เดอร์ริคจ้องมองหนังศีรษะมนุษย์เปื้อนเลือดแซมด้วยกระจุกเส้นผม พลางย้อนนึกกลับไปถึงสภาพเดิมของมัน—เห็ดระยิบระยับแสนเย้ายวนเชื้อเชิญให้หยิบใส่ปากเคี้ยว
ผลดูมแห้งรสกรุบกรอบซึ่งดาร์กเคยชักชวนให้กิน แท้จริงแล้วกลับเป็นชิ้นส่วนนิ้วมือมนุษย์สีขาวซีด!
ในวินาทีนี้ เดอร์ริคเกิดอาการคลื่นไส้รุนแรงพร้อมกับกระเพาะร้องโครกคราก น้ำย่อยพลันตีกลับขึ้นมาถึงลำคอ
เด็กหนุ่มฝืนกัดฟันอดทนไม่ให้อ้วกแตกอ้วนแตก ขณะเดียวกันก็ขยับปากท่องกลอนทำนองไพเราะกังวาน
“ข้าแต่พระองค์ท่าน ได้โปรดนำพาอาณาจักรของท่านลงมายังดินแดนเบื้องหน้า ศัตรูของท่านจักมลายสิ้น ผู้ศรัทธาของท่านจักยินดีปรีดา!”
เสียงของเด็กหนุ่มเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์แกมอบอุ่นอ่อนโยน เพียงพริบตา เดอร์ริคตระหนักว่าร่างกายตนเบาขึ้นกะทันหัน อาการพะอืดพะอมเลือนหายไป พลังวิญญาณกลับมาเปี่ยมล้นและมีชีวิตชีวา
บทเพลงเมื่อครู่ช่วยเพิ่มความกล้าหาญ พละกำลัง และความว่องไวในปริมาณสูง
นี่คือพลังของลำดับ 9 นักขับขาน!
ดาร์ก·รีเจนซ์นั่งจ้องอดีตเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมหน่วยร้องเพลงด้วยสีหน้าอึมครึม ก่อนมันจะเปล่งเสียงซ้ำซากในลักษณะห่างไกลความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที
“นายพกอะไรมาด้วย… นายพกอะไรมาด้วย? นายพกอะไรมาด้วย!!”
ทันใดนั้น เสื้อรัดรูปสีดำของดาร์กพลันบวมพองราวกับเลี้ยงงูตัวใหญ่ไว้ข้างในหลายสิบหลายร้อย
แคว่ก!
เถาวัลย์เนื้อมนุษย์ทรงเกลียวหลายสิบเส้นพุ่งทะลวงออกจากเสื้อสีดำรัดรูปในลักษณะน่าขยะแขยง ทุกเส้นล้วนมีกระจุกขนสีดำงอกแซมหลายจุด
เถาวัลย์เกลียวเนื้อมีรูปทรงเรียวแหลมและแผ่ออกมาทุกทิศทาง ดาร์ก·รีเจนซ์จึงมีรูปลักษณ์เหมือนตัวเม่นสีชมพูไม่มีผิดเพี้ยน
ฟ้าว!
ขนเม่นเนื้อยืดเป็นเกลียวและควงสว่านเข้าหาเดอร์ริคด้วยความเร็วสูง เด็กหนุ่มทำได้เพียงยืนมองในจุดเดิมโดยไม่ขยับตัว
อย่างไรก็ตาม เดอร์ริคคือสมาชิกหน่วยลาดตระเวนมากประสบการณ์และเพิ่งได้รับเลือกให้เข้าหน่วยสำรวจ ย่อมต้องเคยเผชิญหน้าสัตว์ประหลาดท่ามกลางความมืดมาแล้วนับไม่ถ้วน สถานการณ์เช่นนี้จึงยังไม่ทำให้เด็กหนุ่มสูญเสียความเยือกเย็น
เดอร์ริคบิดเอวพลางยกแขนข้างถือขวานเฮอร์ริเคนขึ้น ก่อนจะสับลงเป็นเส้นตรงเพื่อเฉือนเถาวัลย์เกลียวปลายแหลมอย่างแม่นยำ
ฉัวะ!
ขวานเฮอร์ริเคนตัดวัตถุน่าขยะแขยงขาดสะบั้นจนหล่นลงพื้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนของเมืองเงินพิสุทธิ์ สายฟ้าจากขวานจึงโชคร้ายไม่แสดงผล พร้อมกันนั้น เถาวัลย์เนื้อเส้นอื่นๆ พลันพุ่งเข้ามาพันธนาการขวานเฮอร์ริเคนจนมิอาจขยับเขยื้อนแม้แต่หนึ่งเซนติเมตร
เมื่อเด็กหนุ่มตระหนักว่าตนกำลังจะเสียอาวุธไป ดวงตาทั้งสองเริ่มส่องแสงเจิดจ้าจนมีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ย่อส่วนสองดวงปรากฏในดวงตา
มืออีกข้างกำลังถือบางสิ่งจ่อริมฝีปากพลางเริ่มสวดภาวนา
โดยปราศจากสุ้มเสียง เสาเพลิงสีขาวโพลนพลันสาดทอดจากฟากฟ้า ฉาบใส่ร่างกายลักษณะคล้ายก้อนเนื้อหนามสีชมพูตรงหน้าอย่างถ้วนทั่ว
ดาร์กแหกปากกรีดร้องอย่างน่าสมเพช ก้อนเนื้อจำนวนมากหลุดลอกเป็นแผ่นตกลงพื้นในสภาพเกรียมดำ
พวกมันยังคงยุบพองและหงิกงอประหนึ่งมีชีวิตจิตใจ
แต่ทันใดนั้น คล้ายกับพลังวิญญาณในก้อนเนื้อถูกช่วงชิงไปอย่างกะทันหัน ละอองพลังวิญญาณเริ่มระเหยไปรวมกับพลังธรรมชาติอันเกิดจากพิธีกรรม ขณะเดียวกัน เดอร์ริคกำลังเปล่งเสียงบริกรรมมนตร์คาถาจนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมมายาสีชมพูสดใส
คลื่นดังกล่าวซัดโถมใส่เปลวเทียนไขบนโต๊ะไม้กึ่งกลางห้องรับแขก แสงเทียนพลันเบ่งบานเปล่งปลั่งจนก่อตัวเป็นบานประตูมายาสลักลวดลายซับซ้อน
เดอร์ริควาดสัญลักษณ์ของเดอะฟูลเตรียมไว้บนเทียนไขนานแล้ว!
ทั้งหมดถูกวางแผนไว้ล่วงหน้า
ปัจจัยข้างต้นทำเด็กหนุ่มสามารถบรรลุความต้องการพื้นฐานของพิธีกรรม และสร้างอุโมงค์วิญญาณเชื่อมต่อได้สำเร็จ!
โครม!
หลังจากเก้าอี้ไม้ถูกทำลาย ดาร์ก·รีเจนซ์กระโจนเข้าหาเดอร์ริค เถาวัลย์เกลียวเนื้อหลายเส้นรอบตัวมันพุ่งแหวกอากาศเข้าหาในลักษณะเกรี้ยวกราด แต่เส้นละชุ่มโชกด้วยโลหิตแดงฉาน
แววตาของดาร์กปราศจากความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้าไร้ก้นบึ้งกำลังครอบงำ
เมื่ออุโมงค์วิญญาณก่อตัวสมบูรณ์ ไคลน์ เดอะฟูล เริ่มตอบสนองต่อพิธีกรรม
เกิดเสียงบานประตูดังเสียดสี ประตูมายาสลักลวดลายซับซ้อน เริ่มขยับเปิดออกจนเกิดช่องว่างเพียงเล็กน้อย
ภายในประตูคือฉากอันมืดสนิทซึ่งเต็มไปด้วยเงาดำมีชีวิตจำนวนมาก
เหนือเงาดำขึ้นไปเป็นริ้วแสงพิสุทธิ์จำนวนเจ็ดสี คล้ายกับแต่ละสีอัดแน่นด้วยองค์ความรู้ปริมาณมหาศาล
เหนือริ้วแสงระยิบระยับคือทะเลหมอกสีเทาไร้ขอบเขต และเหนือทะเลหมอกขึ้นไปอีกขั้นก็คือพระราชวังขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังดูแคลนทุกสิ่งอย่างเท่าเทียมจากเบื้องบน
ทันใดนั้น ตรงมุมหนึ่งของห้องรับแขกบ้านเด็กหนุ่มเดอร์ริค เงาดำปริศนาพลันกระโจนใส่ดาร์กซึ่งยืนอยู่ในจุดใกล้กว่า
ร่างกายก้อนกลมของดาร์กเริ่มถูกของเหลวสีดำสนิทและเหนียวข้นห่อหุ้มไว้ทุกรูขุมขน ลักษณะคล้ายกับแมวถูกครอบด้วยถุงดำและพยายามดิ้นให้หลุด
เงาดำไม่หยุดเพียงเท่านั้น มันขยายขนาดขึ้นและนำเงาอีกส่วนพุ่งเข้าหาเดอร์ริคซึ่งกระโจนหลบไปในจุดห่างไกล ขณะเดียวกันเปล่งเสียงแหบพร่าแกมขึงขัง
“หยุดนะ! คิดจะทำอะไรกันแน่!”
ในฐานะผู้เฝ้ามอง แผนของมันคือการจับตามองพฤติกรรมเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างเงียบงันและคอยสังเกตความผิดปรกติ จะลงมือก็ต่อเมื่อสถานการณ์บานปลายยากเกินยับยั้งเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ