เมื่อจ้องมอง ‘ฮาล์ฟฟูล’ บนเก้าอี้หินยักษ์ ฉากเพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อครู่ รวมถึงฉากทั้งหมดเกี่ยวกับแคว้นรัตติกาลก่อนหน้า แล่นกลับเข้ามาในสมองไคลน์อีกครั้ง
ชายหนุ่มมิได้สนิทสนมกับอันทีโกนัส และเกือบคลุ้มคลั่งเพราะเสียงเพรียก ‘โฮนาซิส… เฟรเกีย…’ ของอีกฝ่ายอยู่หลายหน ดังนั้น ไคลน์จึงมิได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจแม้แต่น้อย อาจมีเพียงความรู้สึก ‘เข้าใจหัวอก’ อย่างเจือจาง
สิ่งที่ติดค้างอยู่ในความฝัน ย่อมต้องเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในอดีตอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะเกิดมาเป็นผู้วิเศษ แต่ดูเหมือนอันทีโกนัสจะคิดถึงแคว้นปิดเล็กๆ อันเงียบสงบมากเป็นพิเศษ
ไคลน์ถอนหายใจเชื่องช้า ถอนสายตาจากบุรุษผู้มีปอยขนหมาป่าสีดำอยู่บนใบหน้า ลดศีรษะลงไปมองด้านข้างบัลลังก์ใหญ่0-02 หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์
ใช้พลังที่คล้ายกับการ ‘ปลูกถ่าย’ เพื่อผนึกหนังสือ? แต่ดูเหมือนว่าจะเหนือชั้นกว่านั้น ไม่เพียงจะนำจุดเริ่มต้นมาเชื่อมกับจุดจบ แต่ยัง ‘ปั่นหัว’ สติปัญญาของหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ให้เพิกเฉยต่อเนื้อหากึ่งกลาง โดยไม่พยายามเขียนกฎขึ้นมาแก้ไข ทำเพียงเขียนกฎใหม่และลบทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้สติ… ไคลน์จ้อง 0-02 พลางพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ชายหนุ่มพอจะเดาได้ว่า เดอะฟูลตัวจริงนั้นมีพลังเช่นไร
โดยไม่มัวคิดให้ปวดหัว ไคลน์บังคับหุ่นเชิดบริวารเร้นลับใช้พลัง ‘ปลูกถ่าย’ เพื่อย่นระยะทางและหายตัวไปโผล่หน้าเก้าอี้หินยักษ์ จากนั้นก็หยิบหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ขึ้น
ในแง่หนึ่ง ชายหนุ่มหวังขจัดการรบกวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และอีกแง่หนึ่ง มันต้องการทดสอบสถานะปัจจุบันของอันทีโกนัส
เมื่อเห็นว่าฮาล์ฟฟูลยังคงหลับใหลโดยไม่หลุดพ้นจากภาวะหลับลึกนิรันดร์ ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก สั่งให้หุ่นเชิดนำหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์กลับออกไปยังทางเข้าตำหนักและรออยู่ที่นั่น
เหตุผลที่ไม่ใช้ร่างโคลนถือสมบัติปิดผนึกระดับ 0 โดยตรง เพราะมันเป็นกังวลว่า หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ซึ่งมีสายสัมพันธ์บางอย่างกับแก่นแท้แห่งต้นกำเนิด จะก่อความวุ่นวายในช่วงเวลาวิกฤติขณะไคลน์ปรองดองกับเอกลักษณ์เดอะฟูล ด้วยการแผ่อิทธิพลตามธรรมชาติเพื่อสร้างสถานการณ์ในแง่ลบ
หากต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของสมบัติปิดผนึก หุ่นเชิดเป็นตัวตายตัวแทนที่ดีกว่าร่างโคลน
และยังเป็นเหตุผลที่ไคลน์ไม่พกไม้เท้าดวงดาวติดตัว มันไม่ต้องการพกระเบิดเวลาไว้ข้างกาย
ในยามปรกติ ไคลน์สามารถอาศัยระดับตัวตนและพลังเพื่อข่ม ‘ไม้เท้าดวงดาว’ ได้ก็จริง แต่ขณะปรองดองกับเอกลักษณ์เดอะฟูล ชายหนุ่มจะอ่อนแอเป็นอย่างมาก มิอาจถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อมได้ด้วยประการทั้งปวง ไม่อย่างนั้นอาจคลุ้มคลั่งคาที่
และเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ปราสาทต้นกำเนิดอาจถูกผนึก จนตนไม่สามารถระดมพลังได้ ไคลน์จำเป็นต้องพกพาสมบัติปิดผนึกที่มีความสามารถด้านการ ‘เทเลพอร์ต’ ติดตัว เป็นเหตุผลให้ตัดสินใจเลือกใช้ยุบพองหิวโหย
ในวินาทีนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชาเทวทูตผู้สามารถควบคุมเอกลักษณ์ของเส้นทางได้โดยสมบูรณ์ ไคลน์สัมผัสได้ว่า ถุงมือหนังมนุษย์ในมือซ้ายกำลังสั่นเทาตามสัญชาตญาณ
ชายหนุ่มใช้มือขวาลูบยุบพองหิวโหยทันที ตามด้วยกระซิบหยอกเย้า
“ไม่ต้องกังวล เจ้าเป็นแค่ภาพฉายจากช่องว่างประวัติศาสตร์”
หลังจากคลายความตึงเครียดของตัวเองด้วยวิธีดังกล่าว ไคลน์มองไปรอบตัว ยืนยันจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดให้ต้องระวังอีก
ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มวางมือลงบนหน้าอก โค้งคำนับให้อันทีโกนัสด้วยท่าทีเคร่งขรึม
เมื่อเหยียดตัวตรงกลับขึ้นมา สัญลักษณ์อันซับซ้อน ลึกลับ และมายา พลันปรากฏบริเวณหว่างคิ้ว
สัญลักษณ์ดังกล่าวคล้ายประตูแห่งแสงพิสดารซึ่งฉาบด้วยสีน้ำเงินเข้ม แผ่หมอกสีเทาอ่อนจางๆ ออกตลอดเวลา
วินาทีถัดมา ไคลน์เหยียดมือขวาออกและกางนิ้ว ด้วยระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกล ร่างของอันทีโกนัสถูกมือขวาบดบังจนมิด
ชายหนุ่มรีบกำมือพร้อมกับบิดข้อมือเพื่อทำการ ‘ขโมย’
แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา
การขโมยล้มเหลว
ไคลน์มิได้เสียกำลังใจ เริ่มทำการขโมยตัวตน โชคชะตา และการตระหนักรู้จากอันทีโกนัสอีกครั้ง
แม้ในปัจจุบัน ไคลน์จะมีระดับทัดเทียมราชาแห่งราชาเทวทูต แต่พลังการ ‘ขโมย’ นั้นมาจากปราสาทต้นกำเนิด จึงมีฤทธิ์เพียงลำดับ 1 ทั่วไป และเป้าหมายในการขโมยยังเป็นถึงราชาเทวทูตผู้ควบคุมเอกลักษณ์ อันทีโกนัสผู้ถูกกัดกร่อนโดยราชันเร้นลับ ย่อมต้องมีความแตกต่างที่ชัดเจนAileen-novel
ดังนั้น แม้อันทีโกนัสจะเข้าสู่ภาวะหลับลึกนิรันดร์และมิอาจต่อต้านอำนาจการขโมย แต่ถึงอย่างนั้น ไคลน์ก็ยังประสบความล้มเหลวติดต่อกัน
ชายหนุ่มมิได้ลนลานหรือสิ้นหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทั้งหมดยังอยู่ในขอบเขตที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนั้นยังไม่มีความจำเป็นต้องประหม่า เพราะตราบใดที่การ ‘ขโมย’ ยังไม่บรรลุผล เทพธิดารัตติกาลก็จะไม่คลายดินแดนซ่อนเร้นเพื่อปล่อยให้ชะตากรรมของที่นี่เชื่อมต่อกับโลกความจริง จะไม่มีการรบกวนจากภายนอกจนถึงตอนนั้น ไคลน์มีทั้งเวลาและสภาพแวดล้อมที่มั่นคงสำหรับการลงมือ
หลังจากล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วนจนเลิกนับ สัมผัสวิญญาณของไคลน์ถูกกระตุ้นกะทันหัน พร้อมกับมองเห็นนิมิตบางอย่าง
ชายหนุ่มเหยียดมือขวาออกและกางนิ้วอีกครั้ง ตามด้วยกำหมัดและบิดข้อมือด้วยความอ่อนโยน
ทันใดนั้นเอง ไคลน์ตระหนักว่ามีบางสิ่งที่มองไม่เห็น ถูกสกัดออกจากร่างอันทีโกนัสและลอยมาทางตน
ในเวลาเดียวกัน เส้นแสงซึ่งยากจะอธิบายเป็นคำพูด ดูคล้ายกับแม่น้ำสายยาวที่แตกหลายแขนง ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าชายหนุ่ม
แม่น้ำมายาไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ไหลลงสู่แควเล็กแควน้อยและเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำสายหลัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ