ขณะอามุนด์กล่าว ไคลน์ทำท่าทางคล้ายตั้งใจฟัง แต่ลึกๆ แล้วกำลังหาทางออกจากปราสาทต้นกำเนิด
นี่มิใช่การยอมแพ้หรือยอมจำนน หรือว่าขี้กลัวเกินไป คิดแต่จะหนี แต่ไคลน์มองว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน
หากตนยังอยู่ในปราสาทต้นกำเนิด จะเกิดความเสียเปรียบสามประการ
ประการแรก มันเพิ่งเลื่อนลำดับเป็นเดอะฟูล ร่างกายในปัจจุบันยังขาดเสถียรภาพอยู่มาก แถมยังใช้พลังงานเกือบทั้งหมดไปกับการกำราบเจตจำนงของราชันสวรรค์ฟ้าดิน ประการที่สอง การอยู่บนนี้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพันธมิตร ต้องต่อสู้ตามลำพังเท่านั้น ประการที่สาม ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายสามารถระดมพลังปราสาทต้นกำเนิดได้ ต่อให้ไคลน์เชี่ยวชาญมันมากกว่าอามุนด์ แต่ก็ไม่ช่วยให้ได้เปรียบขนาดนั้น อีกฝ่ายเป็นถึงนักเจาะช่องโหว่และบั๊ก การต่อสู้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันฟังดูเสียเปรียบเกินไป
หากเดอะฟูลลำดับ 0 ต้องเผชิญหน้ากับ ‘ข้อผิดพลาด’ และ ‘ประตู’ ซึ่งหน้า แม้โอกาสแพ้จะไม่ใช่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสชนะก็ไม่ได้สูงสักเท่าไร
แต่ถ้าออกจากปราสาทต้นกำเนิดไปได้สำเร็จ ไคลน์สามารถขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรได้ทันทีเพื่อพลิกสถานการณ์
หากอามุนด์ตามลงมา ไคลน์จะไม่ปล่อยให้อามุนด์กลับขึ้นปราสาทต้นกำเนิดไปอีก ด้วยวิธีนี้ พันธมิตรของตนก็จะรุมจัดการอามุนด์ได้ไม่ยากเย็น เพราะเมื่อถึงตอนนั้น แม่มดบรรพกาลคงไม่เคลื่อนไหวอีกแล้ว และเทพสุริยันบรรพกาลก็คงจำลองพลังครึ่งวันวานขึ้นมาใหม่ไม่ได้ เมื่อมีเทพธิดารัตติกาลและอีกห้าเทพจารีตคอยหนุนหลัง ไคลน์มั่นใจว่าฝ่ายตนชนะอามุนด์ได้แน่นอน
แม้อามุนด์จะมีอำนาจในสองเส้นทางอย่างข้อผิดพลาดและประตู ส่งผลให้การฆ่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เหล่าเทพจารีตย่อมสามารถทำให้อีกฝ่ายอ่อนแอลงและผนึกไว้ได้ รอให้ร่างกายไคลน์มีเสถียรภาพและควบคุมปราสาทต้นกำเนิดในเชิงลึก ถึงตอนนั้นค่อยลงมือเชือดอามุนด์ก็ยังไม่สาย
หรือต่อให้เทพสุริยันบรรพกาลสามารถระเบิดพลังกลายเป็นครึ่งวันวานได้อีกครั้ง ผลลัพธ์ก็จะไม่แปรเปลี่ยน – พระองค์สามารถกำราบเทพจารีตได้เพียงสามตนพร้อมกัน และต้องไม่นับรวมเทพธิดารัตติกาลเข้าไป
แต่แน่นอน เทพภายนอกย่อมไม่ยินดีที่จะให้มีราชันเร้นลับถือกำเนิด หากอามุนด์ถูกผนึกไว้ พวกมันก็จะพยายามอย่างหนักเพื่อป้องกันไม่ให้อามุนด์ร่วงหล่น แต่หากบาเรียโลกยังไม่ถูกทำลาย เทพภายนอกก็คงแผ่อิทธิพลได้ไม่มากนัก หรืออาจแทบไม่ส่งผลใดเลย เหมือนกับเมื่อก่อนที่ไคลน์เชื่อว่าเทพผู้ถูกล่ามกับด้านมืดของเอกภพ ยังด้อยกว่าปราชญ์เร้นลับอยู่พอสมควร
หรือต่อให้เทพภายนอกสร้างอิทธิพลได้มาก แต่ไคลน์ก็ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะอีกฝ่ายย่อมไม่มีทางปล่อยให้อามุนด์ฆ่าตนเช่นกัน ไคลน์สามารถซ่อนตัวในสถานที่เงียบสงบ รักษาสภาพจิตใจและรอจนกว่าจะวางแผนใหม่ – หมู่บ้านสายหมอกของเทพธิดารัตติกาลถือเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
ถ้าอามุนด์ไม่ตามมาและเอาแต่หมกตัวอยู่บนปราสาทต้นกำเนิด ไคลน์สามารถใช้ความเป็นเจ้าของปราสาทเพื่อควบคุมการใช้งานพลังทุกชนิดได้ตลอดเวลา ส่งผลให้อามุนด์บนปราสาทต้นกำเนิดมิอาจระดมพลังเพื่อทำสิ่งใดได้เลย กระทั่งลงมือกับสมาชิกชุมนุมทาโรต์ผ่านดาวแดงก็ไม่ได้
กล่าวคือ เป็นการยากที่ทั้งสองฝ่ายจะระดมพลังปราสาทต้นกำเนิดสำเร็จ แต่การห้ามใช้งานนั้นง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
ภายใต้สภาวะยืดเยื้อดังกล่าว ไคลน์มีเวลาเหลือเฟือที่จะรักษาสภาพจิตใจ เพิ่มความเชี่ยวชาญในปราสาทต้นกำเนิด และค่อยๆ ถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่ายทีละนิด
ท้ายที่สุด ทางเลือกของอามุนด์จะมีเพียงหลบหนีหรือซ่อนตัว หรือไม่ก็ให้ราชันสวรรค์ฟ้าดินคืนชีพในร่างกายโดยสมบูรณ์ กระชากไคลน์ให้ตกตายไปพร้อมกัน
ดังนั้น แม้จะไม่มีเวลาชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย แต่ไคลน์ก็ตัดสินใจได้ในทันที
ปัจจุบัน การออกจากปราสาทต้นกำเนิดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ทว่า เมื่อจิตใต้สำนึกไคลน์เริ่มดำดิ่งออกจากปราสาทต้นกำเนิด ชายหนุ่มพบว่าทางหนีมีเลนส์แว่นตาผลึกกีดขวางไว้
เป็นการขัดขวางอย่างฉิวเฉียด
“คิดว่าข้าจะทิ้งช่องโหว่ที่ชัดเจนขนาดนี้ไว้หรือ? แน่นอน เจ้าเองก็ขัดขวางมิให้ข้าออกจากปราสาทต้นกำเนิดได้เช่นกัน” อามุนด์งอนิ้วชี้ข้างขวาพลางจับใต้กรอบแว่น
ด้านหลังเก้าอี้ที่มันนั่งลง สัญลักษณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง บ้างก็เป็นส่วนผสมของสัญลักษณ์เกี่ยวกับปรสิต เวลา และชะตากรรม แต่บ้างก็เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับประตู
สัญลักษณ์ที่แตกต่างกันสลับไปมาตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่งอยู่จุดใดจุดหนึ่ง
ไคลน์ไม่ได้ฟังในสิ่งที่อามุนด์พูดเลยสักนิด ทันทีที่หลบหนีไม่สำเร็จ ชายหนุ่มทำการสร้างดินแดนเร้นลับซึ่งถือเป็นอาณาจักรเทพของเดอะฟูล
ต่อหน้าอามุนด์ แสงและเงาเกิดการเปลี่ยนแปลงในพริบตา วังโบราณอันงดงามเลือนหายไปพร้อมกับโต๊ะทองแดงยาวและเก้าอี้พนักสูง จากนั้นก็แทนที่ด้วยปราสาทโบราณ
อามุนด์ไม่แน่ใจว่าปราสาทโบราณหลังนี้มีรูปทรงเป็นเช่นไร เพราะมันกำลังยืนอยู่บนทางเดินภายในปราสาท อย่างมากก็ทำได้เพียงสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับปราสาทต้นกำเนิด ยากที่จะทำความเข้าใจโครงสร้างของสิ่งที่กำลังเห็น
ทางเดินดูมืดมนผิดปรกติ คล้ายกับปลายทางไม่มีจุดสิ้นจุด ตามทางมีเชิงเทียนสีเงินหรูหราประดับเป็นระยะ เหนือเชิงเทียนมีแสงสลัว
ทั้งสองฝั่งของทางเดินมีประตูไม้สีแดงเข้มวางเรียงราย คล้ายเชื่อมต่อเข้ากับห้องต่างๆ
ไม่มีเสียงใดดังเล็ดลอดจากห้อง ยากจะทราบว่าด้านในมีสิ่งใดซ่อนอยู่
อามุนด์กวาดตาไปมาสักพักก่อนจะยิ้มด้วยความสนใจ
“ไม่เลว”
ในฐานะนักถอดรหัสที่ทรงพลังที่สุดในโลก มันย่อมทราบว่าที่นี่คืออาณาจักรเทพ การบุ่มบ่ามฝืนทำลายด้วยพละกำลังไม่ใช่เรื่องฉลาด
นั่นเพราะประตูแต่ละบานได้ถูก ‘ผนวกใหม่’ เข้ากับวัตถุที่แตกต่างกันไป หากเผลอทำลายทิ้ง ไม่มีทางเดาได้เลยว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นไรบ้าง อามุนด์ไม่คิดประมาทฝีมือและสติปัญหาของลำดับ 0 เดอะฟูล และไม่อยากเผชิญเหตุไม่คาดฝันเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี เมื่อกฎของอาณาจักรเทพถูกกำหนดขึ้น เจ้าของอาณาจักรก็จะอยู่ภายใต้กฎเดียวกัน
กล่าวคือ ไคลน์ต้องอยู่ภายในห้องใดห้องหนึ่งอย่างแน่นอน ไม่ใช่ข้างนอกหรือที่ไหน
จะไม่มีใครได้ประโยชน์จากสถานการณ์อยู่ฝ่ายเดียว
“คิดจะถ่วงเวลาเพื่อสร้างความมั่นคงให้จิตใจสินะ” อามุนด์พึมพำคล้ายกำลังคุยกับมนุษย์ล่องหน
จากนั้น แต่งกายด้วยหมวกปลายแหลมและชุดคลุมสีดำ มันเดินไปยังบานประตูสีแดงเข้มที่ใกล้ที่สุด
ประตูไม้บานนี้ไม่มีแม้แต่ช่องหรือรูเดียว ไม่สามารถเห็นสถานการณ์ด้านใน
ถัดมา มันจ้องเข้าไปข้างใน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ