ตอน 399 จาก ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
399 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เดอร์ริคจ้องมองหนังศีรษะมนุษย์เปื้อนเลือดแซมด้วยกระจุกเส้นผม พลางย้อนนึกกลับไปถึงสภาพเดิมของมัน—เห็ดระยิบระยับแสนเย้ายวนเชื้อเชิญให้หยิบใส่ปากเคี้ยว
ผลดูมแห้งรสกรุบกรอบซึ่งดาร์กเคยชักชวนให้กิน แท้จริงแล้วกลับเป็นชิ้นส่วนนิ้วมือมนุษย์สีขาวซีด!
ในวินาทีนี้ เดอร์ริคเกิดอาการคลื่นไส้รุนแรงพร้อมกับกระเพาะร้องโครกคราก น้ำย่อยพลันตีกลับขึ้นมาถึงลำคอ
เด็กหนุ่มฝืนกัดฟันอดทนไม่ให้อ้วกแตกอ้วนแตก ขณะเดียวกันก็ขยับปากท่องกลอนทำนองไพเราะกังวาน
“ข้าแต่พระองค์ท่าน ได้โปรดนำพาอาณาจักรของท่านลงมายังดินแดนเบื้องหน้า ศัตรูของท่านจักมลายสิ้น ผู้ศรัทธาของท่านจักยินดีปรีดา!”
เสียงของเด็กหนุ่มเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์แกมอบอุ่นอ่อนโยน เพียงพริบตา เดอร์ริคตระหนักว่าร่างกายตนเบาขึ้นกะทันหัน อาการพะอืดพะอมเลือนหายไป พลังวิญญาณกลับมาเปี่ยมล้นและมีชีวิตชีวา
บทเพลงเมื่อครู่ช่วยเพิ่มความกล้าหาญ พละกำลัง และความว่องไวในปริมาณสูง
นี่คือพลังของลำดับ 9 นักขับขาน!
ดาร์ก·รีเจนซ์นั่งจ้องอดีตเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมหน่วยร้องเพลงด้วยสีหน้าอึมครึม ก่อนมันจะเปล่งเสียงซ้ำซากในลักษณะห่างไกลความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที
“นายพกอะไรมาด้วย… นายพกอะไรมาด้วย? นายพกอะไรมาด้วย!!”
ทันใดนั้น เสื้อรัดรูปสีดำของดาร์กพลันบวมพองราวกับเลี้ยงงูตัวใหญ่ไว้ข้างในหลายสิบหลายร้อย
แคว่ก!
เถาวัลย์เนื้อมนุษย์ทรงเกลียวหลายสิบเส้นพุ่งทะลวงออกจากเสื้อสีดำรัดรูปในลักษณะน่าขยะแขยง ทุกเส้นล้วนมีกระจุกขนสีดำงอกแซมหลายจุด
เถาวัลย์เกลียวเนื้อมีรูปทรงเรียวแหลมและแผ่ออกมาทุกทิศทาง ดาร์ก·รีเจนซ์จึงมีรูปลักษณ์เหมือนตัวเม่นสีชมพูไม่มีผิดเพี้ยน
ฟ้าว!
ขนเม่นเนื้อยืดเป็นเกลียวและควงสว่านเข้าหาเดอร์ริคด้วยความเร็วสูง เด็กหนุ่มทำได้เพียงยืนมองในจุดเดิมโดยไม่ขยับตัว
อย่างไรก็ตาม เดอร์ริคคือสมาชิกหน่วยลาดตระเวนมากประสบการณ์และเพิ่งได้รับเลือกให้เข้าหน่วยสำรวจ ย่อมต้องเคยเผชิญหน้าสัตว์ประหลาดท่ามกลางความมืดมาแล้วนับไม่ถ้วน สถานการณ์เช่นนี้จึงยังไม่ทำให้เด็กหนุ่มสูญเสียความเยือกเย็น
เดอร์ริคบิดเอวพลางยกแขนข้างถือขวานเฮอร์ริเคนขึ้น ก่อนจะสับลงเป็นเส้นตรงเพื่อเฉือนเถาวัลย์เกลียวปลายแหลมอย่างแม่นยำ
ฉัวะ!
ขวานเฮอร์ริเคนตัดวัตถุน่าขยะแขยงขาดสะบั้นจนหล่นลงพื้น
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนของเมืองเงินพิสุทธิ์ สายฟ้าจากขวานจึงโชคร้ายไม่แสดงผล พร้อมกันนั้น เถาวัลย์เนื้อเส้นอื่นๆ พลันพุ่งเข้ามาพันธนาการขวานเฮอร์ริเคนจนมิอาจขยับเขยื้อนแม้แต่หนึ่งเซนติเมตร
เมื่อเด็กหนุ่มตระหนักว่าตนกำลังจะเสียอาวุธไป ดวงตาทั้งสองเริ่มส่องแสงเจิดจ้าจนมีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ย่อส่วนสองดวงปรากฏในดวงตา
มืออีกข้างกำลังถือบางสิ่งจ่อริมฝีปากพลางเริ่มสวดภาวนา
โดยปราศจากสุ้มเสียง เสาเพลิงสีขาวโพลนพลันสาดทอดจากฟากฟ้า ฉาบใส่ร่างกายลักษณะคล้ายก้อนเนื้อหนามสีชมพูตรงหน้าอย่างถ้วนทั่ว
ดาร์กแหกปากกรีดร้องอย่างน่าสมเพช ก้อนเนื้อจำนวนมากหลุดลอกเป็นแผ่นตกลงพื้นในสภาพเกรียมดำ
พวกมันยังคงยุบพองและหงิกงอประหนึ่งมีชีวิตจิตใจ
แต่ทันใดนั้น คล้ายกับพลังวิญญาณในก้อนเนื้อถูกช่วงชิงไปอย่างกะทันหัน ละอองพลังวิญญาณเริ่มระเหยไปรวมกับพลังธรรมชาติอันเกิดจากพิธีกรรม ขณะเดียวกัน เดอร์ริคกำลังเปล่งเสียงบริกรรมมนตร์คาถาจนเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมมายาสีชมพูสดใส
คลื่นดังกล่าวซัดโถมใส่เปลวเทียนไขบนโต๊ะไม้กึ่งกลางห้องรับแขก แสงเทียนพลันเบ่งบานเปล่งปลั่งจนก่อตัวเป็นบานประตูมายาสลักลวดลายซับซ้อน
เดอร์ริควาดสัญลักษณ์ของเดอะฟูลเตรียมไว้บนเทียนไขนานแล้ว!
ทั้งหมดถูกวางแผนไว้ล่วงหน้า
ปัจจัยข้างต้นทำเด็กหนุ่มสามารถบรรลุความต้องการพื้นฐานของพิธีกรรม และสร้างอุโมงค์วิญญาณเชื่อมต่อได้สำเร็จ!
โครม!
หลังจากเก้าอี้ไม้ถูกทำลาย ดาร์ก·รีเจนซ์กระโจนเข้าหาเดอร์ริค เถาวัลย์เกลียวเนื้อหลายเส้นรอบตัวมันพุ่งแหวกอากาศเข้าหาในลักษณะเกรี้ยวกราด แต่เส้นละชุ่มโชกด้วยโลหิตแดงฉาน
แววตาของดาร์กปราศจากความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้าไร้ก้นบึ้งกำลังครอบงำ
เมื่ออุโมงค์วิญญาณก่อตัวสมบูรณ์ ไคลน์ เดอะฟูล เริ่มตอบสนองต่อพิธีกรรม
เกิดเสียงบานประตูดังเสียดสี ประตูมายาสลักลวดลายซับซ้อน เริ่มขยับเปิดออกจนเกิดช่องว่างเพียงเล็กน้อย
ภายในประตูคือฉากอันมืดสนิทซึ่งเต็มไปด้วยเงาดำมีชีวิตจำนวนมาก
เหนือเงาดำขึ้นไปเป็นริ้วแสงพิสุทธิ์จำนวนเจ็ดสี คล้ายกับแต่ละสีอัดแน่นด้วยองค์ความรู้ปริมาณมหาศาล
เหนือริ้วแสงระยิบระยับคือทะเลหมอกสีเทาไร้ขอบเขต และเหนือทะเลหมอกขึ้นไปอีกขั้นก็คือพระราชวังขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังดูแคลนทุกสิ่งอย่างเท่าเทียมจากเบื้องบน
ทันใดนั้น ตรงมุมหนึ่งของห้องรับแขกบ้านเด็กหนุ่มเดอร์ริค เงาดำปริศนาพลันกระโจนใส่ดาร์กซึ่งยืนอยู่ในจุดใกล้กว่า
ร่างกายก้อนกลมของดาร์กเริ่มถูกของเหลวสีดำสนิทและเหนียวข้นห่อหุ้มไว้ทุกรูขุมขน ลักษณะคล้ายกับแมวถูกครอบด้วยถุงดำและพยายามดิ้นให้หลุด
เงาดำไม่หยุดเพียงเท่านั้น มันขยายขนาดขึ้นและนำเงาอีกส่วนพุ่งเข้าหาเดอร์ริคซึ่งกระโจนหลบไปในจุดห่างไกล ขณะเดียวกันเปล่งเสียงแหบพร่าแกมขึงขัง
“หยุดนะ! คิดจะทำอะไรกันแน่!”
ในฐานะผู้เฝ้ามอง แผนของมันคือการจับตามองพฤติกรรมเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างเงียบงันและคอยสังเกตความผิดปรกติ จะลงมือก็ต่อเมื่อสถานการณ์บานปลายยากเกินยับยั้งเท่านั้น
“ภัยพิบัติร้ายแรงเหนือจินตนาการกำลังย่างกรายเข้าใกล้เมืองเงินพิสุทธิ์ สิ่งนี้คือสาเหตุให้พวกเรามีโอกาสพบได้เหตุการณ์ประหลาดและตัวตนลึกลับภายในเงามืดบ่อยครั้ง”
…
ในห้องทำงานของผู้นำสูงสุด
เงาดำเล่าเรื่องราวทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง
โคลิน·อีเลียด เจ้าของมาดอันดุดันและน่าเกรงขาม เพียงพยักหน้ารีบแผ่วเบาด้วยอากัปกิริยาลุ่มลึก
“เดอร์ริค หรือควรต้องเรียกเขาว่าอามุนด์ ได้เตรียมแผนสำหรับเผชิญเหตุการณ์ในวันนี้มานานมากแล้ว ไม่ว่าจะเทียนไขที่สลักสัญลักษณ์ใครบางคน วัตถุชั่วร้ายซึ่งสามารถเปิดเผยเนื้อแท้ของดาร์กได้ การหาข้ออ้างเพื่อขอไปรินน้ำใส่แก้วพลางสวดภาวนาถึงตัวตนลึกลับ รวมไปถึงการโยนวัตถุดังกล่าวใส่แท่นบูชาพิธีกรรมสังเวยในจังหวะเหมาะสม… ปัจจัยทั้งหมดกำลังบ่งชี้ว่า ทุกสิ่งดำเนินไปตามแผนการของอามุนด์โดยไม่ตกหล่น แต่ผมมีสองคำถาม หนึ่ง สัญลักษณ์บนเทียนไขหมายถึงใครกันแน่? อามุนด์หรือเทพผู้อยู่เบื้องหลังอามุนด์อีกที? สอง เหตุใดอามุนด์ถึงยอมสละร่างแยกเพียงเพื่อเปิดเผยความผิดปรกติของทีมสำรวจ? เขาเป็นศัตรูกับผู้อยู่เบื้องหลังการกัดกร่อนทางจิตของดาร์กงั้นหรือ? แล้วทำไมถึงต้องอดทนรอในคุกใต้ดินนานถึงสี่สิบสองปี? หรือกำลังจะบอกว่า อามุนด์มองเห็นเหตุการณ์ในวันนี้ตั้งแต่เมื่อสี่สิบสอง ปีก่อน จึงส่งร่างแยกของตนปะปนมากับร่างหัวหน้าทีมสำรวจในอดีต ทั้งหมดทำไปเพื่อให้แผนการของอีกฝ่ายล้มเหลว…? เขาอดทนรอนานถึงสี่สิบสองปีเพียงเพื่อเรื่องนี้เรื่องเดียว?”
เมื่อได้ยินคำถามมากมายพรั่งพรูจากปากหัวหน้าสภาอาวุโส เงาดำตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระจ่างชัด
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอนขอรับ! ท่านผู้นำ ลองนึกดูให้ดี เหตุใดอามุนด์ถึงอดทนรอนานถึงสี่สิบสองปี จึงค่อยทำให้อเดลคลุ้มคลั่งขณะเดอร์ริคย้ายมาพักในห้องข้างเคียง? คำตอบเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก เขาตระหนักว่าศัตรูใกล้ลงมือเต็มที จึงจำเป็นต้องใช้ร่างใครสักคน หนีออกจากคุกใต้ดินเพื่อทำลายแผนการของอีกฝ่าย!”
“ไม่ผิดแน่… พวกเราเอาแต่มุ่งประเด็นว่าทำไมถึงต้องเป็นเดอร์ริค โดยลืมคิดเสียสนิทว่ายังมีปัจจัยด้านจังหวะเวลาอยู่ด้วย”
โคลิน·อีเลียด ผู้นำสูงสุดของเมืองเงินพิสุทธิ์ พยักหน้ารับพลางเล่าความคิดเห็นของตัวเองทีละข้อ
เงาดำรีบกล่าวเสริม
“ท่านผู้นำ ได้โปรดรีบจับสมาชิกทีมสำรวจทุกคนมากักขังเป็นการชั่วคราว บางที พวกเขาเหล่านั้นอาจไม่ใช่มนุษย์ปรกติอีกแล้ว… รวมถึงอาวุโสโลเฟียร์ด้วย เธอเองก็ไม่น่าจะรอดพ้นจากการถูกกัดกร่อนเช่นกัน!”
โคลินขมวดคิ้ว
“สำหรับเรื่องนี้ ก่อนคุณจะกลับมารายงานให้ผมฟัง ก่อนดาร์กจะถูกปล่อยตัวจากเขตกักกัน โลเฟียร์ได้มาแจ้งกับผลว่า สมาชิกทีมสำรวจของเธอถูกปนเปื้อนโดยพลังบางชนิด เธอแนะนำให้พวกเราจับตามองคนกลุ่มนั้นอย่างใกล้ชิด และเพื่อให้ง่ายต่อการเฝ้าระวัง ควรสั่งให้พวกเขาไปทำงานอารักขาความปลอดภัยรอบสุสานกลับหัวของอาวุโสฮาวิค”
ฮาวิคคืออดีตผู้นำของเมืองเงินพิสุทธิ์ จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง มันสร้างสุสานให้ตัวเองและเข้าไปอาศัยแทนบ้าน นับแต่นั้นเป็นต้นมา ฮาวิคก็เริ่มปรากฏตัวน้อยลงจนกระทั่งประตูสุสานปิดสนิท ไม่สามารถเปิดออกได้อีกเลย
“อาวุโสโลเฟียร์เอ่ยถึงความผิดปรกติมาสักระยะแล้วหรือขอรับ?” เงาดำซักถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
เมื่อเห็นภาษากายเชิงยอมรับจากโคลิน เงาดำพึมพำอย่างโล่งใจกึ่งฉงน
“อาวุโสโลเฟียร์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…”
“…ผมส่งคนไปจับกุมและนำตัวสมาชิกทีมสำรวจมากักขังจนเกือบครบแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเราห้ามมองข้ามความเสี่ยงแม้เพียงเล็กน้อยโดยเด็ดขาด”
โคลินถอนหายใจยาว
“ช่วยตามไอโฟลว์มาหาผม เห็นทีคงต้องนำตัวเดอร์ริคมาสอบปากคำพร้อมกับเธอ”
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ