ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 393

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 393 : หนอนกาลเวลา
ราชันเร้นลับ 393 : หนอนกาลเวลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากเหม่อลอยไปพักหนึ่ง ออเดรย์เริ่มเข้าใจความหมายของเดอะซัน :

มิสเตอร์ฟูลส่งเทวทูตของท่านมาช่วยขจัดร่างแยกของอามุนด์!

เทวทูต!

มิสเตอร์ฟูลส่งเทวทูตเชียวนะ!

ท่านมีเทวทูตคอยรับใช้ข้างกาย!

เทวทูตต้องมีพลังอย่างน้อยก็ลำดับ 2…

แม้ว่าเธอจะคาดเดาเรื่องนี้ได้นานแล้ว แต่นี่เป็นหนแรก กับการได้พิสูจน์ว่าเรื่องดังกล่าวคือความจริง!

และมีเพียงทวยเทพเท่านั้น จึงจะออกคำสั่งกับตัวตนอย่างเทวทูตได้!

ดวงตาออเดรย์พลันเปล่งปลั่ง เธออยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าเทวทูตของมิสเตอร์ฟูลมีรูปลักษณ์เป็นเช่นไร

เราจะมีโอกาสได้เห็นบ้างไหมนะ…

เด็กสาวหันไปจ้องเก้าอี้ตำแหน่งประธานด้วยสีหน้าชื่นชมแกมเทิดทูน

ขณะเดียวกัน สัมผัสวิญญาณของเธอสังเกตเห็นว่าเดอะเวิร์ล ผู้เงียบขรึมและอึมครึมมาตลอดการชุมนุม เริ่มแสดงท่าทีตกตะลึงออกมาบ้างแล้ว สิ่งนี้ทำให้ออเดรย์มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

ทางด้านฟอร์สกำลังหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน เธอเพียงขอร้องให้มิสเตอร์ฟูลช่วยปิดกั้นการทำนายจากลอว์เรนซ์ แต่ท่านกลับส่งอัครเทวทูตผู้มีปีกสีดำสิงสองคู่มาโอบล้อมวิญญาณของเธอด้วยปีกยักษ์

เทวทูตจริงด้วย… ปีกดำสิบสองคู่…

เป็นกิจวัตรของท่านหรอกหรือ กับการส่งตัวตนระดับเทวทูตลงมาช่วยเหลือสมาชิกชุมนุมทาโรต์ในเรื่องเล็กน้อย…

ทันใดนั้น ฟอร์สพลันไม่กล้าจ้องมองสุภาพบุรุษบนเก้าอี้ประธานใหญ่

แม้ว่าเธอจะอยู่เพียงลำดับ 9 และยังไม่มีความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับมากมายอะไรนัก แต่หญิงสาวก็คลุกคลีกับวงการผู้วิเศษและชุมนุมลับมานานกว่าสามปี ย่อมต้องทราบข้อมูลสำคัญบางเรื่อง แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

จากบรรดาข้อมูลทั้งหมด กฎข้อสำคัญเหนืออื่นใดก็คือ :

ห้ามจ้องมองเทพโดยตรง!

ในอดีต ฟอร์สเคยมองว่าเรื่องนี้ค่อนข้างไกลตัว จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่ในวินาทีปัจจุบัน เธอพลันมั่นใจว่าวลีดังกล่าวต้องเป็นความจริงแน่นอน และเป็นสัจธรรมอันเกิดจากการหลั่งเลือดมานับไม่ถ้วน!

เทวทูต? มิสเตอร์ฟูลมีเทวทูตคอยรับใช้!

แฮงแมนสัมผัสถึงคลื่นความกลัวและความตื่นเต้นกำลังซัดกระแทกร่างตน ลำตัวของมันกำลังสั่นเทาอย่างมิอาจยับยั้ง

แต่ไหนแต่ไร อัลเจอร์จะสวดภาวนาถึงพระนามเต็มอันยิ่งใหญ่ของมิสเตอร์ฟูลด้วยท่าทีนอบน้อมเสมอ ประหนึ่งอีกฝ่ายเป็นทวยเทพตัวจริง แต่การขาดประจักษ์หลักฐานได้ทำให้ความเคลือบแคลงภายในใจไม่ถูกขจัดโดยสมบูรณ์ ทว่า ในวินาทีปัจจุบัน ประจักษ์หลักฐานได้ปรากฏต่อหน้ามันแล้ว!

มิสเตอร์ฟูลสามารถบงการเทวทูต!

ลำพังตัวตนของเทวทูตเพียงอย่างเดียว ได้ช่วยขจัดข้อสงสัยหลายเรื่องในพริบตา…

เหนือสิ่งอื่นใด สัญลักษณ์ของเทวทูตคือการปกป้องและยับยั้ง… มิสเตอร์ฟูลมิได้ปราศจากอิทธิพลบนโลกจริงโดยสิ้นเชิง… ฉะนั้น ถึงท่านจะไม่มีผู้รับใช้ แต่ก็ยังสามารถสำแดงฤทธิ์เดชบนโลกจริงได้ประมาณหนึ่ง…

อัลเจอร์กำลังเกิดมโนภาพพรั่งพรู เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นกลางหน้าผากเมื่อหวนนึกถึงพฤติกรรมอันจาบจ้วงของตนในอดีต ขณะเดียวกันก็มองเห็นอนาคตแสนเจิดจรัสในวันข้างหน้า

ถัดมา มันเริ่มตั้งสติและกลับมาวิเคราะห์คำพูดของเดอะซันอย่างละเอียด

มิสเตอร์ฟูลมิได้ส่งเทวทูตลงไปแก้ปัญหาโดยตรง แต่ต้องให้เดอะซันประกอบพิธีกรรมเป็นสื่อกลางเสียก่อน ท่านจึงจะมีอำนาจสำหรับจัดการร่างแยกของอามุนด์…

หืม นับเป็นวิธีค่อนข้างอ้อมค้อม…

หมายความว่า หากมิสเตอร์ฟูลต้องการแสดงอิทธิฤทธิ์บนโลกจริง ท่านต้องฝ่าด่านห้วงมิติอันซับซ้อนหลายชั้น? แต่เรื่องนี้ก็สอดคล้องกับข้อสันนิษฐานในอดีตของเรา ท่านคงกำลังอยู่ในภาวะถูกพันธนาการ…

หรือบางที อาจเป็นเพราะความพิเศษของดินแดนเทพทอดทิ้ง ท่านจึงต้องสิ้นเปลืองขั้นตอนมากกว่าปรกติ?

และเหตุผลทำให้ท่านไม่สำแดงอิทธิฤทธิ์ของเทวทูตก่อนหน้า คงเป็นเพราะว่าเพิ่งได้รับพลังบางส่วนกลับคืนมา… ท่านกำลังเป็นอิสระจากพันธนาการทีละนิด…

บนเก้าอี้ประธานใหญ่ ไคลน์ชำเลืองหางตาพลางสำรวจท่าทีตอบสนองของทุกคนอย่างละเอียด มันสังเกตเห็นสีหน้าเทิดทูนและกระตือรือร้นของจัสติส รวมถึงสีหน้าตื่นเต้นแกมประหวั่นของแฮงแมน

ไม่ใช่ว่าพวกนายมองฉันเป็นตัวตนระดับเทพอยู่แล้วหรอกหรือ? แล้วทำไมถึงได้แสดงท่าทีตอบสนองอย่างออกนอกหน้าหลังจากทราบความจริงเกี่ยวกับเทวทูต?

เข้าใจแล้ว ดูเหมือนประจักษ์หลักฐานจะสำคัญกว่าความเชื่อสินะ…

ถ้าอย่างนั้น ในอนาคต หากมีสมาชิกใหม่เข้าร่วมชุมนุมและเกิดเคลือบแคลงในตัวเรา คงต้องให้เดอะเวิร์ลเล่นละครต่อหน้าทุกคนและแสดงกิริยาล่วงเกิน จากนั้นก็ให้เดอะฟูลฆ่าทิ้งด้วยการชี้นิ้ว คนอื่นจะได้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง… ปล่อยไว้จนกว่าเรื่องจะซาลง ค่อยสร้างเดอะเวิร์ลคนใหม่ขึ้นมาแทน…

ทางด้านเดอร์ริค เด็กหนุ่มไม่ค่อยเข้าใจท่าทีตอบสนองอย่างออกนอกหน้าของแฮงแมนกับจัสติสสักเท่าไร ในสายตาของมัน ไม่ใช่ว่าตัวตนระดับทวยเทพอย่างมิสเตอร์ฟูลต้องมีเทวทูตคอยรับใช้เป็นปรกติอยู่แล้วหรือ?

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอร์ริคเล่าต่อ

“และเมื่อร่างแยกของอามุนด์ถูกชำระล้าง ผมเกิดไออย่างรุนแรงจนคายหนอนสีใสแบบเดียวกับตัวในห้องใต้ดินออกมา พวกคุณพอจะรู้จักไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร?”

ด้วยความช่วยเหลือจากไคลน์ เดอร์ริคฉายภาพหนอนสีใสตัวเล็ก ด้านบนมีวงแหวนสีใสจำนวนสิบสองวงเรียงต่อกัน

ออเดรย์กับฟอร์สเพ่งมองพลางขมวดคิ้วสักพัก ก่อนจะส่ายศีรษะเป็นนัยว่าพวกตนไม่มีข้อมูลใดมอบให้

สิบสองวงแหวน… จากคำอธิบายของหนังสือแห่งความลับ สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของกาลเวลา… ตระกูลอามุนด์อ้างตนว่าสืบเชื้อสายมาจากเทพสุริยันบรรพกาล และคนรุ่นเก่าก็เชื่อว่าดวงอาทิตย์มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับเวลา… สมมติฐานนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อนำข้อมูลสองชนิดมาประกอบกัน…

แต่เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมเทพสุริยันเจิดจรัส—ผู้เป็นแสงไม่มีวันดับมอด ผู้คุมกฎเกณฑ์ทั้งปวง เทพแห่งพันธสัญญา และผู้พิทักษ์แห่งการค้าขาย ถึงไม่มีพระนามเต็มเกี่ยวข้องกับกระแสแห่งกาลเวลาเลย…

เพื่อรักษาภาพลักษณ์อันสูงส่งของเดอะฟูล ไคลน์ไม่รีบร้อนมอบคำตอบ

ชายหนุ่มเพียงอมยิ้มด้วยสายตาอบอุ่น

อัลเจอร์ก้มหน้าตรึกตรองสักพัก ก่อนจะมอบคำตอบของตัวเอง

“สิ่งนี้อาจเป็นภาชนะสำหรับสร้างร่างแยกของอามุนด์ ตามตำนานโบราณ หมอนตัวนี้มีรูปลักษณ์ตรงตามคำอธิบายของหนอนชนิดหนึ่งพอดิบพอดี กล่าวกันว่า มันมีวงแหวนสีใสจำนวนสิบสองวางเรียงกันบนตัว ชื่อของมันคือ… หนอนกาลเวลา อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีใครเห็นหนอนกาลเวลาตัวจริงมาก่อน ขณะเดียวกัน บุคคลระดับสูงหลายคนต่างเชื่อว่า หนอนกาลเวลายังเป็นชื่อของโอสถในบางเส้นทางด้วย”

หนอนกาลเวลา… สอดคล้องกับทฤษฎีของเรามาก… แม้ว่าข้อมูลนี้จะเป็นเพียงตำนานเล่าขานภายในหมู่บุคลากรระดับกลางถึงสูงของโบสถ์ แต่ก็นับเป็นข่าวสารมีมูลค่า แล้วทำไมมิสเตอร์แฮงแมนถึงยอมเล่าให้ฟังโดยไม่คิดค่าตอบแทน?

หรือเป็นเพราะเกิดความพึงพอใจในข้อมูลอันมากมายจากปากเดอะซันน้อย?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ