สรุปเนื้อหา 398 – ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ โดย Internet
บท 398 ของ ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ในหมวดนิยายInternet เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ภาพของดาร์ก·รีเจนซ์ผุดขึ้นในหัวเดอร์ริค
สูงปานกลาง เจ้าเนื้อเล็กน้อย มีพละกำลังมาก มองโลกในแง่ดี ร่าเริง และมักฉาบด้วยรอยยิ้มสดใสอยู่เสมอ ดาร์กเป็นเพื่อนเดอร์ริคตั้งแต่สมัยเรียน และในภายหลังได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทีมลาดตระเวน
แต่หลังจากภารกิจสำรวจซากปรักหักพังของพระผู้สร้างเสื่อมทราม ดาร์กเปลี่ยนไปเป็นคนเก็บตัวและสุภาพนอบน้อมจนผิดวิสัย เขาแทบไม่เคยยิ้มให้ใครอีกเลย
เมื่อหวนนึกถึงบุคลิกใหม่ของเพื่อนสนิท เด็กหนุ่มพลันยืนสั่นเทาแม้ว่าอากาศรอบตัวจะไม่หนาว ร่างกายสั่นสะท้านจากความเย็นเฉียบทุกอณู
ทำไมถึงมาหาเรากะทันหันแบบนี้? ไม่ใช่ว่าเขาควรตรงกลับบ้านทันทีหลังถูกปล่อยตัวจากเขตกักกันหรอกหรือ?
คำถามมากมายพรั่งพรูใส่สมองเดอร์ริค
จากนั้น มันเริ่มวิเคราะห์หาความเป็นไปได้
…หรืออาวุโสโลเฟียร์จะทราบว่าเรากำลังสงสัยในตัวทีมสำรวจ จึงส่งดาร์กมาเก็บเรา?
เดอร์ริคเผยอาการตกตะลึงและหวาดกลัว แต่ไม่นานก็เริ่มมองโลกในแง่ดี
แฮงแมนเคยกล่าวไว้ว่า :
‘ถ้าไม่มีชาวเมืองช่วยเป็นพยานให้ จงใช้คนของสภาอาวุโส ผู้ได้รับมอบหมายให้คอยสะกดรอยตามคุณทุกฝีก้าว ช่วยเป็นพยานในเหตุการณ์ดังกล่าวแทน’
และตอนนี้ คนของสภาอาวุโสกำลังหลบซ่อนอยู่ตรงมุมห้อง ถ้าดาร์กโจมตีใส่เรา สภาอาวุโสก็จะทราบทันทีว่าทีมสำรวจชุดนี้ไม่ปรกติ!
ดังนั้น ถึงจะไม่มีวัตถุของมิสเตอร์เวิร์ลช่วยกระตุ้นให้พวกเขาเผยธาตุแท้ แต่เราก็จะผ่านวิกฤติไปได้อย่างราบรื่น!
เดอร์ริคมองออกไปนอกหน้าต่าง
สายฟ้าด้านนอกกำลังผ่าด้วยความถี่ต่ำ ประมาณสองนาทีต่อหนึ่งครั้ง ส่งผลให้บรรยากาศรอบเมืองเงินพิสุทธิ์มืดสนิทเกือบตลอดเวลา
หากอาศัยอยู่ตามลำพัง เดอร์ริคจะไม่เสียเวลาหามองเทียนไขขึ้นมาจุด เพียงนอนแผ่ไปบนเตียงพลางใช้สมองขบคิดเรื่องราวต่างๆ จนกระทั่งหลับไป
แน่นอน มันทราบว่าพฤติกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งอันตราย เพราะหากปราศจากแสงสว่าง จะมีโอกาสถูกสัตว์ประหลาดจากความมืดลอบทำร้าย แม้ว่ากำลังอยู่ในเมืองเงินพิสุทธิ์ก็ตาม
แต่เนื่องจากเดอร์ริคคือ ‘ผู้ภาวนาแห่งแสง’ ร่างกายจะแผ่ออร่าของธาตุแสงออกมาตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ดาร์กเคาะประตูย้ำอีกสามหน ราวกับกำลังเร่งเร้าให้เจ้าของบ้านรีบออกมาเปิด
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้… ดาร์กมีนิสัยสุภาพและขี้เกรงใจมาก…
เดอร์ริคทวีความเจ็บแปลบตรงหน้าอก
เด็กหนุ่มเดินไปหยิบเทียนไขและนำมาวางไว้บนโต๊ะไม้ ตามด้วยการใช้ปลายนิ้วถูไส้เทียนจนเกิดแสงสว่างสีทอง
เมื่อเทียนไขติดไฟ บรรยากาศภายในบ้านเริ่มสลัวอย่างอบอุ่น มีกลิ่นฉุนแซมเล็กน้อย
เทียนไขภายในเมืองเงินพิสุทธิ์จะถูกผลิตจากไขมันและน้ำมันจากศพสัตว์ประหลาด ส่งผลให้มีกลิ่นแตกต่างกันไปตามแต่ละต้นกำเนิด
หลังจากสูดลมหายใจยาวสุดปอด เดอร์ริคเดินไปเปิดประตูด้วยท่าทีระมัดระวัง
“ทำไมถึงได้ช้านัก?” ดาร์กถามเปื้อนยิ้ม
“หาเทียนไขอยู่” เดอร์ริคตอบห้วน
เด็กหนุ่มไม่กล้าหันหลังให้อีกฝ่ายแม้แต่วินาทีเดียว มันเดินไหล่ชิดไหล่เข้าไปในบ้านพร้อมกับอีกฝ่าย จนกระทั่งแต่ละคนแยกกันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะไม้
“กินผลดูมแห้งไหม?” ดาร์กซักถามด้วยรอยยิ้มขณะปลดถุงผ้าใบเล็กออกจากเอว
ผลดูมคืออาหารทานเล่นหายากของเมืองเงินพิสุทธิ์ หาได้จากเถาวัลย์ดูมโลหิต เป็นพืชชนิดพิเศษ สามารถเจริญเติบโตได้โดยไม่ต้องอาศัยแสงแดด กลไกทางชีวภาพคือการแย่งชิงสารอาหารจากซากศพเน่าเปื่อยทุกชนิด เถาวัลย์ดูมโลหิตมีสติและความนึกคิด มักโจมตีใส่สิ่งมีชีวิตใกล้ตัวเสมอ ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่สัตว์ประหลาดอ่อนแอ
เถาวัลย์ดูมโลหิตจะมีผลสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือมนุษย์ สามารถใส่ปากเคี้ยวได้ทันทีโดยไม่ต้องปรุง รสสัมผัสกรุบกรอบ รสชาติหวาน แต่ปราศจากคุณค่าทางอาหารและไม่อิ่มท้อง เป็นได้เพียงอาหารทานเล่นระหว่างวัน ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์สามารถนำคะแนนผลงานไปแลกเป็นผลดูมได้หลายถุง
“ไม่ดีกว่า” เดอร์ริคส่ายหัวปฏิเสธ
“เข้าใจแล้ว” เมื่อกล่าวจบ ดาร์กเทผลไม้แห้งสีดำออกจากถุงผ้า ก่อนจะหยิบขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวกร้วมกร้ามเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ
เดอร์ริคครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเปิดประเด็น
“ในห้องใต้ดินของซากปรักหักพังมีสัตว์ประหลาดบ้างไหม?”
ดาร์กหยุดเคี้ยวพลางเงยหน้ายิ้มตอบ
“มีไม่มาก และค่อนข้างอ่อนแอ เพียงครู่เดียวก็ถูกพวกเราจัดการจนหมด ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไร วิหารดังกล่าวเคยถูกสำรวจมาแล้วหนหนึ่ง หากมีสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งอาศัยอยู่จริง มันคงย้ายถิ่นฐานไปนานแล้ว”
ดาร์กเว้นวรรค ตามด้วยการเล่าโดยยกโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ในจุดลึกสุดของวิหาร พวกเราได้พบพืชพันธุ์ประหลาด ลักษณะคล้ายเห็ด… ไม่ผิดแน่ รายละเอียดปลีกย่อยตรงตามคำอธิบายของเห็ดภายในหนังสือเรียนทุกประการ เพียงแต่มันส่องแสงสว่างจ้าเป็นพิเศษ และดูน่ากินจนแทบอดใจไม่ไหว พวกเรายืนยันแล้วว่า เห็ดดังกล่าวสามารถกินได้ มีสรรพคุณช่วยเสริมพลังวิญญาณและความคงทนทางร่างกาย ถ้านำไปปรุงร่วมกับเนื้อสัตว์ประหลาดย่าง จะมอบกลิ่นชนิดพิเศษซึ่งเย้ายวนเกินห้ามใจ”
ขณะเล่าเรื่อง ดาร์กหยิบเห็ดขนาดเท่าฝ่ามือออกจากถุงผ้าอีกหนึ่งใบ โคนเห็ดมีสีขาวโพลนราวกับนมสด หมวกเห็ดเป็นสีแดงลักษณะมันวาวคล้ายผลึก แซมด้วยจุดสีทองเข้มประปราย
เพียงจ้องมอง เดอร์ริคพลันน้ำลายแตกฟองราวกับไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน
ภายใต้แสงสลัวจากเทียนไข เห็ดดังกล่าวทั้งระยิบระยับและเชื้อเชิญให้ผู้ได้พบเห็น เกิดความต้องการจะหยิบใส่ปากอย่างแรงกล้า ชนิดยากจะหักห้ามใจตัวเองไหว
“อันนี้ของนาย” ดาร์กยิ้มอ่อนโยน
“ตกลง…” จิตใต้สำนึกของเดอร์ริคบอกให้มันหยิบเห็นตรงหน้าใส่ปากเคี้ยวทันที แต่จนแล้วจนรอด สติส่วนลึกได้เอาชนะแรงปรารถนา ก่อนจะเงยหน้าพูดกับอีกฝ่าย
“ฉันจะเก็บไว้กินพรุ่งนี้”
สายลมกระโชกพลันพัดผ่านภายในห้อง จากนั้น สายลมทางธรรมชาติอันเกิดจากคาถาบริกรรม เริ่มก่อตัวเป็นลักษณะเกลียวคลื่น
ถัดมาไม่นาน ดาร์ก·รีเจนซ์ ผู้กำลังหยิบผลดูมแห้งขึ้นมาเคี้ยวโดยไม่คิดอะไร พลันเงยหน้าและซักถามเสียงฉงน เมื่อพบว่าเดอร์ริคเดินมาหยุดยืนข้างตนด้วยสีหน้าอึมครึม
“มีอะไรหรือ?”
เดอร์ริคไม่ตอบ มือข้างหนึ่งกำด้ามขวานเฮอร์ริเคนแน่นกระชับ อีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าลับเสื้อโค้ทพลางทำลายกำแพงวิญญาณและเปิดกล่องโลหะ
สายตาเดอร์ริคไม่ปกปิดความหวาดระแวงในตัวเพื่อนสนิท ทันใดนั้น เด็กหนุ่มเริ่มมองเห็นแสงสีแดงเข้ม สว่างวาบขึ้นบนกระจกตาสีฟ้าครามของดาร์ก
บนฝ่ามือดาร์ก เปลือกผลดูมแห้งสีดำถูกกะเทาะออก เนื้อด้านในเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบางสิ่งซึ่งมีสีสันคล้ายผิวหนังมนุษย์
ในวินาทีนี้ วัตถุในมือดาร์ก·รีเจนซ์ไม่ใช่ผลดูมแห้งอีกต่อไป หากแต่เป็นนิ้วมือ
นิ้วมือมนุษย์ชุ่มฉ่ำด้วยเลือดสด!
เช่นเดียวกันกับผลดูมจำนวนมากซึ่งถูกวางกองสุมบนโต๊ะไม้ ทั้งหมดคือนิ้วมนุษย์!
‘เห็ด’ ระยิบระยับเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปโฉม ความงดงามในตอนต้นเลือนหายจนหมดสิ้น เฉกเช่นความเย้ายวนอันเชิญชวนให้โยนใส่ปากเคี้ยว
มันกลายเป็นหนังศีรษะของมนุษย์ซึ่งมีเส้นผมสีดำแซมอยู่หนึ่งกระจุก!
ดาร์กจ้องเดอร์ริคกลับด้วยสีหน้าสับสน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเย็นชาแกมล่องลอย
“นายคิดจะทำอะไร?”
…
กรุงเบ็คลันด์ บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์
ขณะไคลน์กำลังขดตัวอยู่ภายในโลกแสนอบอุ่นใต้ผ้าห่มหนา เมื่อได้ยินเสียงสวดภาวนาจากเดอะซัน ชายหนุ่มรีบกุลีกุจอลุกจากเตียงเพื่อสร้างกำแพงวิญญาณ เดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว และส่งจิตเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา
เมื่อกลับมานั่งบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล ไคลน์ไม่รีบร้อนตรวจสอบคำภาวนาของเดอะซันน้อย อันดับแรก มันนำไพ่จักรพรรดิมืด กระดาษรูปคน และสมบัติวิเศษชนิดอื่นมาวางเรียงรายบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเป็นระเบียบ
จากแผนการของแฮงแมน เดอะซันต้องประกอบพิธีกรรมสังเวยถึงเดอะฟูลค้างไว้ก่อน จากนั้นค่อยเริ่มลงมือกระตุ้นให้ทีมสำรวจเผยร่างแท้จริงออกมา ด้วยวิธีการข้างต้น เมื่อเรื่องราวจบลง เดอะซันจะได้ฉวยโอกาสสังเวย ‘ดวงตาดำล้วน’ ของเดอะเวิร์ล กลับคืนให้เดอะฟูลได้ทันที ไม่หลงเหลือหลักฐานเกี่ยวกับชุมนุมทาโรต์ไว้บนโลกจริง และความผิดทั้งหมดก็จะตกเป็นของอามุนด์!
ในส่วนของมิสเตอร์ฟูล ไคลน์อนุญาตให้เดอะซันประกอบพิธีกรรมถึงตนในแบบฉบับ ‘รวบรัด’ ได้เป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องเตรียมวัตถุฟุ่มเฟือยหรือมากพิธีรีตอง เพียงกล่าวคำสำคัญให้ครบก็พอ
โดยงานของเดอะฟูลก็คือ นั่งรอให้เดอะซันดำเนินพิธีกรรมสังเวยจนถึงขั้นตอนเปิดอุโมงค์วิญญาณ
นั่นจะเป็นเวลาลงมือของตน
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ