ถ้าสั่งสมความปรารถนาเพิ่มอีกสักนิด คงใช้เวลาไม่นานในการตอบสนองความปรารถนาของชาวเมืองจันทราที่จะมีใบหน้าปรกติ และนั่นจะกลายเป็นปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่… นอกจากนั้น เรายังสามารถสรุปกฎการสวมบทบาทเป็นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ได้เพิ่มเติม โอสถจะย่อยเสร็จเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว อาจเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้เลย… ไคลน์ละสายตาจากหน้าต่าง ยกแขนซ้ายขึ้นพลางเชิดตุ๊กตาซึ่งสวมอยู่ในมือ หยอกล้อกับเด็กเล็กฝั่งตรงข้าม
การทำเช่นนี้ทำให้มันดูเหมือนนักมายากลพเนจรมากขึ้น
หากต้องการ ชายหนุ่มยังสามารถใช้ไม้เท้าแห่งชีวิตหรือการ ‘ปลูกถ่าย’ เพื่อทำให้ตุ๊กตาในมือมีชีวิตขึ้นมา
ขณะหยอกล้อกับเด็ก ไคลน์ปล่อยความคิดล่องลอย มันกำลังพิจารณาว่า ตนควรสร้างเมืองหุ่นเชิดซึ่งจำเป็นสำหรับพิธีกรรมเลื่อนลำดับไว้ที่ใด
เมืองหุ่นเชิดต้องมีปฏิสัมพันธ์กับโลกความจริงในระดับหนึ่ง จึงจะสร้างพื้นที่ที่สอดคล้องกันบนโลกวิญญาณได้ ซึ่งหมายความว่า เราไม่สามารถสร้างเมืองหุ่นเชิดในดินแดนเทพทอดทิ้ง… ต่อให้ตัดปัจจัยเรื่องที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกวิญญาณ โลกซึ่งขาดสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาคงมิอาจสร้างปฏิสัมพันธ์ในระดับที่เพียงพอ…
ถ้าสร้างไว้บนทวีปเหนือใต้ หรือตามทะเลอาณานิคม เราต้องเพิ่มความระวังให้มาก ก่อนที่พิธีกรรมจะบรรลุ ห้ามมิให้ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองหุ่นเชิดรั่วไหลออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นอาจถูกก่อกวน แทรกแซง หรือทำลายโดยศัตรูอย่างซาราธและอามุนด์…
การถือกำเนิดของเมืองหุ่นเชิดต้องมีเหตุผลรองรับ และต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับพ่อค้าและมนุษย์โดยรอบโดยไม่เผยความผิดปรกติ หุ่นเชิดทุกตัวต้องมีภูมิหลังที่รัดกุม มีอดีต มีปัจจุบัน และมีอนาคต ทุกคนเดินไปตามชะตากรรมของตัวเอง…
กล่าวคือ เมืองหุ่นเชิดต้องมีความซับซ้อนสูง จำเป็นต้องแบ่งหนอนวิญญาณจำนวนมากเพื่อคอยควบคุมมวลมหาหุ่นเชิด ซึ่งนั่นจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะคลุ้มคลั่ง…
หากเป็นสามีภรรยา ก็ต้องทำกิจกรรมที่สามีภรรยาปรกติทำ… พวกที่มีรสนิยมแปลกๆ ก็ต้องยินดีกับเรื่องแปลกๆ ส่วนพวกโรคจิตก็ต้องถูกคนหมู่มากรังเกียจ… ด้วยวิธีนี้ เมื่อคนนอกเดินทางเข้าไปในเมือง อาจได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากบ้านของหุ่นเชิด…
แต่เรายังเป็นแค่เด็กไร้เดียงสา…
นี่คือรายการ ‘เรียลลิตี้’ ฟอร์มยักษ์ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น ‘โรงละคร’ ขนาดมหึมา ซึ่งต้องหลอกคนดูให้อยู่หมัด…
ไคลน์พึมพำเงียบพลางคำนวณว่า หุ่นเชิดของตนมีจำนวนเพียงพอแล้วหรือยัง
มันคอยเทียวเดินทางไปมาระหว่างดินแดนเทพทอดทิ้งกับโลกภายนอก เปลี่ยนสัตว์ประหลาดจำนวนมากให้กลายเป็นหุ่นเชิด มีหลายตัวไม่มีตะกอนพลัง นอกจากนั้นยังทดสอบควบคุมหนู แมลงสาบ ยุง และแมลงวันอย่างสมจริง เพื่อให้แน่ใจว่าเมืองหุ่นเชิดของตนมี ‘ด้านมืด’ ที่จริงพอ
จากที่สะสมไว้ในปัจจุบัน เราพอจะสร้างเมืองขนาดเล็กได้แล้ว… เดินทางไปยังดินแดนเทพทอดทิ้งอีกสักสองสามรอบก็น่าจะพอ… ขณะกำลังครุ่นคิด ฉากนิมิตหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม
ณ จุดบนสุดของวังราชาคนยักษ์ซึ่งฉาบไปด้วยแสงสนธยา ประตูซึ่งเปิดค้างไว้เริ่มปิดตัวเองลงอย่างเชื่องช้า
ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคู่หนึ่งผลักปิดประตูทางเข้าดินแดนเทพทอดทิ้ง
นี่มัน… ดวงตาไคลน์หรี่ลงเล็กน้อย มันพอจะเดาได้เลือนรางว่า ฉากดังกล่าวหมายถึง ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ กำลังปิดดินแดนเทพทอดทิ้งอีกครั้ง
นิมิตเมื่อครู่คือพลังลางสังหรณ์ในระดับเทวทูต
ฉากดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาที หรือไม่กี่วินาทีข้างหน้า
พระผู้สร้างแท้จริงจับอามุนด์ได้แล้ว? หรือยอมยกธงขาว? ปิดดินแดนเทพทอดทิ้งทำไม ไม่อยากให้ใครเข้าไป? ไม่ขี้งกไปหน่อยหรือ? ไคลน์รำพันหลายสิ่งภายในใจ อารมณ์ค่อนไปทางผิดหวัง
แน่นอน ชายหนุ่มมีหุ่นเชิดในปริมาณพอดิบพอดี หรือถ้าไม่พอจริงๆ ก็หาเอาจากในทะเล
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี
ขณะออเดรย์แต่งตัวเสร็จและส่งสาวใช้ออกไป เตรียมเดินออกไปนอกห้อง เธอเห็นซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่เดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น เวลานี้เธอควรออกไปเดินเล่นไม่ใช่หรือ?” ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์ ออเดรย์สังเกตเห็นความผิดปรกติทันที
ในระยะหลัง หญิงสาวยุ่งอยู่กับการใช้ทรัพยากรในมือเพื่อช่วยเหลือคนงาน เกษตรกร และทหารผ่านศึกซึ่งเผชิญความพิการ เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตรอดจนกว่าจะหางานใหม่ทำ หรือไม่ก็จนถึงฤดูเก็บเกี่ยวรอบถัดไป ส่งผลให้มีเวลาคุยกับซูซี่น้อยลง
ขณะเดียวกัน ออเดรย์ยังแอบชี้นำแรงงานบางกลุ่มเพื่อจัดระเบียบสมาคมแรงงานในเบ็คลันด์ขึ้นมาใหม่ คอยรวบรวมชนชั้นรากหญ้าให้เป็นหนึ่งเดียว
จากประสบการณ์ล่าสุด หญิงสาวได้เข้าใจว่าไม่ควรหวังพึ่งพาน้ำใจจากชนชั้นสูงเพียงอย่างเดียว วิธีนี้ไม่ดีในระยะยาว นอกจากนั้น ลำพังปัจเจกบุคคลยังลีบเล็กเกินไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับรัฐบาล เหล่าขุนนางใหญ่ และเหล่าพ่อค้าใหญ่ มีเพียงการปลุกระดมคนหมู่มากเท่านั้นจึงจะมีพลังเพียงพอสำหรับสร้างสมดุล
อาณาจักรโลเอ็นมีสหภาพแรงงานในทุกอุตสาหกรรมมานานแล้ว เพียงแต่บุคคลเบื้องบนของทุกองค์กรนั้นถูกติดสินบนได้ง่าย กลายเป็นอาวุธร้ายที่หันมาทิ่มแทงคนงานด้วยกันเอง
ซูซี่ชำเลืองออเดรย์ด้วยท่าทางปรกติ แต่คล้ายกับเธอควบคุมปากตัวเองไม่ได้ ก่อนจะสั่นอากาศเปล่งเสียงต่ำของผู้ชาย:
“มิสออเดรย์ ผมคือเอริค·เดรก ประธานสมาคมแปรจิต ต้องการพบคุณและหารือเกี่ยวกับการแต่งตั้งให้คุณเป็นคณะกรรมการ ตอนนี้ผมอยู่ในสวนสาธารณะใกล้ๆ”
กล่าวจบ ซูซี่ถอนหายใจยาว กลับมากล่าวด้วยเสียงเดิมของเธอ
“ออเดรย์ มีชายประหลาดกำลังตามหาเธอ! ฉ…ฉัน… ฉันจำหน้าตาของเขาไม่ได้ เขาบรรจุข้อความที่ต้องการถ่ายทอดลงบนเกาะแห่งจิตของฉันโดยตรง!”.Aileen-novel.
รูม่านตาออเดรย์ขยายออกเล็กน้อยก่อนจะหดกลับเป็นปรกติในทันที หญิงสาวพยักหน้าเยือกเย็น
“เขาอยู่แถวไหนของสวนสาธารณะ”
ขณะกล่าว ออเดรย์แอบสร้าง ‘บุคลิกเสมือน’ ส่งเข้าไปในเกาะแห่งจิตของซูซี่ผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม เพื่อตรวจสอบว่าอีกฝ่ายถูกบิดเบือนจากจิตสำนึกหรือการรับรู้ภายนอกหรือไม่
“ฉันจำไม่ได้… จำได้แค่ว่ากำลังเดินเล่น” ซูซี่เล่าเท่าที่จำได้
จากนั้น เธอกระดิกหางแผ่วเบาตามด้วยกล่าว
“ฉันคิดว่าเธอไม่ควรไป เขาอันตรายมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ