ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ นิยาย บท 410

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 410 : ฟามี่·เคจ
ราชันเร้นลับ 410 : ฟามี่·เคจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เขตนักบุญจอร์จ ถนนซาร์จ

ขณะไคลน์และเยอร์เก้นเดินลงจากห้องโดยสารรถม้าเช่า ชายหนุ่มสังเกตเห็นวัตถุขนาดใหญ่กำลังจอดหน้าบ้านเลพเพิร์ด

สีดำเหล็ก ด้านล่างมีล้อหลายคู่ ล้อแบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ด้านบนมีปล่องไฟคล้ายเรือโดยสาร พ่นควันขาวอมเทาออกมาเป็นระยะ

มันคือเครื่องจักรไอน้ำขนาดมหึมา ไคลน์มักได้เห็นและได้อ่านคำอธิบายจากนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์เท่านั้น หาใช่บนท้องถนน เครื่องยนต์ใหญ่โตเทอะทะเช่นนี้ ส่วนมากมักถูกพูดถึงในแง่การนำมาใช้กับเรือรบหุ้มเกราะรุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพเรือเสียมากกว่า

หากไม่เพราะมีการสร้างถนนใหม่หรือบูรณะในรอบยี่สิบสามสิบปีก่อน ยานพาหนะชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่จนคับถนน ชนิดไม่เหลือช่องว่างสำหรับให้รถม้าวิ่งสวน ด้วยเหตุผลข้างต้น การพบเห็นรถยนต์ขับเคลื่อนพลังไอน้ำบนท้องถนนจึงแทบไม่เกิดขึ้น

ทันใดนั้น ประตูบานใหญ่และติดกระจกหนาพลันเปิดออก สุภาพบุรุษสองคนย่างกรายลงมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย

หนึ่งในนั้นคือนักธุรกิจคนดังแห่งวงการจักรกลไอน้ำ ฟามี่·เคจ ซึ่งไคลน์เคยพบปะพูดคุยมาแล้วหลายหน เคจสืบสายเลือดฟุซัคมาหนึ่งส่วนสี่ จึงมีรูปร่างสูงโปร่ง กำยำ ดวงตาฟ้าอ่อน และชื่นชอบการสูบไปป์

บุคคลด้านข้างฟามี่มาในชุดเสื้อโค้ทสีดำตัวหนา รอบคอพันด้วยผ้าสีเทาผืนใหญ่ รูปลักษณ์ดาษดื่น ปราศจากจุดเด่น เส้นผมสีดำขลับ ดวงตาสีน้ำตาล แต่กลิ่นอายรอบตัวกลับมอบความเป็นมิตรอย่างน่าประหลาด

“สวัสดี นักสืบโมเรียตี้ ยังคงตรงเวลาเหมือนเคย ขอแนะนำให้รู้จัก ทางนี้คือนักกฎหมายและหุ้นส่วนของผม ปาเชโก้·ดอว์น”

ขณะสนทนา บุรุษกำยำสูงใหญ่สองคนก้าวลงจากยานพาหนะหุ้มเหล็กด้วยประตูคนละบานกับสองคนแรก ไม่ใช่ใครนอกจากบอดี้การ์ดส่วนตัวของฟามี่·เคจ

มืออาชีพเขาทำกันแบบนี้หรือ? ไม่ใช่ว่าบอดี้การ์ดควรเดินลงมาก่อน และอ้อมมาเปิดประตูให้เจ้านาย?

ไคลน์ตำหนิในใจ พลางเผยรอยยิ้มและแนะนำนักกฎหมายของตน เยอร์เก้น·คูเปอร์

ขณะรอให้เลพเพิร์ดเปิดประตู ทั้งสองพูดคุยทักทายกันตามประสา

“มิสเตอร์เคจ ยานพาหนะพลังไอน้ำเริ่มได้รับความนิยมเป็นวงกว้างบ้างหรือยัง?”

ฟามี่·เคจยิ้ม

“สำหรับคนมีเงิน ส่วนมากมักมองว่ารูปลักษณ์ของมันป่าเถื่อนเกินไป และสำหรับคนไม่มีเงิน พวกเขาไม่สามารถหาซื้อได้ สรุปได้ว่า มีเพียงนักธุรกิจคลั่งเครื่องจักรอย่างผม จึงจะตัดสินใจลงทุนกับมัน”

“อาจเป็นเพราะว่า ถนนคับแคบเกินไป”

ไคลน์พยายามมองโลกแง่ดี

สำหรับฟามี่·เคจ ชายหนุ่มใช้เส้นสายส่วนตัวหามาเอง ไม่เกี่ยวกับเลพเพิร์ด

ขณะกำลังเล่นไพ่ในสโมสรครักซ์ ไคลน์กล่าวถึงสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยไม่คาดหวังอะไรมากนัก แต่ครูสอนขี่ม้า ทาลิม กลับระบุว่าเจ้าพ่อแห่งวงการไอน้ำประจำเบ็คลันด์ ฟามี่·เคจ ชื่นชอบในการลงทุนสิ่งประดิษฐ์ชนิดใหม่ จึงทำตัวเป็นสื่อกลางให้ไคลน์และเคจได้พบกัน

ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ภายในใจกำลังคิดว่า การมีเส้นทางทางธุรกิจช่างดีเหลือเกิน โดยเฉพาะการเข้าเป็นสมาชิกสโมสรใหญ่

เข้าใจแล้วว่าทำไม หลายต่อหลายคนจึงมิได้เข้าร่วมสโมสรเพียงเพื่อต้องการอาหาร เครื่องดื่ม และมุมสันทนาการฟรี…

“ฮะฮะ! คงเป็นเช่นนั้น แต่ยิ่งเมืองใหญ่เจริญก้าวหน้าไปพร้อมเทคโนโลยีเร็วเท่าไร อีกไม่นานรถม้าก็จะสาบสูญตลอดกาล พวกมันทำความเร็วได้น้อยเกินไป โลกนี้กำลังต้องการประสิทธิภาพ!”

ฟามี่กล่าวอย่างมั่นใจ ตามด้วยรอยยิ้ม

“แล้วก็ ผมได้รับคำสั่งมาจากกองทัพ พวกเขาต้องการให้ช่วยพัฒนายานพาหนะโดยอาศัยพิมพ์เขียวของโรซายล์เป็นต้นแบบ ตัวอย่างเช่น การเสริมแผ่นโลหะกันกระสุน ทำล้อสายพานสำหรับวิ่งทุกพื้นผิว หรือการติดกระบอกปืนใหญ่ เพื่อให้กลายเป็นยุทโธปกรณ์ภาคพื้นดินชนิดใหม่ของกองทัพ”

พิมพ์เขียวของโรซายล์…?

อยากจะขำให้ฟันร่วง… ไคลน์ถอนหายใจยาวอย่างหมดคำจะกล่าว บรรยากาศเงียบงันเช่นนั้นสักพัก จนกระทั่งเลพเพิร์ดเปิดประตูบ้านออกมา

เมื่อการหารือดำเนินไป ผู้ดำเนินการเจรจาเหลือเพียงนักกฎหมายเยอร์เก้นและปาเชโก้ พวกเขาต่างเป็นปากเสียงให้ลูกค้าของตัวเองอย่างสุดฝีมือ ในทางกลับกัน เลพเพิร์ด ผู้ไม่สันทัดเรื่องสัญญาแม้แต่น้อย ทำได้เพียงนั่งฟังด้วยสีหน้าเหม่อลอย แต่ก็มอบคำตอบเป็นระยะเมื่อถูกสองทนายซักถามความคิดเห็น

จนกระทั่ง ทั้งสามฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่า ฟามี่·เคจจะขอร่วมลงทุนหนึ่งพันปอนด์เพื่อแลกกับหุ้นบริษัทยี่สิบเปอร์เซ็นต์ส่งผลให้อัตราส่วนหุ้นของไคลน์และเลพเพิร์ดตกไปเป็นยี่สิบแปดกับห้าสิบสองเปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน ฟามี่ได้ขอซื้อหุ้นของไคลน์เพิ่มอีกสิบแปดเปอร์เซ็นต์จากเดิม ในราคาหนึ่งพันปอนด์หลังหักภาษี

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังขอซื้อหุ้นอีกเก้าเปอร์เซ็นต์ของเลพเพิร์ดในราคาห้าร้อยปอนด์หลังหักภาษีด้วยเช่นกัน

เป็นเหตุให้ เมื่อการเจรจาจบลง ฟามี่·เคจจะมีหุ้นในบริษัทจักรยานรุ่นใหม่ล่าสุดสูงเป็นอันดับหนึ่งด้วยตัวเลขสี่สิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์โดยฟามี่ต้องดำเนินการด้านอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงเป็นผู้ออกเงินลงทุนการผลิตเริ่มต้นจำนวนหนึ่งพันปอนด์

เลพเพิร์ดกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสอง งานของมันคือการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนสำหรับประกอบจักรยาน ก่อนจะนำไปให้โรงงานอุตสาหกรรมแยกผลิต

ส่งผลให้มิสเตอร์ไคลน์ เชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ผู้เหลือหุ้นเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัท กลายเป็นนักลงทุนเต็มตัวและไม่ต้องยุ่งเกี่ยวด้านการผลิตอีกเลย

หนึ่งพันปอนด์จากการขายหุ่นในวันนี้ ทำให้ไคลน์มีเงินเก็บมากถึง 2,235 ปอนด์ เพียงพอสำหรับซื้อวัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 6 ได้หนึ่งชั้น อย่างไรก็ตาม มันยังต้องทำงานในฐานะนักสืบเอกชนต่อไป เพื่อไม่ให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปกระทบกับเงินออม

ไม่เพียงเท่านั้น เรายังต้องจ่ายเงินห้าสิบปอนด์ให้เยอร์เก้นเพื่อเป็นค่าดำเนินการ ทำให้เงินออมแท้จริงเหลือเพียง 2,185 ปอนด์…

ถ้ามีโอกาสได้พบทาลิมคราวหน้า ต้องขอบคุณเขาให้มาก…

ขณะใช้สมองตรึกตรอง ไคลน์ตัดสินใจจรดปากกาลงนามในเอกสารสัญญาการขายหุ้นสิบแปดเปอร์เซ็นต์ของตนให้ฟามี่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเหยียดแขนออกไปเพื่อขอจับมือกับฟามี่และเลพเพิร์ดตามมารยาท

“ขอให้ทุกสิ่งผ่านไปด้วยดี”

หลังจับมือเสร็จ ฟามี่หยิบนาฬิกาพกสีทองออกมาเปิดฝาตรวจสอบ ก่อนจะเผยรอยยิ้ม

“ตามธรรมเนียม พวกเราต้องรับประทานอาหารด้วยกันเพื่อเป็นการฉลองความร่วมมือทางธุรกิจ เพียงแต่ ผมได้นัดกับบุคคลสำคัญไว้แล้ว ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมเชื่อว่า พวกเราคงมีโอกาสอีกมากในอนาคต”

บุคคลสำคัญ… อีกแล้วหรือ?

จะใช่คนเดียวกับทาลิมไหม? บุคคลสำคัญผู้คอยให้เราเบิกเงินได้เรื่อยๆ เพื่อแลกกับข่าวลือของชุมนุมแสงเหนือ…

ขณะเกิดความคิด ไคลน์รู้สึกผิดเล็กน้อย พลางส่งยิ้มให้ฟามี่เป็นนัยว่าตนไม่ถือสา

หลังจากออกจากบ้านเลพเพิร์ดและกลับขึ้นรถม้าเช่า เยอร์เก้นขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เชอร์ล็อก คุณรีบร้อนเกินไป”

“หมายความว่ายังไง?” ไคลน์ซักถามฉงน

มันไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเยอร์เก้นกำลังพูดถึงประเด็นไหน

เยอร์เก้นกล่าวเสียงขรึม

“ผมกำลังหมายถึง คุณด่วนขายหุ้นในส่วนของตัวเองเร็วเกินไป จากคำอธิบายของคุณ และจากฝีมือการบริหารของฟามี่ ผมเชื่อว่าธุรกิจจักรยานรุ่นใหม่จะรุ่งเรืองอย่างมากในอนาคต จริงอยู่ ปัจจุบันอาจเป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ ทำให้มูลค่าของหุ้นยังน้อยเกินจริง แต่ถ้าคุณรักษาส่วนแบ่งของตัวเองได้มากกว่านี้ วันหน้าข้างจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ หลังจากคุณและเลพเพิร์ดแบ่งให้ฟามียี่สิบเปอร์เซ็นต์ผมคิดว่าคุณจะยอมขายหุ้นของตัวเองเพียงแปดเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ด้วยตัวเลขดังกล่าว ผมสามารถเจรจาให้ได้ในราคาห้าร้อยปอนด์ และเมื่อคุณยังเหลือหุ้นมากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ในอนาคต มันจะตอบแทนกลับคืนมาเป็นหลายสิบเท่าแน่นอน ดังนั้น ผมจึงคิดว่าคุณรีบร้อนขายหุ้นของตัวเองเกินไป”

สหาย เพราะผมร้อนเงินยังไงล่ะ…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ