นักท่องเที่ยวของตระกูลอับราฮัม ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ อ้างตัวว่าขณะตนท่องเข้าไปในส่วนลึกของโลกวิญญาณ เขาได้พบกับชายชราสวมชุดคลุมสีเหลืองเปลือกเลมอน
ร่างกายของชายชราคนดังกล่าวมีลักษณะโปร่งแสงเฉกเช่นสิ่งมีชีวิตอื่นบนโลกวิญญาณ อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเขากลับเป็นมิตรจนน่าเหลือเชื่อ
นักท่องเที่ยวจากตระกูลอับราฮัมสนทนากับอาวุโสสักพัก โดยในภายหลังมีอันต้องประหลาดใจเมื่อทราบว่า ชายชราคนดังกล่าวคือหนึ่งในเจ็ดริ้วแสงพิสุทธิ์ผู้ปกคลุมน่านฟ้าของโลกวิญญาณมาช้านาน
‘แสงเหลือง’ เวนิธาน
เวนิธานยังเล่าให้บรรพบุรุษของตระกูลอับราฮัมฟังด้วยว่า คุณลักษณะพิเศษของตนคือ ‘ตรรกะ’ และ ‘การปรับตัว’ พลังในขอบเขตคือโหราศาสตร์ และอัญมณีประจำตัวคือมรกต
ชายชรายังเล่าถึงผลการทำนายอนาคตของตนอย่างคร่าว :
“จงระวังดวงดาวจากอวกาศให้ดี มันจะพุ่งชนโลกจนทำให้ผืนดินถูกทำลาย ทุกสิ่งจะเข้าสู่ภาวะแตกดับ”
เวนิธานเชื่อว่าวันสิ้นโลกจะเกิดขึ้นในอีกสองร้อยปีข้างหน้า และจะไม่มีสิ่งใดเหลือรอด
นักท่องเที่ยวจากตระกูลอับราฮัมมิได้แยแสคำทำนายดังกล่าวมากนัก เพียงเพ่งความสนใจไปยังวิธีรักษาคำสาปของสายเลือด
‘แสงเหลือง’ เวนิธาน ตอบกลับอย่างคลุมเครือว่า :
“เจ้าจะมองว่าเป็นคำสาปก็ไม่ผิด แต่สิ่งนี้ไม่ใช่คำสาปในทางศาสตร์เร้นลับ ส่วนวิธีหลุดพ้นจากหายนะดังกล่าว คือการพึ่งพาผู้ฝึกหัดคนหนึ่งซึ่งถูกช่วยไว้โดยบุคคลลึกลับ”
อย่างไรก็ตาม เวนิธานได้เตือนทิ้งท้ายไว้อย่างน่าขนลุกว่า หากคำสาปตระกูลอับราฮัมถูกขจัดเมื่อใด วินาทีดังกล่าวคือจุดเริ่มต้นของขุมนรกอันแท้จริงของตระกูลอับราฮัม
แต่ขุมนรกดังกล่าวมีลักษณะหรือหน้าตาเป็นเช่นไร เวนิธานเองก็ไม่มั่นใจนัก ระบุเพียงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลยิ่งใหญ่ระดับทวยเทพ
ผู้เขียนหนังสือยังกล่าวอีกว่า เวนิธานได้เล่าเรื่องน่าสนใจให้ฟัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้นำแห่งภราดรภาพแสงพิสุทธิ์—เหล่าริ้วแสงพิสุทธิ์ทั้งเจ็ดเส้น พวกเขามักแฝงตัวเข้าไปในโลกมนุษย์ด้วยหลากหลายวิธีการ จำแลงกายเป็นมนุษย์และคอยถ่ายทอดความรู้ตามแต่ความถนัดของตน
นับตั้งแต่ยุคสมัยที่ห้าเป็นต้นมา บุคลากรระดับปรมาจารย์ของโลกในหลายสาขาอาชีพ มักเป็นร่างจำแลงของริ้วแสงพิสุทธิ์ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น สุดยอดนักโหราศาสตร์ของโลก ดิ·ฟอสมันน์ ผู้สร้างทฤษฎีโลกกลมและเชื่อว่าเป็นเพียงดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แท้จริงแล้วคือร่างจำแลงของ ‘แสงเหลือง’ เวนิธาน
ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนหนังสือจึงเริ่มตั้งประเด็นสงสัยว่า โรซายล์·กุสตาฟ คือร่างจำแลงของริ้วแสงพิสุทธิ์เส้นใดกัน เนื่องจากชายคนนั้นเชี่ยวชาญในศาสตร์หลายแขนงเสียเหลือเกิน
ต้องขอโทษด้วยคุณอับราฮัม แต่เขาไม่ใช่… หรือหากคิดแบบนั้นแล้วมีความสุข ผมก็ขอตอบว่าชายคนนั้นคือแสงเขียว…
ไคลน์ครุ่นคิดพลางเลื่อนมือขึ้นมาลูบขมับ
จากข้อมูลเมื่อครู่ มันได้ทราบว่าผู้เขียนหนังสือมิใช่ตัวตนเก่าแก่โบราณ ขณะเดียวกัน เมื่อประเมินว่าอีกฝ่ายมิได้เรียกโรซายล์ว่า ‘จักรพรรดิ’ หมายความว่าการท่องโลกวิญญาณในบันทึกเล่มนี้ อาจเกิดขึ้นขณะโรซายล์ยังเป็นเพียงกงสุล หรือไม่ก็เพิ่งเริ่มเรียกตัวเองว่าเป็นจักรพรรดิได้ไม่นาน จึงยังไม่แพร่หลายสู่สาธารณชนสักเท่าไร
แต่บางที อาจเป็นเพราะตระกูลอับราฮัมจะไม่เรียกราชวงศ์อื่นนอกจากทูดอร์ว่าจักรพรรดิก็เป็นได้…
นักท่องโลกวิญญาณ… คงเป็นผู้วิเศษระดับค่อนไปทางสูง แต่ต้องไม่สูงจนเกินไป ไม่อย่างนั้นคงช่วยเหลือมิสเตอร์ประตูออกมานานแล้ว และคำสาปตระกูลอับราฮัมก็จะไม่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน… ฉะนั้น ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คงมีลำดับประมาณ 5 หรือไม่ก็ลำดับ 6 ผู้ครอบครองสมบัติวิเศษ… ถึงแม้ว่าตระกูลอับราฮัมจะเสื่อมถอยลงในช่วงหลัง แต่พวกเขาก็มิได้อ่อนแอ…
หืม… แล้วทำไมคำทำนายด้านวันสิ้นโลกของ ‘แสงเหลือง’ เวนิธาน ถึงได้คล้ายคลึงกับคำทำนายของนิกายแม่มดและชุมนุมแสงเหนือนัก?
หรือวันพิพากษาจะมีอยู่จริง?
ถ้าอย่างนั้น หากคำนวณตามวันเวลาในบันทึกอย่างคราว วันพิพากษาจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า…
ไคลน์ขมวดคิ้วขบคิด
โรซายล์ขึ้นเป็นกงสุลในช่วงปี 1173… โดยปัจจุบันคือปี 1349 หมายความว่าเขาเป็นกงสุลเมื่อประมาณ 179 ปีก่อน… ในช่วงเวลาดังกล่าว เวนิธานได้ทำนายว่าอีกสองร้อยปี โลกจะถึงวันพิพากษา…
เมื่อนำหลายข้อมูลประกอบกัน ไคลน์กลั่นกรองได้ตัวเลขออกมาเป็น : วันพิพากษาจะเกิดขึ้นในอีกประมาณยี่สิบสี่ถึงห้าสิบปีข้างหน้าถ้านับจากเวลาปัจจุบัน (โรซายล์ตั้งตนเป็นจักรพรรดิในปี 1192 และถูกลอบสังหารในปี 1198)
แม้ว่าสองบทแรกในหนังสือประสบการณ์โลกวิญญาณจะไม่มีเขียนถึงพิธีกรรมซับซ้อนหรือความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับมากนัก แต่ข้อมูลดังกล่าวได้เปิดโลกทัศน์ไคลน์พอสมควร
อย่างน้อยก็ช่วยให้ทราบสถานการณ์ของโลกวิญญาณได้ดีระดับหนึ่ง รวมถึงความเข้าใจในตัวตนของริ้วแสงพิสุทธิ์ และองค์กรลับภราดรภาพแสงพิสุทธิ์
เข้าใจแล้ว… ริ้วแสงด้านบนสุดขณะประกอบพิธีกรรม หรือขณะอยู่ในสภาพร่างวิญญาณหลังจากเลื่อนลำดับ ความจริงแล้วคือแสงพิสุทธิ์แห่งโลกวิญญาณนี่เอง… เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาล้วนมีความนึกคิดเป็นของตัวเอง… มหัศจรรย์ชะมัด…
อีกอย่าง สองบทแรกของหนังสือประสบการณ์โลกวิญญาณ มิได้ปราศจากข้อมูลทางศาสตร์เร้นลับโดยสิ้นเชิง อย่างน้อย เราก็ได้ทราบว่าแสงเหลืองชื่อเวนิธาน และอัญมณีประจำตัวคือมรกต ข้อมูลในคราวนี้อธิบายไว้ค่อนข้างละเอียด จนมากพอจะทำไปประกอบพิธีกรรมระบุตัวถึงตัวตนของแสงเหลืองได้แม่นยำ… แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ข้อมูลข้างต้นคงไม่มีประโยชน์สักเท่าไร…
ไคลน์นั่งไตร่ตรองสักพัก ก่อนจะปิดปึกกระดาษฉบับคัดลอกและส่งตัวเองกลับโลก
ปัจจุบัน มันมีสิ่งสำคัญให้ต้องสนใจมากกว่าการติดต่อกับ ‘แสงเหลือง’ เวนิธาน
ไคลน์หยิบแผ่นกระดาษออกมาวาง ตามด้วยการจับปากกาเขียนจดหมายหานักประดิษฐ์อัจฉริยะ เลพเพิร์ด เพื่อสอบถามว่าสิทธิบัตรจักรยานคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ทำไมถึงยังไม่เสร็จเสียที และต้องการให้ช่วยหาทนายหรือไม่
หลังจากตั้งกฎเหล็กของนักมายากลสำเร็จ ความเร็วในการย่อยโอสถไคลน์ก็คืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด อีกไม่เกินสองเดือนก็คงย่อยเสร็จสมบูรณ์ ถึงตอนนั้น มันต้องรีบออมเงินเพื่อซื้อวัตถุดิบหลักของโอสถ ‘ผู้ไร้หน้า’
สำหรับหนึ่งในวัตถุดิบหลัก เดอะซันคงตอบแทนเดอะเวิร์ลหลังจากยืมใช้งานดวงตาดำล้วนเสร็จ แต่ไคลน์ก็ยังเหลือวัตถุดิบหลักอีกหนึ่งชนิดให้ต้องควักเงินซื้อด้วยตัวเอง
หากอ้างอิงตามราคาตลาด วัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 6 จะมีราคาสูงถึงหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ต่อชิ้น แถมยังค่อนข้างผันผวนขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการ
นอกเหนือจากวัตถุดิบหลัก วัตถุดิบรองยังประกอบด้วยเลือดของนักล่าพันหน้า และเส้นผมของนากาทะเลลึก วัตถุทั้งสองชนิดนับว่ามีพลังวิญญาณเจือปนในปริมาณเข้มข้น ราคาจึงไม่เล็กน้อยเลยสักนิด
การออมเงินช่างยากลำบาก แต่การใช้จ่ายกลับง่ายดายเหมือนเททิ้ง… ต่อให้เราขายตะกอนพลังของมนุษย์หมาป่าและนักสอบสวนได้หลังจากนี้ ก็คงมิอาจใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้อยู่ดี…
ไคลน์รำพันพลางผนึกซองจดหมายและติดตราไปรษณียากร
มันทราบจำนวนทรัพย์สินในปัจจุบันของตนโดยไม่ต้องเสียเวลานั่งนับ
624 ปอนด์ในรูปแบบธนบัตร เหรียญหนึ่งทองปอนด์อีกห้าเหรียญ ธนบัตรเจ็ดซูลและเศษเหรียญเพนนีอีกจำนวนหนึ่ง
ใช่แล้ว เรายังจะมีรายได้อีกหกร้อยปอนด์จากมิสเมจิกเชี่ยนในการขายตะกอนพลังเจ้าพนักงานให้มิสซิล หวังว่าทั้งสองสาวจะหาเงินมาจ่ายได้ในเร็ววัน…
ไคลน์ให้กำลังใจพวกเธอจากก้นบึ้ง
…
“เธอกำลังจะบอกว่า ชุมนุมผู้วิเศษใหม่ล่าสุดมีวัตถุดิบหลักโอสถของเจ้าพนักงานทั้งสองชนิดขาย แถมราคายังสมเหตุสมผล โดยสองชิ้นรวมกันเพียงหกร้อยปอนด์?”
ดวงตาซิลพลันลุกวาวขณะรัวยิงคำถามใส่เพื่อนสนิทไม่หยุดพัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ