม่ต้องแสร้งว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น พ่อกับแม่คงร้องไห้ด้วยความตื้นตันและโผกอดเราอย่างมีความสุข… ขณะครุ่นคิด จัสมินถอดกุญแจซึ่งห้องอยู่ตรงคอประหนึ่งสร้อย ตามด้วยเปิดประตู
ภายในห้องมืดสลัว ไม่มีแสงไฟจากเทียนหรือโคมไฟติดผนัง
ในห้องด้านนอก เสียงกรนเดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาดังมาจากเตียงซึ่งเป็นของพ่อแม่ บรรยากาศแตกต่างจัตุรัสเมืองที่พลุกพล่านโดยสิ้นเชิง
พวกเขากำลังหลับ… นั่นสินะ ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน… จัสมินปิดประตูอย่างเบามือและเดินไปทางเตียงนอนพ่อแม่ อาศัยแสงจากดวงจันทร์ด้านนอกหน้าต่างเพื่อมองดูใบหน้าของทั้งสอง
ผมหงอกของพ่อเริ่มเยอะขึ้น ริ้วรอยก็ลึกขึ้น… แม่ยังคงขมวดคิ้วในยามที่หลับ ผิวเป็นขุย แห้งและหยาบกร้าน… ในวินาทีนี้เอง จัสมินได้ตระหนักว่าเธอแทบไม่เคยใส่ใจใบหน้าพอแม่เลย กว่าจะรู้ตัวอีกทีพวกท่านก็เริ่มชราแล้ว
ก่อนสงคราม พ่อของเธอเป็นนักบัญชีซึ่งมีรายได้ค่อนข้างมั่นคง สามารถจ่ายค่าเช่าบ้านแถวติดถนนได้โดยที่ภรรยาไม่ต้องออกไปทำงาน แต่ปัจจุบัน พ่อของเธอทำได้เพียงงานใช้แรงในโรงงานทอผ้า และแม่ของจัสมินเองก็ต้องออกจากบ้านไปเป็นสาวทอผ้า
สุขภาพของพ่อแย่ลงมาก แถมยังไอบ่อยครั้ง เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งสอบผ่านข้าราชการ ถ้าผลการสัมภาษณ์ประกาศออกมาเมื่อไร เขาจะได้ทำงานที่ดีขึ้น… แม่เริ่มบ่นเรื่องตา และแขนของเธอก็ยิ่งล้าขึ้นทุกวัน… จัสมินจ้องหน้าพ่อแม่ด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง ตัดสินใจไม่ปลุกคนทั้งสอง
เธอคิดความปรารถนาที่สองออกแล้ว
จัสมินย่องเข้าไปในห้องด้านในและบรรจงเทเหรียญสองสามเพนนีออกจากกระปุกออมสินซึ่งแทบจะว่างเปล่า
จากนั้น หญิงสาวออกจากหอพักและขึ้นรถม้าสาธารณะแบบไร้ราง
เธอกังวลว่าหากไปถึงช้า เครื่องแจกพรอัตโนมัติจะหายไป.Aileen-novel.
ปัจจุบัน บนรถม้ามีผู้โดยสารจำนวนมาก ส่วนใหญ่กำลังมุ่งหน้าไปงานเทศกาล จัสมินชำเลืองไปรอบตัวและพบว่าไม่มีที่นั่งว่าง จึงต้องยืนริมทางเดินกึ่งกลางโดยมีผู้คนเบียดเสียดผ่านเข้าออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ