ไคลน์หยิบกระดาษรูปคนออกจากช่องกระเป๋าลับ สะบัดมันเพื่อเปลี่ยนให้เป็นร่างจำแลงของตน
เพื่อจะตบตาคนอื่น ชายหนุ่มจัดแจงให้ร่างปลอมนั่งบนชักโครกพร้อมกับถือหนังสือพิมพ์ไว้ในมือ จากนั้นก็ซ่อนร่างจริงไว้ในเงามืด เดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา
พฤติกรรมข้างต้นมหัศจรรย์ยิ่งกว่าการใช้เวทมนตร์ใดๆ ในโลก!
ท่ามกลางพระราชวังโบราณหรูหรา ไคลน์เอนกายพิงเก้าอี้พนักสูง ในมือถือผ้าเช็ดหน้ามายาของเจสัน·บีเลียล
วัตถุชิ้นนี้เป็นเพียงภาพฉาย แต่ก็สามารถใช้ในการทำนายได้ระดับหนึ่ง ขอเพียงไคลน์มีปฏิสัมพันธ์กับมันบนโลกจริงก็พอ
หากยังจำกันได้ สมัยยังอยู่ทิงเก็น ไคลน์เคยใช้เทคนิคดังกล่าวกับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันซึ่งถูกบิดเบือน ในขณะนั้น มันยังไม่รู้จักพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองเพื่อนำวัตถุจากโลกจริงขึ้นไปอยู่บนมิติสายหมอกด้วยซ้ำ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การใช้วัตถุจริงทำนายย่อมให้ประสิทธิภาพดีกว่าวัตถุจำลอง เป็นสาเหตุให้ไคลน์พยายามใช้วัตถุจริงมาตลอด แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร มันกำลังถูกคุ้มครองโดยหน่วยพิเศษ ไม่สะดวกให้ประกอบพิธีกรรมโฉ่งฉ่างในห้องน้ำ
หากใครมาเห็นไคลน์กำลังจุดเทียนไขในห้องน้ำตอนกลางวันแสก ๆ คงเลี่ยงการตกเป็นเป้าสงสัยไม่ได้แน่
แต่ถ้าการทำนายด้วยวัตถุจำลองไม่ช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ ก็คงต้องยอมเสี่ยงนำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบนมิติสายหมอก…
ไคลน์พึมพำพลางเสกกระดาษหนังและปากกาหมึกซึมเพื่อเขียนประโยคทำนาย :
“ตำแหน่งปัจจุบันของเจสัน·บีเลียล”
โดยทั่วไป การพึ่งพาผ้าเช็ดหน้าจากพิธีกรรมมักไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ตามต้องการสักเท่าไร โอกาสทราบตำแหน่งปัจจุบันของเจสันจึงเรียกได้ว่าริบหรี่ เป็นเพราะผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าวไม่ใช่สิ่งของในชีวิตประจำวัน จึงมีจำนวนปฏิสัมพันธ์กับเจสันน้อยเกินไป
ยังไม่รวมถึงโอกาสถูกรบกวนจากบุคคลลึกลับ ตัวอย่างเช่น การเผลอไปทำให้ผู้ปกครองแห่งขุมนรกซึ่งเป็นเป้าหมายของพิธีกรรมของเจสัน เกิดความโกรธเคือง
อย่างไรก็ตาม ไคลน์ไม่กังวลการถูกแทรกแซงสักเท่าไร เนื่องจาก ผู้ปกครองแห่งขุมนรกคนนั้นคงเป็นเพียงปีศาจลำดับสูง ไม่น่าจะใช่ร่างจุติของด้านมืดแห่งเอกภพ
ห้วงมิติเหนือสายหมอกแห่งนี้เคยหยุดการแทรกแซงจากทั้งเทพสุริยันเจิดจรัสและพระผู้สร้างแท้จริงมาแล้ว หรือไม่ว่าจะเป็นระดับต่ำกว่าเล็กน้อยอย่างมิสเตอร์ประตู ก็ไม่เคยมีครั้งใดส่งสัญญาณเตือนถึงอันตรายเกินขอบเขต
ในส่วนของปัญหาเรื่อง ‘ผ้าเช็ดหน้าไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเจสัน·บีเลียลมากพอ’ ไคลน์เองก็จนปัญหาจะแก้ไข แม้แต่ห้วงมิติเหนือสายหมอกก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ต้องสวดภาวนาให้ตนมีโชคเท่านั้น
บางที หากมันได้เป็นผู้วิเศษลำดับสูงเมื่อไร ปัญหาดังกล่าวอาจมีวิธีแก้ไขในอนาคต
แต่ถ้าลองไตร่ตรองให้ดี… ในทางทฤษฎี ผ้าเช็ดหน้าของเจสันอาจนำมาใช้ทำนายได้ เนื่องจากขณะกำลังประกอบพิธีกรรม จิตใจ ร่างกาย และสติคนเราจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ส่งผลให้วัตถุรอบตัวซึมซับ ‘ตัวตน’ เข้าไปอย่างเข้มข้นกว่าปรกติ… ไคลน์ ผู้แตกฉานในศาสตร์เร้นลับพอสมควร พึมพำพลางวิเคราะห์หาโอกาสความสำเร็จ
ถัดมา มันถือกระดาษหนังเขียนประโยคทำนายไว้ในมือข้างหนึ่ง และถือผ้าเช็ดหน้ามายาไว้ในมืออีกข้าง ตามด้วยการเอนหลังพิงเก้าอี้และหลับตาลง
สติถูกเข้าฌานอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากชายหนุ่มขยับพึมพำซ้ำไปมา :
“ตำแหน่งปัจจุบันของเจสัน·บีเลียล”
เมื่อครบเจ็ดหน ไคลน์สะกดจิตตัวเองให้หลับเพื่อย่างกรายเข้าสู่โลกแห่งความฝัน
ท่ามกลางดินแดนสีเทาอันไม่คมชัด ฉากเหตุการณ์กำลังกระจัดกระจายรอบตัวไคลน์ในลักษณะไม่ปะติดปะต่อ
จนกระทั่ง ฉากเหตุการณ์หนึ่งเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนปกคลุมการมองเห็นไคลน์อย่างสมบูรณ์ ชายหนุ่มเริ่มตระหนักว่าจิตของตนกำลังดำดิ่งเข้าไปในดินแดนแห่งใหม่
ภายในความฝัน บรรยากาศรอบตัวค่อนข้างพร่ามัว ตรงหน้าเป็นโต๊ะไม้สีแดงเข้ม ใกล้กันมีร่างของชายคนหนึ่งกำลังยืนมองออกไปนอกมุขหน้าต่าง ด้านนอกเป็นสวนเขียวขจี
ใจกลางส่วนมีเรือนกระจกไว้สำหรับปลูกดอกกุหลาบจำนวนมาก พวกมันกำลังเบ่งบานอย่างน่าอัศจรรย์ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเย็นของเดือนธันวาคม
ภาพใบหน้าของบุคคลในฝันกำลังสะท้อนบนกระจกมุขหน้าต่าง อายุราวสามสิบ ส่วนสูงปานกลาง ผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
หือ… เราไม่ได้กำลังทำนายถึงเจสัน·บีเลียลหรอกหรือ… ชายคนนี้เป็นใครกัน? แล้วทำไมเราถึงเกิดความคุ้นเคยอย่างเจือจาง…?
แม้ว่าไคลน์กำลังฉงน แต่มันไม่มัวคิดให้เปลืองสมอง ปล่อยจิตล่องลอยไปตามฉากเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไหลลื่น ลักษณะเดียวกับการปล่อยตัวปล่อยใจท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมโลกวิญญาณ
ขณะชายหนุ่มเกิดคำถาม บุรุษในความฝันเริ่มเดินไปตรงมุมห้อง ณ จุดดังกล่าวมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หุ้มด้วยหนัง วางอยู่สองใบ
ชายปริศนานั่งยองลงและจัดการเปิดกระเป๋าใบหนึ่งออก ด้านในเต็มไปด้วยปึกธนบัตรจำนวนมากซึ่งถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านบนกองธนบัตรมีแท่งทองวางทับไว้จำนวนหนึ่ง
ตัวเลขบนธนบัตรระบุชัดเจนว่าพวกมันทั้งหมดมีมูลค่าสิบปอนด์ ด้านแท่งทองก็ส่องแสงแวววาวอย่างไม่น้อยหน้า
ชายปริศนาล้วงหยิบบางสิ่งออกจากช่องลับในกระเป๋า สะบัดมัน และคลี่กางออก
สิ่งนั้นคือหนังมนุษย์สีซีดแผ่นบาง!
หนังมนุษย์ทั้งตัว!
บุรุษปริศนารีบถอดเสื้อผ้าออกและสวมหนังมนุษย์ทับ ภายในระยะเวลาเพียงสิบวินาทีแสนสั้น มันกลายร่างเป็นเจสัน·บีเลียล เจ้าของดวงตาสีฟ้าอมเทา โหนกแก้มใหญ่ และเส้นผมหวีเรียบ!
มาถึงจุดนี้ ฉากความฝันตรงหน้าพลันแตกกระจัดกระจาย จิตไคลน์ถูกส่งกลับห้วงมิติเหนือสายหมอกพร้อมกับลืมตาขึ้น
เข้าใจแล้วว่าทำไมเจสันถึงกล้าลงมืออย่างอุกอาจหลายต่อหลายหน… เพราะในช่วงหลายสิบปีหลัง มันสวมมันหนังมนุษย์และปลอมตัวเป็นคนอื่นมาตลอด! สมกับเป็นปีศาจผู้เยือกเย็นและบ้าบิ่น!
ไคลน์ทำได้เพียงถอนหายใจ
ทั้งไอเซนการ์ด เรา หรือหน่วยพิเศษ ทุกคนต่างมองว่า การทิ้งภาพเหมือนของตัวเองไว้ใจกลางบ้านของเจสัน คือพฤติกรรมตามธรรมชาติและสามารถเข้าใจได้ แม้ว่าสิ่งนั้นอาจกลายเป็นเครื่องทุ่นแรงให้หน่วยพิเศษทำงานได้ง่ายขึ้นในภายหลังก็ตาม…
เพราะโดยทั่วไปแล้ว ทุกคนล้วนทราบดีว่าเจสัน·แพทริคมีรูปพรรณสัณฐานเป็นเช่นไร ทั้งจากปากคำของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงและพนักงานธนาคาร…
ถึงจะไม่มีภาพถ่ายแม้แต่ใบเดียว แต่ด้วยพลังพิเศษสักชนิด หน่วยพิเศษก็ต้องได้เห็นใบหน้าของคนร้ายเข้าสักวัน ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยเทคนิคการสืบสวนดังกล่าว คุณภาพของรูปจะสูงกว่าภาพถ่ายตามปรกติด้วยซ้ำ…
ดังนั้น ทุกคนจึงเข้าใจตรงกันว่า เจสันไม่มีเหตุผลให้ต้องทำลายภาพวาดสีน้ำมันของตัวเองในห้องนั่งเล่นทิ้งก่อนหลบหนี ทั้งหมดเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล…
แต่ใครจะไปคาดคิดว่านั่นคือ ‘ข้อมูลลวง’ ซึ่งถูกตอกลิ่มไว้ในใจทุกคนอย่างแนบเนียน ทำให้ทุกฝ่ายปักใจเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า เจสัน·แพทริคมีดวงตาสีฟ้า โหนกแก้มใหญ่ และเส้นผมหวีเรียบ!
ถึงเหยี่ยวราตรีจะเข้าไปในบ้านเจสันและลงทุนใช้ 1-42 แต่ในทางทฤษฎีทำนาย การเกาะรอยด้วยรูปลักษณ์ปลอมอาจได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ตรงตามความจริง…เหยี่ยวราตรีเจองานยากเสียแล้ว…
ความเจ้าเล่ห์ก็คือ ในการลงมือทั้งสองครั้งของมัน เจสันพยายามปกปิดใบหน้าปลอมอย่างมิดชิด ราวกับเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก…
ไคลน์ตระหนักถึงความน่ากลัวอีกฝ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ