‘ม่าน’ ที่ห่อหุ้มวังอันทีโกนัสเลือนหายไป ออร่าอันยากจะอธิบายหวนคืนสู่ความเป็นจริง ส่งผลให้ทั่วทั้งดินแดนดาราพลันสั่นสะเทือน
บนบาเรียนอกโลกซึ่งเต็มไปด้วยรอยร้าว เหล่าใบหน้าที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ พากันเปลี่ยนสีโดยพร้อมเพรียง
บาเรียล่องหนเริ่มสั่นสะเทือนอย่างหนัก ราวกับพร้อมพังทลายลงในทุกเมื่อ
ทุกทวีปบนโลกเกิดแผ่นดินไหว แม้จะไม่รุนแรง แต่ก็ตระหนักได้ชัดเจน
เหนือห้าห้วงสมุทร คลื่นทะเลซัดสูงราวกับเกิดภาวะน้ำขึ้นกะทันหัน
ท่ามกลางท้องฟ้ายามเที่ยง ดวงจันทร์สีแดงเข้มปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน สีสันของมันเข้มข้นเกินจริง ขนาดใหญ่ผิดไปจากปรกติ ประหนึ่งกำลังห้อยลงมาจากหลังคาบ้านในแต่ละหลัง นอกจากนั้น ดาวน้ำตาล ดาวส้ม ดาวแดง ดาวทอง และดาวครามพลันเปล่งแสงจากพื้นผิวโดยพร้อมเพรียง
หากมองลงมาจากอวกาศ โลกทั้งใบดูคล้ายกับกำลังสั่นไหวและปกคลุมด้วยพายุล่องหน
นี่คือการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ อันเกิดจากความพยายามในการเจาะทะลวงบาเรียของเทพภายนอก
ออร่าที่เล็ดลอดจากวังโบราณกึ่งกลางโลกดารา ทำให้พวกมันหวนนึกถึงตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวจากอดีตกาล ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยความตึงเครียด ความโกรธ ความเกลียดชัง หรือความบ้าคลั่ง ทุกตัวตนต่างทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคืนชีพสำเร็จ
แต่เมื่อเทียบกับพวกมันที่ถูกกีดกันจากโลกแห่งความจริง สิ่งแรกที่ตอบสนองในทันทีคือตะเกียงวิเศษประทานพรในกระเป๋าเสื้อของ ‘ร่างเดิม’ ไคลน์
แสงสีทองซีดทะลวงผ่านผนึกที่ถูกอามุนด์เสริมความแข็งแกร่ง เผยให้เห็นร่างอันพร่ามัวและบิดเบี้ยว
มันเหยียดแขนหยิบหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์ไปถือในมือ
กฎทั้งหมดที่ถูกเขียนก่อนหน้านี้พลันเลือนหาย คำสั่งใหม่ก่อตัวขึ้นในพริบตา
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้คนตายคืนชีพ!”
หมอกสีเทาอ่อนเจือจางสั่นไหวแผ่วเบา ประโยคหนึ่งถูกเขียนขึ้นเหนือข้อความล่าสุด
“กฎทั้งหมดหลังจากส่วนนี้ถือเป็นโมฆะ!”
แม้จะไม่ได้คืนชีพโดยแท้จริง และไม่ได้ดูดซับเอกลักษณ์ของเดอะฟูล รวมถึงดูดซับตะกอนพลังของเส้นทางนักทำนายตั้งแต่ลำดับ 9 ถึง 1 อีกสองก้อนที่เหลือ แต่ราชันสวรรค์ฟ้าดินในร่างเดิมของไคลน์ ก็สามารถใช้งานปราสาทต้นกำเนิดได้ด้วยการกระตุ้นพลังผ่านระดับตัวตน
ในวินาทีนี้ การดำรงอยู่ของมันได้สร้างปฏิสัมพันธ์กับสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์ ชิ้นส่วนแสงในสายหมอกเกิดความโกลาหลทันที บ้างหลอมรวมเป็นหนึ่ง บ้างแตกสลาย มิอาจกลายเป็นชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์
สืบเนื่องมาจาก ชิ้นทางประวัติศาสตร์เหล่านั้นเกิดความขัดแย้งในตัวเอง!
ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงก็คือ: ไคลน์·โมเร็ตติผู้มีดวงวิญญาณของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้ก่อตั้งชุมนุมทาโรต์และสวมรอยเป็น ‘เดอะฟูล’ จากนั้นก็พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีระดับใกล้เคียงกับ ‘เดอะฟูล’ ตัวจริง ทว่า ประวัติศาสตร์ในปัจจุบันกลับกลายเป็น: ‘เดอะฟูล’ คือตัวตนอันยิ่งใหญ่นามว่าราชันสวรรค์ฟ้าดินประทานโชคจากโบราณกาล ที่ในภายหลังได้ฟื้นคืนชีพกลับมา!
ในวินาทีปัจจุบัน แม้ว่า ‘กฎ’ ที่เทพแห่งตะเกียงเขียนลงบนหนังสือทองเหลืองทรันซอสต์จะส่งผลเพียงเสี้ยววินาที แต่นั่นก็มากพอจะทำให้ราชันเร้นลับใน ‘ร่างเดิม’ ของไคลน์อ่อนแอลงมาก ราวกับเพิ่งถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง
สำหรับพระแม่ธรณีและเทพจักรกลไอน้ำ พวกมันเลิกยุ่งกับร่างโคลนอามุนด์สักพัก คล้ายกับต้องการปล่อยให้มิสเตอร์ข้อผิดพลาดลงมือจัดการกับราชันเร้นลับที่ตื่นขึ้นมาเสียก่อน
อย่างไรก็ดี เห็นได้ชัดว่าพวกมันที่ยังมีพลังเหลือเฟือ มิได้พยายามแตะต้อง ‘ร่างเดิม’ ของไคลน์ แต่เลือกจะนำพลังส่วนนั้นไปใช้กำราบแม่มดบรรพกาลและปราชญ์เร้นลับแทน
การโจมตีและการแทรกแซงจากสองรายหลังเองก็บรรเทาลงหลายส่วน คล้ายกับกำลังรอชมผลลัพธ์
สำหรับพวกมัน ขอเพียงราชันเร้นลับคืนชีพ เป้าหมายก็จะลุล่วง
สนับสนุนให้ ‘เสาหลัก’ ถือกำเนิดโดยเร็วที่สุด แต่คอยป้องกันไม่ให้บุคคลที่เป็นศัตรูกับตน ได้ขึ้นเป็นราชันเร้นลับ
นอกจากนั้น เส้นทางของพวกมันก็มิได้เกี่ยวข้องกับสามเส้นทางราชันเร้นลับ และไม่เคยเป็นอริหรือขัดแย้งในเรื่องใดกับอีกฝ่ายมาก่อน
เหล่าอามุนด์ซึ่งหลุดพ้นจากภาวะโกลาหลโดยสมบูรณ์ เปลี่ยนเป้าหมายมายัง ‘ร่างเดิม’ ของไคลน์ทันที
ไม่จำเป็นต้องให้ใครอธิบาย ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าปัจจุบันใครคือภัยคุกคามอันดับหนึ่ง!
โดยไม่มัวรีรอ เหล่าอามุนด์ยกมือขวาขึ้นพร้อมกันและกำหมัดแผ่วเบา พยายามขโมย ‘กลางวันนิรันดร์’ มาจากเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี อามุนด์บางส่วนยังไม่เลิกตามรังควานไคลน์ ด้วยจำนวนที่มากกว่า พวกมันแบ่งสมาชิกออกมาจำนวนหนึ่งเพื่อคอยจับตามองไคลน์ซึ่งปัจจุบันเป็นบริวารเร้นลับ แถมยังอยู่ในตัวตนของอันทีโกนัส ไอรีนโนเวล
แว่นตาขาเดียวของอามุนด์เหล่านี้สว่างขึ้น อาศัยอำนาจของขอบเขต ‘ประตู’ เพื่อเคลื่อนย้ายไคลน์จากโลกดาราออกไปยังอวกาศ
ท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด ร่างของไคลน์ปรากฏขึ้นที่นั่น แต่เพียงพริบตา ลำตัวชายหนุ่มบางลงกะทันหันและกลายเป็นมนุษย์กระดาษ
กระดาษคนแผ่นดังกล่าวตั้งครรภ์ทันทีและให้กำเนิดทารกกระดาษ แต่สุดท้ายก็สลายตัวเป็นผุยผง
ไคลน์ใช้พลังปลูกถ่ายและกระดาษคนตัวแทน เพื่อตั้งรับการโจมตีจากเหล่าอามุนด์
ในเวลาเดียวกัน อามุนด์ส่วนที่เหลือประสบความสำเร็จในการขโมยคุณสมบัติ ‘กลางวันนิรันดร์’ ออกจาก ‘ร่างเดิม’ ไคลน์
แต่ในวินาทีถัดมา คุณสมบัติ ‘กลางวันนิรันดร์’ ได้ถูกขโมยกลับไปอีกครั้ง
นี่คืออำนาจของราชันเร้นลับผู้ควบคุมเส้นทางนี้โดยตรง แม้จะมิได้คืนชีพอย่างแท้จริง แต่ก็มีอำนาจในระดับหนึ่ง
ดวงตาอามุนด์สั่นไหวเล็กน้อย มันละสายตาจากไคลน์ทันที และเพ่งความสนใจไปยังสามสิ่ง:
เกือบทั้งหมดจะยังคงเน้นขโมยกลางวันนิรันดร์มาจากราชันเร้นลับ โดยแบ่งทีมเล็กคอยจับตามองอันทีโกนัสบนเก้าอี้หินยักษ์ พยายามขโมย ‘ภวังค์หลับลึกนิรันดร์’ จากอีกฝ่ายมาให้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ