สรุปเนื้อหา ราชันเร้นลับ 1338 : สำรวจ – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet
บท ราชันเร้นลับ 1338 : สำรวจ ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
เวอร์ดูกลืนน้ำลายไม่รู้ตัว ภายในใจเกิดความกลัวที่ยากอธิบาย
มันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหวาดกลัวสิ่งใด เห็นได้ชัดว่าที่นี่ยังคงปรกติดี มีเพียงหยดน้ำไม่ทราบที่มาตกใส่จากมุมสูง แต่นั่นก็มากพอจะทำให้มันเย็นวาบไปถึงสันหลัง
คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของที่นี่ดำมืดเกินไป หรือไม่ก็เป็นเพราะเรายังไม่ทราบที่มาของของเหลว… เวอร์ดูก้าวออกไปด้วยความระมัดระวัง เริ่มสังเกตอีกครั้งอย่างใจเย็น
ผ่านไปหลายนาที ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติเกิดขึ้น ไม่มีของเหลวตกจากที่สูงอีก
นั่นทำให้เวอร์ดูสร้างสมมติฐาน บางที อาจมีนกบินผ่านไปด้านบน โดยในปากของมันกำลังคาบปลาทะเล หรือไม่ก็ปลาน้ำจืดในลำธารบนเกาะ และเมือกของปลาบังเอิญหยดใส่ตนพอดี
มันสงบสติ ก่อนจะลงมือตรวจสอบซากปรักหักพังของสำนักงานโทรเลขอีกครั้ง
ผ่านไปเกือบสิบนาที เบื้องต้นเวอร์ดูยืนยันได้ว่า มีเพียงรอยเลือดและภาพจิตรกรรมเรียบง่ายเท่านั้นที่ควรค่าแก่การศึกษาในเชิงศาสตร์เร้นลับ
แต่แทนที่จะหยิบดินสีเลือดหรือลูบไล้ลงบนภาพจิตรกรรม มันนำลูกบอลคริสตัลสีใสบริสุทธิ์ออกจากกระเป๋าเสื้อ
แน่นอน ในฐานะโหราจารย์ มันจะยืนยันให้มั่นใจก่อนลงมือกระทำเรื่องเสี่ยง
มือซ้ายรองลูกบอล มือขวาลูบไล้ด้านบน เวอร์ดูเข้าสู่ภาวะ ‘ทำนายดวงดาว’
วินาทีถัดมา ลูกบอลคริสตัลสว่างขึ้น
บึ้ม!
มันระเบิดออก แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปทุกทิศ
“…” ดวงตาเวอร์ดูพลันแข็งทื่อ มันเอาแต่ยืนนิ่งโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บจากเศษแก้วทิ่มแทงร่างกาย
“ระเบิด… มันระเบิด…” เวอร์ดูกระซิบกับตัวเองแผ่วเบา
เศษลูกบอลคริสตัลที่พุ่งเข้าหาลำตัว ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทะลวงผ่านชุดคลุมทรงโบราณเข้าไปได้ เพียงร่วงกราวลงมาทีละชิ้นโดยไม่มีเลือดสดเปรอะเปื้อน
แต่แน่นอน เศษคริสตัลจำนวนหนึ่งยังคงทิ่มแทงใบหน้าเวอร์ดูจนเกิดบาดแผลเล็กๆ
“นั่นใคร” เวอร์ดูได้สติตื่นทันที หันศีรษะและมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ในซากปรักหักพังฝั่งตรงข้าม ร่างหนึ่งเดินออกมา เป็นสตรีผู้แต่งตัวเปิดเผยจากเรือโจรสลัด
เดิมที เธอซ่อนตัวได้มิดชิดมาก หรืออย่างน้อยเวอร์ดูก็ไม่ทันได้เอะใจ แต่การระเบิดของลูกบอลคริสตัลเมื่อครู่ทำให้อีกฝ่ายตกใจจนแสดงอาการตอบสนองที่รุนแรงและชัดเจน ส่งผลให้การซ่อนตัวล้มเหลว
ใบหน้าที่มีบาดแผลของเวอร์ดูบิดเบี้ยวทันที
“มาทำอะไรที่นี่?”
หญิงสาวยกมุมปากพลางแบะท่าไม่แยแส
“ที่นี่คือท่าเรือแบนชี ไม่ใช่บ้านของนายสักหน่อย ทำไมฉันจะมาไม่ได้? ก็แค่เบื่อ เลยลงมาเดินเล่น หวังว่าจะเจอเพชรพลอยจากซากปรักหักพังสักเม็ดสองเม็ด มีปัญหาอะไรหรือ?”
เธอรัวยิงคำถามหลายชุดโดยไม่ได้สร้างระยะห่างจากเวอร์ดูเพิ่มเติม
เวอร์ดูไม่สนใจจะโต้เถียง เพียงนำครีมที่เตรียมไว้และแอลกอฮอล์ใส่แผลออกมา จัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นบนใบหน้าและกราม จากนั้นก็เก็บเศษคริสตัลกลับเข้ากระเป๋าเสื้อ
มันไม่อยากทิ้งเลือดของตนไว้ในสถานที่สุดประหลาดเช่นนี้
ถัดมา เวอร์ดูดึงเครื่องประดับบนชุดคลุมทรงโบราณ
เป็นรูปทรง ‘ประตู’ ซึ่งประกอบด้วยทับทิมสามเม็ด มรกตสามเม็ด และเพชรสามเม็ด
ทันใดนั้น เสื้อคลุมของมันพลันรัดแน่น อวัยวะบนร่างกายมีลักษณะคล้ายปล้องเนื้อทันที
เมื่อถึงคราวกระดูกเวอร์ดูใกล้แหลก ร่างของมันค่อยๆ เลือนหายไปจากสถานที่
ถัดมา มันทำการเทเลพอร์ตมายังชายทะเลนอกท่าเรือแบนชี
ภูเขาในละแวกใกล้เคียงถูกถล่มจนกลายเป็นเศษซากหิน
เท่าที่เวอร์ดูทราบ ตรงนี้เคยเป็นจุดที่ชาวแบนชีกราบไหว้บูชา ‘เทพสภาพอากาศ’ และยังเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของเทพวายุสลาตัน
หลังจากลูกบอลคริสตัลสำหรับทำนายระเบิดตัวเอง มันตระหนักถึงอันตรายซ่อนเร้นภายในสำนักงานโทรเลขทันที จึงไม่กล้าสำรวจเพิ่มเติม ตัดสินใจเลี่ยงไปสำรวจจุดอื่นต่อ
และนั่นยังช่วยให้สลัดหลุดจากการแอบสะกดรอยของหญิงสาวได้ด้วย
ทันทีที่ร่างเวอร์ดูโผล่ขึ้นอีกครั้ง มันทรุดตัวลงพลางรีบหายใจเข้าออก คล้ายกับในที่สุดก็ได้สูดอากาศเสียที
ขณะเดียวกัน เวอร์ดูรู้สึกเจ็บซี่โครงขวา ประหนึ่งว่ากระดูกเริ่มร้าว
หลังจากสูดลมหายใจลึกติดต่อกันหลายครั้ง มันกัดฟันทนความเจ็บปวด ก้าวขาไปข้างหน้าพร้อมกับเหงื่อเม็ดใหญ่บนหน้าผาก จนกระทั่งมาถึงแท่นบูชาที่ถูกทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แท่นบูชามีสภาพพังพินาศ เหลือเพียงหลุมหินขนาดใหญ่ที่ไหม้เกรียม รายล้อมด้วยเศษกรวดกระจัดกระจาย
กรวดเหล่านี้มีร่องรอยการถูกไฟเผาหรือไม่ก็ฟ้าผ่าประปราย
หลังจากมองไปรอบตัว เวอร์ดู·อับราฮัมยกมือขวาขึ้นพร้อมกับสะบัดชายแขนเสื้อ
ทันใดนั้น เสียงลมหวีดดังขึ้น ก้อนกรวดเม็ดเล็กจำนวนหนึ่งถูก ‘ผลัก’ ออกจากตำแหน่ง เผยให้เห็นพื้นดินที่เคยถูกปกคลุม
นี่คือ ‘เทคนิคเป่าลม’ ของ ‘นักตุกติก’ ซึ่งเวอร์ดูใช้แทนการลงมือด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันอันตรายเบื้องต้น
ขณะก้อนกรวด ‘ลอย’ ออกไป เวอร์ดูได้เห็นพื้นซึ่งมีรอยไหม้สีดำ เค้าโครงเดิมบางส่วนยังคงหลงเหลือ จำพวกลวดลายและอักขระที่ไม่สมบูรณ์
ฟ้าว!
เสียงลมทวีความรุนแรง เวอร์ดูอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าด้วยความประหลาดใจ
ลมของมันซึ่งมีฤทธิ์เพียงแค่ใช้เป่าก้อนกรวด กลับกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนที่ทำให้ร่างกายของมันซวนเซ
บนท้องฟ้า เวอร์ดูเห็นเมฆหนาทึบเกาะกลุ่มเข้าด้วยกัน ประหนึ่งพายุกำลังก่อตัว
แม้มันจะเคยได้ยินว่าแบนชีเป็น ‘พิพิธภัณฑ์สภาพอากาศ’ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้
ผ่านไปสักพัก เวอร์ดูเริ่มสงสัยว่า ‘เทคนิคเป่าลม’ ของตนทำให้เกิดพายุ หรือเป็นเพราะการเป่าก้อนกรวดออกจากแท่นบูชา ได้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
หลังจากค้นหาสักพัก มันพบเป้าหมาย
ประตูไม้ที่มีหน้าตาธรรมดา มีรูกุญแจและด้ามจับทองเหลือง กำลังเอนพิงอยู่กับซากกำแพง
สอดคล้องกับซากปรักหักพังโดยรอบ ที่นี่ไม่มีซากศพหรือคราบเลือด
นึกแล้วเชียว ไอ้พวกขี้โม้… หึหึ… พวกโจรสลัดคงได้ยินเรื่องของประตูไม้มาจากที่อื่น มันกับลูกน้องจึงไม่กล้าเข้าไปยุ่ง… เวอร์ดูมองไปรอบตัวสักพักก่อนจะกล่าว
“นั่นใคร? แอบจับตามองเช่นนี้มีเจตนาอะไร?”
อันที่จริง มันมิได้พบร่องรอยของใคร แต่จากประสบการณ์และบทเรียน มันใช้ภาษากายและพฤติกรรมเชิงรุกเพื่อเปิดโปงผู้สะกดรอยซึ่งอาจมีอยู่จริง
วินาทีถัดมา สักแห่งในเงามืด ชายวัยกลางคนพุงป่องหน้ามันเดินออกมา
มันไม่กล่าวคำใด เพียงเดินจากไปอย่างเงียบงัน
เวอร์ดูชื่นชมตัวเองพลางถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะรีบเดินไปที่ประตูไม้โดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า
จากข้อมูลที่ได้รับ ไม่ว่าจะผลักเปิดประตูไม้ด้านใดก็จะไม่ทำให้เกิดความผิดปรกติ ขอเพียงไม่พยายามเคลื่อนย้ายก็พอ
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เวอร์ดูชักมือกลับเข้าไปในชายแขนเสื้อ ใช้ชายแขนเสื้อเป็น ‘ถุงมือ’ เพื่อดึงเปิดประตูไม้
ประตูไม้เปิดออก แต่ทุกสิ่งยังคงเงียบสงัด
เวอร์ดูผลักประตูไม้กลับเข้าไป ลักษณะเหมือนการปิดตามปรกติ แต่ก็ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด
มันลองทดสอบอีกหลายวิธี แต่ก็มิอาจทำให้ประตูไม้แสดงความผิดปรกติได้ ราวกับประตูบานนี้แค่โชคดีที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์แม้จะถูกโบสถ์วายุสลาตันถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง
เวอร์ดูสูดลมหายใจยาว พยายามทำให้หัวโล่ง
มันครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพยายามเปิดประตูอีกครั้ง
แต่คราวนี้เปลี่ยนวิธี เป็นการจับด้ามจับและค่อยๆ บิดลงอย่างเชื่องช้า
หลังจากได้ยินเสียงโลหะลงล็อก เวอร์ดูผลักไปด้านหน้าในสภาพชนกับซากกำแพงที่พิงอยู่
ทันใดนั้น หมอกสีเทาปรากฏขึ้นในการมองเห็นของเวอร์ดู
ในสายหมอกมีถนนหนึ่งสาย และบ้านเรือนหลายหลัง
ด้านหน้าอาคารหลังหนึ่งมีแผ่นป้ายไม้ สลักคำภาษาโลเอ็นไว้ว่า:
“สำนักงานโทรเลขท่าเรือแบนชี”
ขณะรูม่านตาของเวอร์ดูกำลังเบิกกว้าง เสียงอ่อนหวานดังมาจากด้านในสำนักงานโทรเลขซึ่งปกคลุมด้วยสายหมอก
“มาส่งโทรเลขหรือ? เชิญเข้ามาด้านใน”
……………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ