ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 411

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 411 : โถมเข้าใส่
ราชันเร้นลับ 411 : โถมเข้าใส่
โดย
Ink Stone_Fantasy
สืบเชื้อสายไบลัม… และยังเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย… ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากมิสเตอร์อะซิก ไม่ใช่คนชื่อเหมือน…

จากข้อมูลของเฒ่าโคห์เลอร์ ไคลน์มั่นใจว่าเป้าหมายการค้นหาของกลุ่มอันธพาลและนักล่าค่าหัว คือทายาทแห่งมรณา อะซิก·อายเกส

ปัญหาก็คือ องค์กรใดอยู่เบื้องหลังการตามหามิสเตอร์อะซิกคราวนี้?

นิกายวิญญาณผู้ต้องการคืนชีพมรณา?

อินซ์·แซงวิลล์ผู้ชอบชักใยอยู่เบื้องหลัง?

ไม่น่าจะใช่ฝ่ายหลัง มันคือผู้ครอบครองสมบัติปิดผนึก 0-08 ซึ่งมีพลังแปรผันโชคชะตาเป้าหมายให้เป็นไปตามต้องการ หากหวังพบมิสเตอร์อะซิกจริง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้กลุ่มอันธพาลหรือนักล่าค่าหัว…

เดี๋ยวก่อน! ถ้าผลลัพธ์ในปัจจุบันเกิดจากพลังของ 0-08 ล่ะ? อินซ์·แซงวิลล์ทราบแล้วว่าตนตกเป็นเป้าแก้แค้นจากอีกฝ่าย และยังทราบว่ามิสเตอร์อะซิกแข็งแกร่ง จึงไม่มั่นใจในการเผชิญหน้าตัวต่อตัว ลงเอยด้วย มันตัดสินใจใช้พลัง 0-08 ชักนำให้บางองค์กรตามล่ามิสเตอร์อะซิกเพื่อขจัดเสี้ยนหนาม และองค์กรข้างต้นคือผู้จ่ายเงินรางวัลค่าหัว…

มีความเป็นไปได้มากทีเดียว…

แต่เรายังตัดนิกายวิญญาณออกไปไม่ได้ บางที หลังจากมิสเตอร์อะซิกวางแผนแก้แค้น เขาอาจติดต่อหานิกายวิญญาณเพื่อขอกำลังสนับสนุน แต่เนื่องจากความเชื่อเกี่ยวกับเทพมรณาแตกต่างกันเกินไป จึงเกิดความขัดแย้งในภายหลัง…

ไคลน์ตกผลึกได้สองแนวคิด โดยแต่ละข้อต่างก็มีเหตุผลรองรับในตัว

ชายหนุ่มจิบกาแฟและกล่าวกับโคห์เลอร์

“ช่วยผมสืบหาว่าใครเป็นผู้ตั้งค่าหัวของชายคนนั้น ถ้าได้ตัวเลขเงินรางวัลก็ยิ่งดี เพราะถ้าน่าสนใจ ผมเองก็จะร่วมวงด้วย”

“ไม่มีปัญหา” เฒ่าโคห์เลอร์ไม่พบความผิดปรกติใดในคำพูดอีกฝ่าย

ในบางแง่มุม นักสืบเอกชนก็ไม่ต่างจากนักล่าค่าหัวสักเท่าไร จุดไม่เหมือนเพียงอย่างเดียวคือ ฝ่ายแรกจะรับทำงานจิปาถะมากกว่า เช่นการตามหาแมว จับชู้ หรือจูงหมาเดินเล่น โดยนักสืบมักใช้ทักษะด้านการวิเคราะห์และอนุมานมากกว่ากล้ามเนื้อ

เมื่อโคห์เลอร์เล่าในสิ่งได้เห็นได้ยินจบ ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะตัดสินใจสอนเทคนิคการชักจูงบทสนทนา และเทคนิคการสร้างความบังเอิญอย่างแนบเนียนเพื่อทำให้เกิดสถานการณ์เฉพาะ ไคลน์เคยเรียนสองสิ่งนี้มาจากเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น

“ผมต้องไปทำงานท่าเรือแล้ว ขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่ง นักสืบโมเรียตี้ คุณทำให้ชีวิตของผมเต็มไปด้วยความสุขอีกครั้ง”

เฒ่าโคห์เลอร์ลุกยืน ก้มหยิบหมวกใบเก่าบนโต๊ะอาหาร และก้มศีรษะคำนับอย่างจริงใจ

ในมุมมองของมัน นักสืบโมเรียตี้ไม่เพียงเป็นผู้มีพระคุณช่วยจ้างทำงานค่าแรงสูง แต่ยังคอยสอนสิ่งจำเป็นในชีวิต ดังนั้น ต่อให้นักสืบไม่จ้างตนทำงานแล้ว แต่โคห์เลอร์ก็มั่นใจว่าสามารถเอาตัวรอดจากเขตตะวันออกอันแสนโหดร้ายได้ตามลำพัง ความรู้จากนักสืบมีประโยชน์มากสำหรับชายชรา ผู้ใกล้จะประกอบอาชีพใช้แรงงานไม่ไหว

ชีวิตเปี่ยมสุข…? ตามความเห็นของผม ความสุขของคุณในตอนนี้ เป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานซึ่งมนุษย์ทุกคนพึงได้รับ…

หลังจากนั่งมองแผ่นหลังโคห์เลอร์เดินออกจากร้าน ไคลน์เหม่อเช่นนั้นไปอีกสักพัก

นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่เบ็คลันด์ นี่คือหนแรกอย่างแท้จริง กับการได้ยินชื่อของคนรู้จักจากเมืองทิงเก็น แถมยังอาจเป็นเบาะแสเกี่ยวกับอินซ์·แซงวิลล์อีกด้วย!

หลังจากฆ่าลาเนวุส ตลอดสามเดือนถัดมา เป้าหมายเดียวของไคลน์คือการเร่งความเร็วการย่อยโอสถให้เสร็จสมบูรณ์

สืบเนื่องมาจาก มันทราบดี อินซ์·แซงวิลล์น่าจะกลายเป็นผู้วิเศษลำดับสูงเรียบร้อยแล้ว ช่องว่างระหว่างตนกับอีกฝ่ายจึงกว้างเกินไป การบุ่มบ่ามแก้แค้นคือเรื่องไม่ฉลาดเลยสักนิด แถมยังมีภัยเงียบจาก 0-08 อีก หากเป็นไปได้ ไคลน์ไม่คิดแม้แต่จะสืบเรื่องราวของอีกฝ่าย

ฉากเหตุการณ์ในบริษัทหนามทมิฬกำลังย้อนกลับมาฉายในหัว โดยเฉพาะภาพรองเท้าบูทหนังมันเงาใหม่เอี่ยมคู่นั้น

ชายหนุ่มเงยหน้าพลางถอนหายใจยาว ก่อนจะใช้มือหยิบผ้าพันคอ หมวก และลุกเดินออกจากร้านกาแฟราคาประหยัด

เขตฮิลสตัน ด้านนอกอาการเก่า

ไคลน์ก้าวลงจากรถม้า ใช้มือกดหมวก และเดินตรงไปทางประตูบ้าน

บ้านของไอเซนการ์ด·สแตนธอน

ยอดนักสืบผู้นี้เขียนจดหมายถึงไคลน์เมื่อไม่กี่วันก่อน เจตนาชักชวนให้ชายหนุ่มแวะมายังบ้านของตน โดยหวังปรึกษาหารือเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม

แต่ไคลน์ยุ่งอยู่กับการเจรจาขายหุ้นบริษัทจักรยาน จึงตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวลด้วยข้ออ้างว่าตนไม่มีเวลา แต่ไอเซนการ์ดกลับตอบสนองอย่างผิดคาด มันมิได้โกรธเคียง เพียงระบุว่าคดีฆาตกรรมในความดูแลของตนได้ดำเนินมาถึงทางตันแล้ว ทำได้เพียงรอให้นักสืบเชอร์ล็อกช่วยจุดประกายแนวคิดบางอย่าง

ลงเอยด้วย ไคลน์ตัดสินใจเข้ามิติสายหมอก ทำนายถามถึงวันเหมาะสมในการแวะเข้าไปเยี่ยมอีกฝ่าย ตามด้วยการก็เลือกวันเวลาใกล้เคียง โดยรอให้การเจรจาธุรกิจของตนจบลงเสียก่อน

เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นช่วงบ่ายของวันนี้ ชายหนุ่มจึงเขียนจดหมายกลับไปหาไอเซนการ์ดและแจ้งวันเวลาให้อีกฝ่ายรับทราบ

กริ๊ง. กริ๊ง.

ไคลน์สั่นกระดิ่งสองหน ก่อนจะเดินถอยหลังกลับมายืนรอ

ราวสิบวินาทีถัดมา ประตูบ้านเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ช่วยไอเซนการ์ด อีกฝ่ายยิ้มรับและกล่าวอย่างเป็นกันเอง

“ทิวาสวัสดิ์ครับ นักสืบโมเรียตี้ มิสเตอร์สแตนธอนกำลังรอคุณในห้องนั่งเล่น ไม่ทราบว่าจะรับชาหรือกาแฟดีครับ”

ผู้ช่วงไอเซนการ์ดมีรูปร่างผอมบาง สวมแว่นตากรอบทอง แฝงกลิ่นอายความสง่างามและเป็นมืออาชีพ

ไคลน์จ้องพร้อมกับมอบคำตอบ

“ชา. ขอมะนาวหนึ่งซีกด้วย”

“ไม่มีปัญหาครับ” ผู้ช่วยเดินนำไคลน์มายังห้องรับแขก ตามด้วยการชี้ไปทางประตูฝั่งห้องนั่งเล่นและกล่าวแนะนำ

“ต้องขอโทษด้วย แต่บรรดาคนใช้ของเราเกิดลาพักชั่วคราวพร้อมกันวันนี้ คุณจำเป็นต้องเดินไปตามลำพัง”

ไคลน์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตรงไปทางห้องนั่งเล่นบนชั้นหนึ่ง

ขณะยกมือเตรียมเคาะประตู ชายหนุ่มพลันตระหนักถึงความผิดปรกติ

เรานัดไอเซนการ์ดล่วงหน้าหลายวัน แต่ทำไมคนใช้ถึงยังลาหยุดพร้อมกันอีก?

ไคลน์หรี่ตาลง เตรียมหยิบเหรียญทองแดงออกมาโยนทำนาย

ทันใดนั้น ประตูห้องนั่งเล่นพลันเปิดออกกะทันหันพร้อมกับเสียงกริ๊กและแอ๊ด

แทบจะในพริบตา ประหนึ่งผนึกล่องหนถูกคลายออก กลิ่นเหม็นบัดซบชวนอาเจียนพลันลอยเตะจมูกชายหนุ่มอย่างจัง

จากภาพในการมองเห็นไคลน์ เก้าอี้เอนหลังตัวโปรดของไอเซนการ์ดกำลังอยู่ในสภาพนอนหงาย เปื้อนรอยเลือดสีแดงเข้มหลายจุด ข้างกันมีหนังสือวางอยู่หนึ่งเล่ม หน้าปกหงายขึ้นหาเพดาน

เพียงชำเลืองเข้าไป ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนได้เห็นจุดเกิดเหตุฆาตกรรม

ปกหนังสือบนพื้นมีใจความว่า :

“ตำนานปีศาจเขตซิลวารัส”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ