ร่างโคลนที่ไคลน์สร้างขึ้นใหม่ เป็นการจำลองจากสภาพในปัจจุบัน ไม่ใช่ดอน·ดันเตส เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ หรือเมอร์ลิน·เฮอร์มิส เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคทางจิตใจ
หลังจากหุ่นเชิดของตนเคยถูกอาดัมทำให้กลายพันธุ์ ชายหนุ่มระมัดระวังในแง่มุมดังกล่าวมากขึ้น
จ้องมองร่างโคลนซึ่งมีใบหน้าเหม่อลอยสักพัก ไคลน์ส่งผ่านความคิดบางอย่าง
ทันใดนั้น ร่างโคลนยื่นมือขวาออก ระดมพลังปราสาทต้นกำเนิดพร้อมกับใช้มือจับร่างต้น
หลังจากล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ในที่สุดแสงสลัวก็ถูกดึงออกจากร่างต้น
สำเร็จสักที… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ระงับความคิดที่จะทำเช่นนี้ในการต่อสู้จริง
ทั้งที่ร่างต้นไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อย ปล่อยวางทั้งกายและใจ แต่ร่างโคลนซึ่งอาศัยระดับตัวตนและพลังของปราสาทต้นกำเนิด กลับต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะทำสำเร็จ ผ่านการล้มเหลวหลายต่อหลายหน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในการต่อสู้จริงมันจะสำเร็จได้ยากเย็นเพียงใด
เมื่อตะกอนพลังส่วนเกินถูกขับออกจากร่าง ไคลน์รู้สึกผ่อนคลายในทันที คล้ายกับในที่สุดก็ได้วางของหนักลงหลังจากแบกไว้เป็นเวลานาน
แต่แน่นอน สภาพจิตใจชายหนุ่มเกิดความผันผวนในระดับหนึ่ง เนื่องจากสูญเสียตราประทับทางจิตของซาราธ เจตจำนงในการคืนชีพอย่างแรงกล้าของราชันสวรรค์ฟ้าดินจึงเริ่มรุกล้ำจิตใจ
สิ่งนี้ไม่เกินความคาดหมาย ไคลน์จึงมิได้หวั่นไหว อาศัยการตระหนักรู้ตัวเองซึ่งมีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง รวมถึงเจตจำนงอันแน่วแน่และหลักยึดเหนี่ยวที่แข็งแกร่ง ชายหนุ่มค่อยๆ กำราบเจตจำนงของราชันสวรรค์ฟ้าดินและสร้างสมดุลใหม่
ในเวลาเดียวกัน เมื่อตะกอนพลังบริวารเร้นลับที่ไคลน์ยังย่อยไม่เสร็จ โอนถ่ายเข้าไปในร่างกายของร่างโคลน ใบหน้าซึ่งเคยว่างเปล่าเกิดการบิดเบี้ยวกะทันหัน ดวงตากลายเป็นสีดำหมองคล้ำ เครายาวสีขาวงอกปกคลุมริมฝีปาก
ปัจจุบัน ร่างโคลนมีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับซาราธมาก
ทว่า มันมิอาจต้านทานความบ้าคลั่งอันเกิดจากตะกอนพลังบริวารเร้นลับ ร่างกายจึงเกิดแนวโน้มในการแยกตัว หนอนสีใสดีดดิ้นชอนไชออกมาทีละหนึ่ง หนวดรยางค์ผิวเรียบทยอยงอกยาว
คลุ้มคลั่งคาที่
ไคลน์ไม่นิ่งเฉย เพียงขยับนิ้ว ร่างโคลนดังกล่าวก็กลายเป็นหุ่นเชิดของตน
กระบวนการคลุ้มคลั่งจึงหยุดลง
ณ จุดนี้ เรียกได้ว่าการเตรียมตัวของไคลน์เป็นอันเสร็จสิ้น ร่างต้นอยู่ในสถานะย่อยโอสถเสร็จสมบูรณ์ พร้อมแล้วที่จะปรองดองกับเอกลักษณ์ของเดอะฟูล ขณะเดียวกันก็ยังมีหุ่นกระบอกลำดับ 1 บริวารเร้นลับไว้ใช้งาน
ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้ ทบทวนแผนการขั้นถัดไปอีกครั้งอย่างใจเย็น ตรวจสอบว่าตนมองข้ามสิ่งใดไปหรือไม่
สำหรับศึกระหว่างทวยเทพ เราคงทำอะไรไม่ได้มากนัก แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ… ว่าแต่ เราประมาทขั้นตอนแรกเกินไปไหม? เป็นเพราะมีเทพธิดา ผู้ถือครองน้ำจากแม่น้ำอันธการนิรันดร์ คอยช่วยเหลือ? จึงไม่เกรงกลัวการต่อสู้กับอันทีโกนัสเลยสักนิด? หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์พบว่าตนยังขาดความรอบคอบ มีหลายสิ่งที่เลินเล่อและโอหังเกินไป
ครุ่นคิดอยู่หลายวินาที ชายหนุ่มสร้างร่างโคลนที่มีใบหน้าเหม่อลอยเพิ่มเติม
จัดการเสร็จ ไคลน์ลุกขึ้นยืน นำยุบพองหิวโหยออกจากสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์และสวมในมือซ้าย
นี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับศึกย่อยซึ่งอาจเกิดขึ้น ในสถานการณ์ดังกล่าว ‘บลิงค์’ ย่อมรวดเร็วและสะดวกกว่า ‘ปลูกถ่าย’
จัดปกเสื้อเสร็จ ชายหนุ่มมองไปรอบตัวอย่างไม่รีบร้อน หยุดสายตาลงที่ประตูแสงประหลาดซึ่งฉาบด้วยสีน้ำเงินเข้ม จากนั้นก็มองต่อไปยังมนุษย์ที่ถูกแขวนอยู่ภายใน ‘รังไหม’
ตรวจสอบทีละคน สายตาไคลน์หยุดลงที่ ‘รังไหม’ โปร่งใสสามอันซึ่งกำลังว่างเปล่า
วินาทีถัดมา ร่างไคลน์เลือนหายไปและโผล่ขึ้นอีกครั้งในสายหมอกประวัติศาสตร์ มันย่างกรายเข้าสู่ช่วงเวลาก่อนยุคสมัยที่หนึ่ง เดินเข้าไปในเมืองเก่าซึ่งมีโครงสร้างหลายชั้น
มันยืนอยู่บนซากอาคารซึ่งทรุดโทรมชนิดที่พร้อมจะถล่มลงได้ทุกเมื่อ สายตาก้มมองซากอาคารบ้านเรือนด้านล่าง ซากรถยนต์ที่ซ้อนทับ รวมถึงซากระบบขนส่งสาธารณะซึ่งถูกทับจนแบน
ท่ามกลางความเงียบ ดวงตาไคลน์กวาดไปทั่วอาคารบ้านเรือนที่เหลือ คล้ายกับพวกมันเดินทางข้ามกำแพงแห่งกาลเวลา หลอดไฟภายในบ้านทยอยสว่างขึ้นทีละหนึ่งดวง
แสงของหลอดไฟแผ่ออกไปทุกทิศอย่างอ่อนโยน สะท้อนกับผิวกระจก มอบแสงสว่างให้แก่อาคาร ถนนหนทาง และซากปรักหักพังเมืองเก่า
หลังจากจดจ้องอยู่สักพัก ไคลน์ถอนสายตากลับ ย่างกรายไปทีละก้าวและกลับสู่โลกแห่งความจริง
ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มเทเลพอร์ตไปยังยอดเขาของเทือกเขาโฮนาซิสทันที และได้ ‘เห็น’ วังโบราณที่ปกคลุมด้วยสายหมอก สภาพค่อนข้างทรุดโทรมและมีวัชพืชปกคลุมหนาทึบ
หุ่นเชิดและร่างโคลนปรากฏตัวด้านหน้าไคลน์ประหนึ่งบอดี้การ์ดสองคน Aileen-novel
หันหน้าเข้าหาวังโบราณ ไคลน์กดหมวกทรงสูง ยกมือขวาขึ้นและดีดนิ้ว
บรรยากาศโดยรอบยอดเขาบนเทือกเขาโฮนาซิสมืดลงทันที ดวงตาพร่างพราวปรากฏขึ้นทีละดวง
ไคลน์ทำการ ‘ปลูกถ่าย’ ที่นี่เข้ากับโลกดารา
โดยไม่มัวรีรอ ชายหนุ่มนำหุ่นกระบอกและร่างโคลน เดินเข้าไปในทางเข้าหลักของวังโบราณ
นำหน้าโดยหุ่นเชิดที่รูปลักษณ์เหมือนกับไคลน์ มันโน้มตัวไปข้างหน้า เหยียดแขนออก บรรจงออกแรงผลักประตูหินหนัก
ท่ามกลางเสียงเสียดสี ประตูเปิดแง้มพร้อมกับเผยให้เห็นฉากด้านใน
แตกต่างจากครั้งล่าสุดที่ไคลน์นำ ‘หนังสือทองเหลืองทรันซอสต์’ มาทิ้งไว้ ด้านในมืดมาก จนมองไม่เห็นศพจำนวนมหาศาลที่ถูกแขนไว้บนเพดานห้องโถง และไม่เห็นกลุ่มก้อนหนอนโปร่งใสที่กระจุกตัวอยู่บนเก้าอี้ยักษ์ซึ่งทำจากหิน
โดยไม่ต้องเดาสุ่ม ไคลน์อาศัยสัมผัสวิญญาณของนักทำนายระดับราชาเทวทูต ยืนยันจนมั่นใจว่าสถานการณ์ปัจจุบันเกิดจากฝีมือของ ‘เทพธิดารัตติกาล’ ผู้ใช้น้ำจากแม่น้ำอันธการนิรันดร์เพื่อทำให้บรรพชนอันทีโกนัสอยู่ในสภาพหลับใหล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ