เรือโดยสารแล่นผ่านพายุและเข้าใกล้ประภาคาร
จากนั้น ในทัศนวิสัยของกัปตัน กะลาสี และผู้โดยสาร พวกมันเห็นท่าเรือขนาดย่อมหลังม่านฝนอันมืดมิด
ถัดมาไม่นาน ชายในวัยสามสิบ แต่งกายด้วยเครื่องแบบสีกรมท่า ถือร่มสีดำและตะเกียงแก้ว โผล่ขึ้นริมท่าเรือ มันส่งสัญญาณที่ไม่เป็นสากลนักเพื่อบอกให้เรือโดยสารเข้าจอดเทียบท่า
“เฮ้! พวกนายมาจากไหน?” ชายคนดังกล่าวอ้าปากพูดขณะเห็นบันไดเรือเริ่มทอดลง
แม้เสียงส่วนใหญ่จะเลือนหายไปกับลมฝน แต่ก็ยังมีบางส่วนเล็ดลอดขึ้นมาบนเรือโดยสารจนถึงหูของอัลเฟรด
“คุณทราบไหมว่าที่นี่คือที่ไหน” อัลเฟรดหันไปถามคนสนิทและทหารของตน
มันมิได้สวมชุดออกงานของนายพล ปัจจุบันกำลังแต่งกายด้วยเสื้อโค้ทสีดำที่พบเห็นได้ทั่วไปในเบ็คลันด์ ผมสีทองสง่างามปล่อยอิสระ ดวงตาสีฟ้าดูคล้ายกับทะเลสาบลึกภายในป่า
คนสนิทผู้หวีผมเรียบไปด้านหลัง ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นนัยว่าไม่ทราบ จากนั้นก็อธิบายเสริม
“พายุทำให้ผมหลงทิศ”
ในเวลาเดียวกัน กัปตันถือร่มเดินมาที่กราบเรือ โต้ตอบกับชายด้านล่าง
“พวกเราออกเดินทางจากไบลัมตะวันออกเมื่อสองวันก่อน แต่โชคไม่ดีเจอกับพายุ… ที่นี่คือท่าเรืออะไร?”
ชายคนดังกล่าวกลอกตาเล็กน้อย แต่มิได้ให้คำตอบในทันที เพียงกล่าวเสียงดัง:
“รอสักครู่”
จากนั้น มันหันหลังกลับ ถือร่มและตะเกียงวิ่งเข้าไปในอาคารใกล้กับท่าเรือ
ท่าทีตอบสนองดังกล่าวเหนือความคาดหมายผู้โดยสารอย่างอัลเฟรด แต่ไม่น่าแปลกใจสำหรับกัปตันและลูกเรือมากประสบการณ์ – พวกมันเคยแวะท่าเรือแถบทะเลคลั่งมาแล้วหลายแห่ง พบเจอเหตุการณ์ประหลาดมากมาย จึงทำเพียงอดทนรอชมสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ราวห้าหกนาทีถัดมา ชายคนเดิมพาสตรีคนหนึ่งวิ่งมาด้วยก้าวเล็กๆ
สตรีปราศจากร่ม สวมเสื้อกันฝนแบบคลุมหัวซึ่งเคลือบยางไม้ดอนนิงส์แมน
หลังจากทั้งสองเข้าใกล้เรือ พวกมันเดินขึ้นบันไดมายังดาดฟ้าท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของลูกเรือซึ่งกำลังถือปืน
ในระยะใกล้ ผู้โดยสารส่วนใหญ่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ
ฝ่ายชายมีผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาล ผิวหยาบกร้าน มองผิวเผินก็ทราบทันทีว่าเป็นชนชั้นล่างที่ตรากตรำลมฝน ฝ่ายหญิงอายุยี่สิบกว่า ดวงตาสีเขียวทะเลสาบ ผมยาวสีป่าน ใบหน้ามีเสน่ห์และสดใส
เป็นสตรีที่งดงามแบบบ้านๆ
“ไงพวก ที่นี่คือท่าเรือยูโทเปีย” ชายคนดังกล่าวแนะนำด้วยท่าทีปราศจากความสุขุม “ฉันชื่อธีโอดอร์ เป็นนายท่าชั่วคราว”
ขณะกล่าว มันขำกับตัวเอง คล้ายกับมีความสุขที่ได้คิดค้นชื่อของตำแหน่งใหม่ซึ่งฟังดูทรงอำนาจ
แน่นอน กัปตันเรือพอจะเข้าใจว่า ‘นายท่าชั่วคราว’ หมายถึงสิ่งใด และมิได้ใส่ใจกับความสุขเล็กๆ ของชนชั้นล่าง
มันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าว
“ท่าเรือยูโทเปีย? ทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน”
ธีโอดอร์ชำเลืองอีกฝ่าย
“ใครๆ เขาก็พูดกันแบบนั้น… ฮะฮะ! ถ้าไม่ใช่เพราะพายุ พวกนายก็คงไม่ได้มาที่นี่ชั่วชีวิต!”
โดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดอะไรไปมากกว่านี้ สตรีด้านข้างชิงกล่าว
“ยูโทเปียไม่ได้อยู่บนเส้นทางเดินเรือปลอดภัย ตามปรกติแล้ว จะมีเฉพาะคนที่ชำนาญเส้นทางแวะเข้ามาเติมเสบียง”
หมายความว่า… ลูกค้าหลักของท่าเรือนี้คือพวกโจรสลัด? ไม่มีทางที่กัปตันเรือจะไม่ทราบความนัยแฝง และด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน การที่ต่างฝ่ายต่างปิดปากเงียบไว้ ถือเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของทั้งคู่
มันอืมในลำคอและกล่าว
“คุณคือ?”
“ฉันชื่อเทรซี่” หญิงสาวยิ้ม “เป็นเจ้าของโรงแรมในท่าเรือ และเป็นแผนกต้อนรับ รวมถึงบริกร”
เธอกวาดสายตาและพูดต่อ
“พายุกำลังรุนแรง หากฝืนแล่นต่อ เรืออาจเสียหายได้ คงฉลาดกว่าหากจะเลือกพักที่นี่สักคืน… โรงแรมของเรามีเตียงแข็งแรง มีน้ำอุ่น มีอาหารสะอาด และมีผ้าห่มอบอุ่นจนคุณต้องคิดถึงบ้าน… ราคาคืนละสิบเพนนี ฉันหมายถึงต่อหนึ่งห้อง… นอกจากนั้น คุณยังสามารถนั่งดื่มที่ผับใกล้เคียงได้เต็มคราบ เพลิดเพลินไปกับการต้อนรับแสนอบอุ่น”
เห็นได้ชัดว่า สตรีรายนี้ขึ้นเรือมาเพื่อขายของ
กัปตันยังคงค่อนข้างระแวง มิได้ตกปากรับคำอีกฝ่ายโดยตรง เพียงพยักหน้าและกล่าว
“ผมตัดสินใจแทนผู้โดยสารไม่ได้ พวกเขามีอิสระในการเลือก และแน่นอน ในฐานะกัปตันเรือ ผมจะพักอยู่ที่นี่กับลูกเรือ”
เทรซี่ยังคงรักษารอยยิ้ม:
“ฉันจะกลับไปที่โรงแรม รอแขกที่เต็มใจพักค้างคืนอยู่ที่นั่น”
คล้ายกับเธอได้รับการศึกษามาพอสมควร มิได้โผงผางหรือทำตัวห้าวเหมือนกับที่ลูกเรือเคยเจอในท่าเรืออื่น
เทรซี่หมุนตัวกลับ ขณะเตรียมลงจากเรือ ธีโอดอร์เดินเข้าไปใกล้และกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“เธอต้องขอบคุณฉันที่แจ้งข่าวนี้”
ขณะกล่าว มือขวาของมันสัมผัสกับบั้นท้ายเทรซี่พร้อมกับออกแรงบีบ
ผัวะ!
เทรซี่ปัดมือพร้อมกับตะคอก:
“ไอ้ระยำ! ขอให้โดยลาเย็*เข้าสักวัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ